เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra  (อ่าน 47478 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jen

  • Meeting
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 144
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2011 เวลา 10:55 น. »
คุณต่าย ลูกผมเรียนที่ วรรณสว่างจิต เหมือนกัน ผมเห็นมีเด็กบางคนเหมือนกันนะที่อายุมากกว่าเกณฑ์แล้วมาเรียนต่ำกว่า
เนื่องจากพัฒนาการไม่ทันเกณฑ์ ซึ่งผมว่าสาเหตุหลักของการแบ่งแยกเด็กตามอายุ เนื่องจากต้องการให้เด็กในห้องมีพัฒนาการใกล้กัน
ดังนั้นก็ต้องถามเหตุผลครูว่าทำไมต้องเรียนตามเกณฑ์ ถ้าเป็นแบบที่ผมว่า ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ยกเว้นที่เต็มแล้ว

เด็กที่เรียนบ้านเด็กเล็กแล้วขึ้นอ.1 ต่อค่อนข้างเยอะ เค้ารับเพิ่มจนครบ 4 ห้อง เดือนก่อนผมก็ไปถามเพราะจะมีเพื่อนอยากเอาลูกเข้า อ.1
ครูก็บอกไม่อยากรับเกินจำนวน เพราะห้องนึงมีครูแค่ 2 คน พอเต็มแล้วเค้าเลยไม่ยอมรับเพิ่ม

ก่อนเข้าที่โรงเรียน มีการสัมภาษณ์ก่อน ครูก็คุยกับพ่อแม่ก่อน ซึ่งผมก็บอกครูไปว่าลูกผมเป็นโรคลมชักแต่ไม่มีปัญหาเรื่องพัฒนาการ
เค้าก็รับนะ แล้วพอเข้าไปก็ไปครูประจำชั้นก็อ่านประวัติเด็กแล้วก็มาสอบถาม เราก็บอกวิธีการไป ปีที่ผ่านมายังไม่เคยไปชักที่โรงเรียนให้ครู
ต้องตกใจ พอดีนี้จะเปลี่ยนครู เดี๋ยวต้องไปย้ำกับครูประจำชั้นคนใหม่

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2011 เวลา 11:24 น. »
คุณต่าย ลูกผมเรียนที่ วรรณสว่างจิต เหมือนกัน ผมเห็นมีเด็กบางคนเหมือนกันนะที่อายุมากกว่าเกณฑ์แล้วมาเรียนต่ำกว่า
เนื่องจากพัฒนาการไม่ทันเกณฑ์ ซึ่งผมว่าสาเหตุหลักของการแบ่งแยกเด็กตามอายุ เนื่องจากต้องการให้เด็กในห้องมีพัฒนาการใกล้กัน
ดังนั้นก็ต้องถามเหตุผลครูว่าทำไมต้องเรียนตามเกณฑ์ ถ้าเป็นแบบที่ผมว่า ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ยกเว้นที่เต็มแล้ว

เด็กที่เรียนบ้านเด็กเล็กแล้วขึ้นอ.1 ต่อค่อนข้างเยอะ เค้ารับเพิ่มจนครบ 4 ห้อง เดือนก่อนผมก็ไปถามเพราะจะมีเพื่อนอยากเอาลูกเข้า อ.1
ครูก็บอกไม่อยากรับเกินจำนวน เพราะห้องนึงมีครูแค่ 2 คน พอเต็มแล้วเค้าเลยไม่ยอมรับเพิ่ม

ก่อนเข้าที่โรงเรียน มีการสัมภาษณ์ก่อน ครูก็คุยกับพ่อแม่ก่อน ซึ่งผมก็บอกครูไปว่าลูกผมเป็นโรคลมชักแต่ไม่มีปัญหาเรื่องพัฒนาการ
เค้าก็รับนะ แล้วพอเข้าไปก็ไปครูประจำชั้นก็อ่านประวัติเด็กแล้วก็มาสอบถาม เราก็บอกวิธีการไป ปีที่ผ่านมายังไม่เคยไปชักที่โรงเรียนให้ครู
ต้องตกใจ พอดีนี้จะเปลี่ยนครู เดี๋ยวต้องไปย้ำกับครูประจำชั้นคนใหม่

ตอนต่ายไป หมอเค้าสงสัย (แค่สงสัยนะ ยังไม่ใจนะค่ะ)  รร. เค้ามีนโยบาย ไม่รับเด็กพิเศษ เพิ่ม  (รับ 1 ห้องต่อ 1 คน)

เพื่อนเลยบอกให้มั่วเข้าไปเลย ให้แจ้งว่าเป็นเด็กธรรมดา แค่พัฒนาการช้าเท่านั้น

ครูที่นั่นยืนยันว่า ไม่ยอม เพราะเด็กพัฒนาการช้า ควรที่จะส่งเสริมพัฒนาการตามวัยเดียวกัน คือ อ.1   (คือให้กรอกใบสมัครทิ้งไว้นะค่ะ)

(คือ ที่เต็มแล้วนะค่ะ)

เลยตัดสินใจกับแฟนว่า เข้า รร. แนววิชาการไป เพราะ ไม่มีประโยชน์ที่จะรอ รอ รอ โดยไม่มีคำตอบ

แต่ตอนนี้ เลยไม่แน่ใจว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ หรือ แค่พัฒนาการช้า หรือเป็น ออ หรือ เป็นสมาธิสั้น  เป็นอะไร หมอพัฒนาการเองก็ยังไม่แน่ใจนะคะ

ส่วน รร. ปัจจุบันเป็นแนววิชาการ  เรียนค่อนข้างเร็วมาก  ลูกเลยมีปัญหาแค่ เขียนตัวหนังสือยังไม่ได้ (ได้แค่ โยง กับ วงกลม)  นอกนั้น ...ครู ยังจับผิดไม่ได้ นะค่ะ
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ nongtt

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 99
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2011 เวลา 12:46 น. »
ความจริงก็สมัคร อ.1 ไว้ให้ลูกเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่คิดว่าถ้าเค้ายังคุมชักจากไข้ไม่ได้ ก็ยังไม่อยากให้ไป เพราะถ้าไป รร ก็ต้องไม่สบายกลับมา พันเปอร์เซนต์ จากประสบการณ์ที่ให้เริ่มไป nursery ไม่ถึง 5 เดิอน ชักเพราะไข้มา 3 ครั้งแล้ว คือเค้ากินยาฆ่าเชื้อจนค่อนข้างดิ้อยาแล้วอ่ะค่ะ จึงอยากจะทิ้งช่วงซักหน่อย เพราะยาตัวใหม่ที่ให้ถามคุณหมอ ก็บอกว่าถ้ามีไข้แล้วชักก็ต้องเพิ่มยาอีก เหมือนต้อง test ไปเรื่อยๆ สำหรับ Homeschool คิดว่าคงต้องปรึกษากับทาง รร. ที่สมัครเรียนไว้แล้วด้วย ว่าถ้าเราหยุดไปซัเกเทอมแต่สอนเองตามหลักสูตรของ รร.ประมาณนี้ สามารถไปเข้าเรียนต่อแบบไม่ต้องไปเริ่มใหม่ได้มั๊ย (เค้าจะยอมรึเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ) คงต้องหาข้อมูลแล้วตัดสินใจอีกที

เมื่อวานเข้าไปขอประวัติกับผล EEG ที่ศิริราช ตั้งใจจะนำไปพบคุณหมอมนตรี แต่เซ็งมาก ต้องไปรอเหมือนตรวจปกติ แถมหมอบอกว่าเอาผลไปไว้ที่พญาไทแล้ว ต้องไปเอาที่นั่น ความจริงปกติหา OPD ที่พญาไท 3 ค่ะ แต่เคยมาทำ EEG ที่ศิริราช (คราวที่แล้วตอนถามที่พญาไท หมอบอกลืมเอามาใส่แฟ้ม เลยนึกว่าผลยังอยู่ที่ศิริราชค่ะ) เพราะทำที่พญาไทแล้วไม่สำเร็จ ประสบการณ์แย่มากค่ะ ถ้าใครคิดจะไปทำ EEG ที่พญาไทขอบอกว่าอย่าเลย เพราะแย่มาก ตอนนั้นนัดเองให้เข้าไปบ่าย 2 (กะว่าใกล้ๆเวลานอนกลางวันของเค้า) พอไปถึงต้องรอแฟ้มประวัติเกือบ 20 นาที่ แล้วก็ค่อยป้อนยาให้หลับ เราก็กล่อมลูกจนใกล้ๆหลับ พอเดินไปบอกพยาบาลว่าน้องจะหลับแล้ว เค้าก็ค่อยโทรไป (ไหนไม่รู้) รอจนน้องหลับไปแล้ว ยังไม่ได้ไปไหนต่อ เรายังอุ้มลูกอยู่ตรง OPD นั่นเลยค่ะ ทีนี้ก็ไปโวยวายสิคะ เพราะกลัวว่าลูกจะตื่นก่อน เค้าก็พาเราขึ้นไปข้างบน หน้าตาเหมือนห้องคนไข้ในที่เพิ่งออกไปแล้วยังไม่มีใครมาจัดห้อง+ห้องเก็บของ เครื่องมืออะไรก็ไม่เห็น หมอนยังไม่มีเลย มีแต่เตียง รออีกหลายนาที ก็ไม่มีวี่แววใครจะมา เหมือนโดนพามาทิ้งไว้ อารมณ์ตอนนั้นเดือดแล้ว เพราะลูกหลับไป 40 นาทีแล้ว ก็ไปโวยวายกับพยาบาลที่ Counter พยาบาลทำหน้าไม่รู้เรื่อง ว่าจะมีการตรวจ EEG อะไรกันด้วย (แย่มากเลย) พอโทรติดต่อไปไหนไม่รู้ ซักพักก็เดินมาบอกว่าเมื่อกี้เครื่องไม่ว่าง กำลังจะเข็นมา โอ้โห ฟังแล้ว จะบ้าตาย ก็เค้าเป็นคนนัดเราเอง แล้วมาบอกว่าเครื่องไม่ว่าง สักพักเข็นเครื่องมา คนติดเครื่องมือก็ดูเก้ๆกังๆ ติดได้ไม่ทันครึ่งหัวเลย ไตตั้นก็ตื่น ดึงสายออก จบกัน วันนั้นเสียเวลาไปตั้งแต่ บ่ายครึ่งจนถึงสี่โมงกว่า ไม่ได้อะไร แถมลูกต้องมากินยานอนหลับฟรีๆ  ............เรื่องนี้ผ่านมาเกินครึ่งปีแล้ว แต่ยังโกรธไม่หาย และเข็ดจนตายเลยค่ะ คิดว่าถ้าหมอนัดทำ MRI หรืออะไรเฉพาะทางจะไม่มาทำที่นี่เด็ดๆ ..............สุดท้ายก็คือมาทำที่ศิริราช ครึ่ง ชม.เสร็จ แต่เสียอย่างคือ ตอนไตตั้นตื่น เค้าหัวทิ่มเลย เดินไม่ได้ จนทุ่มแล้ว ยังเซอยู่เลย ไม่รู้ว่ายาแรงไปหรือเปล่า

วันนี้อากาศเลวร้ายไม่เป็นใจ อยู่ๆก็หนาวขึ้นมา + ฝนพรำๆตลอด เลยไม่อยากพาลูกออกไปข้างนอก ก็เลยยังไม่ได้เข้าไปพบหมอมนตรีค่ะ

หลังจากทาน Keppra มา 1 week แล้ว  side effect เรื่องอารมณ์ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ อาจมีเกรี้ยวกราดเพิ่มบ้างแต่ก็ไม่ชัดเจน เมื่อวานถามหมอ บอกว่าถ้าจะเป็นก็จะเกิดในช่วงแรกๆ 1-3 สัปดาห์ นี่แหล่ะค่ะ
สำหรับเรื่องขาเค้าก็ดูแข็งแรงขึ้นหน่อยนะคะ ไม่ล้มบ่อยมากแล้ว ดูดีกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คิดว่าถ้าไม่ชักซ้ำในเร็วๆนี้ก็คงค่อยๆดีขึ้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 16:00 น. โดย nongtt »

ออฟไลน์ kesureepa

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 99
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2011 เวลา 13:45 น. »
 

           สวัสดีค่ะคุณหน่อง,คุณต่าย

           ไม่รู้ว่าบ้านคุณหน่อง,คุณต่ายอยู่แถวไหน แอนได้ยินว่ารร.จิตเมท อยู่แถวพุทธมณฑลดีมากเลย ลูกน้องสาวแอน

            เรียนอยู่แต่รับไม่เยอะ ดูแลเด็กดีมากค่ะ เป็นแนวบูรณาการค่ะ

                                                                                                        แอน

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2011 เวลา 21:26 น. »
 

           สวัสดีค่ะคุณหน่อง,คุณต่าย

           ไม่รู้ว่าบ้านคุณหน่อง,คุณต่ายอยู่แถวไหน แอนได้ยินว่ารร.จิตเมท อยู่แถวพุทธมณฑลดีมากเลย ลูกน้องสาวแอน

            เรียนอยู่แต่รับไม่เยอะ ดูแลเด็กดีมากค่ะ เป็นแนวบูรณาการค่ะ

                                                                                                        แอน

ต่ายอยู่ พระราม 2 ค่ะ  ใกล้รร . วรรณสว่างจิตค่ะ
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ kedy

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 174
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2011 เวลา 11:28 น. »
สวัสดีค่ะคุณหน่อง และเพื่อนๆทุกคนค่ะ เข้ามาอ่านอยู่บ่อยๆนะค่ะ แนะนำตัวกับคุณหน่องก่อน

ชื่อเกดค่ะ ลูกสาวก็เป็นลมชักแบบ GTC ค่ะ ตอนนี้อายุ 2 ขวบจะ 3 เดือนแล้วค่ะ เริ่มเป็นตอน 1 ขวบ ชักแบบไม่มีไข้และชักซ้ำตอน 1.6 ขวบค่ะ ตอนนี้ทาน ฟีโนบาท ตัวเดียวค่ะ หาหมอที่ศิริราชเหมือนลูกชายคุณเจนค่ะ น้องไตตั้นยังหาอ.สรวิศหรือเปล่าค่ะ หรือเปลี่ยนหมอแล้ว ลูกสาวตรวจทั้ง CT, EEG, MRI ไม่เจอสิ่งผิดปกติค่ะ หมอบอกน่าจะชักเอง จากคลื่นในสมองมันช๊อต ตอนนี้ยังคุมอยู่ แต่ไม่รู้มันจะมาอีกเมื่อไหร่ เง้อ ก็ต้องระวังทั้งไข้ ทั้งเรื่องเหนื่อยมาก และนอนดึก พอมาอ่านเรื่องน้องไตตั้นจะไปรร.ก็เข้าใจคุณหน่องมากเพราะเกดก็ว่าจะพาลูกเข้ารร.ตอน 3 ขวบครึ่ง ปีหน้าแล้ว แต่ก็กลัวว่าไปรร.จะเป็นไข้และมีอาการ มันห้ามไม่ได้อ่ะน่ะ เลยตอนนี้สอนกันเองที่บ้านก่อน ปูพื้นฐานไปเรื่อยๆ น้องให้ความร่วมมือดีค่ะ ถ้าคุณหน่องไม่สบายใจลองสอนน้องที่บ้านก่อนมั๊ยค่ะ แล้วไปสมัครเรียนที่ไหนเอ่ย แพลนจะเข้าพค.นี้ใช่ป่าวค่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้นะค่ะ มีอะไรคุยกันได้ค่ะ เพื่อนๆน่ารักทุกคนเลย

ตอนลูกสาวไปทำ EEG ที่ศิริราช น่าสงสารมากเลย กว่าจะหลับได้ เพราะเค้าให้ออกมารอหน้าประตู เด๊ยวน้องร้องดังรบกวนห้องอื่น อุ้มกระแตงๆเดินไปเดินมา ร้อนก็ร้อน ยาคงแรงอ่ะค่ะ เอิร์นๆไปตื่นที่บ้านกันเลยที่เดียววว



ถึงคุณต่าย ที่บอกว่าให้เด็กเรียนตามเกณฑ์เนี้ย คือเข้าอ.1 ต้อง 3 ขวบขึ้นไปหรือเปล่าค่ะ แล้วลูกคุณต่ายเรียนที่ไหน เป็นแนววิชาการเลยหรือค่ะ ไม่ลองไปแนวบูรณาการที่อื่นอีกอ่ะค่ะ

ออฟไลน์ Jen

  • Meeting
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 144
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2011 เวลา 18:32 น. »
อ้างถึง
ต่ายอยู่ พระราม 2 ค่ะ  ใกล้รร . วรรณสว่างจิตค่ะ

อยู่ใกล้ๆ กันเลยคุณต่าย ผมอยู่ในซอยท่าข้าม 7

ออฟไลน์ nongtt

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 99
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2011 เวลา 23:41 น. »
 

           สวัสดีค่ะคุณหน่อง,คุณต่าย

           ไม่รู้ว่าบ้านคุณหน่อง,คุณต่ายอยู่แถวไหน แอนได้ยินว่ารร.จิตเมท อยู่แถวพุทธมณฑลดีมากเลย ลูกน้องสาวแอน

            เรียนอยู่แต่รับไม่เยอะ ดูแลเด็กดีมากค่ะ เป็นแนวบูรณาการค่ะ

                                                                                                        แอน

บ้านที่กรุงเทพฯอยู่แถวปิ่นเกล้าค่ะ แต่จริงๆส่วนใหญ่อยู่สุราษฎร์ แต่ก็ไปๆมาๆกรุงเทพฯ สองสามเดือนครั้ง มาธุระแล้วก็เยี่ยมพ่อกะแม่ด้วย ลูกเพื่อนๆหน่องหลายคนก็เรียนอยู่ที่จิตตเมตต์เหมือนกัน เห็นรูปหรือกิจกรรมของลูกเพื่อนใน FB แล้วน่าเรียนมากเลยค่ะ ความจริงเมื่อก่อนก็เคยคิดให้ไตตั้นเรียนที่นี่ แต่พอมีลูกคนเล็กตามมาก็เลยต้องรอไปก่อน เพราะดูคนเดียวสองคนไม่ไหว (หมายถึงพ่อต้องแยกไปอยู่สุราษฎร์แล้วเราดูลูกคนเดียว)


คุณเกด หน่องยังไม่ได้พาน้องไปหาหมอท่านอื่นเลย จริงๆ plan ว่าจะไปพบคุณหมอมนตรี ที่รพ.กรุงเทพเหมือนกัน แต่พอดีเมื่อวานฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตกพรำๆทั้งวันเลยไม่อยากพาลูกออกไปค่ะ กลัวโดนละอองฝน ส่วนวันนี้หมอก็ไม่เข้า คงต้องเลื่อนเป็นอาทิตย์หน้าไปเลย ที่ว่าอยากจะย้ายเพราะที่ผ่านมารู้สึกไม่ค่อยสะดวกในการติดต่อคุณหมอ อย่างตอนไตตั้นมีอาการขึ้นมาตอนอยู่สุราษฎร์ โทรไปที่พญาไทก็ต้องคุยผ่านพยาบาล เพราะหมอออก OPD แค่วันเสาร์วันเดียว เวลาจะ plan เดินทางขึ้นมาก็ไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเลือกให้ตรงกับวันเสาร์ ประมาณนี้ ส่วนถ้าไปหาคลินิกพิเศษนอกเวลาที่ศิริราชก็รอค่อนข้างนาน แล้วค่าใช้จ่ายก็ไม่ค่อยต่างกับเอกชน เพราะหน่องใช้สิทธิเบิกอะไรไม่ได้ ก็เคยถามหมอแล้วว่าจะโทรไปที่ศิริราชได้มั๊ยเวลาน้องมีอาการ คุณหมอก็บอกให้โทรมาที่พญาไทสะดวกกว่า เห็นว่าถ้าเป็นที่ รพ. กรุงเทพ คุณหมอออกตรวจเกือบทุกวัน น่าจะอุ่นใจกว่าค่ะเวลามีอะไร

ส่วนโรงเรียนที่สมัครไว้ให้ไตตั้น ชื่อโรงเรียนอุ่นรักสองภาษา ที่สุราษฎร์ค่ะ ที่เลือกโรงเรียนนี้ เพราะเทียบกับที่อื่นแล้วดูแลเด็กค่อนข้างใกล้ชิด คืออัตราครูต่อเด็กค่อนข้างดี (เมื่อเทียบกับที่อื่น) อย่าง nursery ที่ให้ไปเรียน ห้องนึงก็มีครู 3 คน เด็กไม่ถึง 20 ส่วนอนุบาลก็เห็นว่านักเรียนประมาณ 30 ครู 2 ท่าน อะไรก็โอเคหมดค่ะ แต่ติดตรงที่กันลูกไม่ให้ป่วยไม่ได้ ไปส่งทีไรเห็นเด็กน้ำมูกยืดแล้วอยากจะพากลับบ้าน คิดในใจว่ามันน่าจะมีโรงเรียนที่แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกตินะคะ หรือถ้าป่วยก็ให้กลับบ้านอย่ามาเรียนรวมกัน    เคยได้ยินว่าที่อเมริกาถ้ามีเด็กป่วย ครูให้พ่อแม่พากลับบ้านเลย (ไม่รู้จริงป่าว ถ้าบ้านเรามีงั้นจริงๆก็ดี ดีมากๆเลยแหล่ะ) ก่อนหน้านี้ก็สอนๆเองบ้างค่ะ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไร เพราะไม่อยากเร่งรัดลูกเกินไป อยากให้เค้าได้เล่นมากกว่ามาเรียนพวกวิชาการ แรกๆไม่ได้รู้สึกว่าเค้ามีปัญหาเรื่องพัฒนาการอะไร เพราะชักไม่ได้บ่อยมาก ที่สังเกตชัดหน่อยก็เรื่องขาที่ดูไม่ค่อยมีแรง เมื่อเทียบกับเด็กปกติอื่นๆ คุณย่าหรือญาติผู้ใหญ่ก็เคยทักอยู่เหมือนกันว่าน้องดูขาไม่แข็งแรง หน่องก็ไม่เคยนึกเลยว่าน่าจะเป็นผลจากการชัก เพราะไปกังวลเรื่องสมอง ความจำ พวกนี้มากกว่า ซึ่งก็คิดว่าเค้าดูปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่จากการชักระยะหลังที่ถี่ขึ้น ประมาณ  3ครั้งใน 4-5 เดือน เริ่มเห็นชัดเรื่องกล้ามเนื้อขา ทำให้กังวล  และกังวลไปถึงสมองด้วยว่าน่าจะกระทบ แลยเริ่มหาข้อมูลจนเข้ามาเจอ web นี้ล่ะค่ะ

มีเรื่องอยากปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆเหมือนกัน ถึงเรื่องพัฒนาการของลูกว่าปกติมั๊ย ต้องกระตุ้นพัฒนาการด้านไหนหรือเปล่า

คือตอนนี้ไตตั้นอายุ 3 ปี 4 เดือน
พูดเป็นประโยคได้ เล่าเรื่องราวได้ นับเลข 1-10 ได้ ถึง 100 บางทีก็ได้ แต่ต้องคอยบอกบางตัว เช่น 39 แล้วกลายเป็น 30 เราก็ต้องบอกว่า 40
ท่อง ก-ฮ ได้ A-Z ได้
แต่เรื่องเขียนนี่ยังไม่ค่อยได้ เนื่องจากไม่เคยฝึกให้ลูก บางทีเค้าก็จะเขียนเองตัวง่ายๆ เป็นเลข 0 1 หรือ ก
รู้จักธงชาติหลายประเทศ เพราะชอบธงชาติมาก
คือเรื่องสมองหรือความจำนี่ไม่ค่อยผิดสังเกต แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเด็กในวัยเดียวกันเค้าทำได้มากกว่านี้หรือเปล่า

แต่เรื่องการพูดนี่ บางทีจะพูดติดๆอยู่บ้าง เช่นต้องมีการ Start ซ้ำๆๆก่อนจะหลุดประโยคออกมา ซึ่งอันนี้เคยสังเกตอยู่ครั้งหนีงตอนเค้าชักเมื่อประมาณ 2 ขวบ ว่าหลังชักใหม่ๆ วันสองวันแรก จะพูดคล้ายๆติดอ่าง แต่พอซักพักก็กลับเป็นปกติ ตอนนั้นเลยไม่ค่อยกังวลใจอะไร

ส่วนเรื่องความแข็งแรงของขานี่ค่อนข้างเห็นชัดเมื่อเทียบกับเด็กปกติอื่นๆ คือ เดินดูไม่ค่อยมั่นคง หกล้มบ่อย (โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกๆหลังชัก) ก้าวขั้นบันได หรือ Step ไม่ค่อยไหว ต้องเกาะ กระโดด2 ขาพอได้ แต่ไม่ค่อยขึ้น ปีนป่ายไม่ค่อยได้  อ้อ! เมื่อสิ้นปีทีผ่านมาก็หกล้มฟันหน้ากระแทกพื้น รากฟันหัก ต้องถอนฟันหน้า 2 ซี่ ตอนนี้หลอเรียบร้อยแล้ว ช่วงนั้นเศร้าสุดๆ สงสารลูกมาก ตอนนี้พอมานึกย้อนกลับไป น่าจะเกิดจากที่เค้ามีอาการชักเมื่อ 20 พ.ย. ทำให้ขาอ่อนแรง หลังจากนั้น 1 เดือนก็เกิดอุบัติเหตุล้มฟันกระแทกพี้น

ประมาณนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าควรจะกระตุ้นพัฒนาการด้านไหนให้เค้าหรือเปล่า เช่น เรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือการพูด  แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ

ส่วนอีกเรื่องที่ยังสนใจอยู่คือ Homeschool หากใครมีข้อมูลหรือประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วยนะคะ 
 

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08:17 น. »
อ้างถึง
ต่ายอยู่ พระราม 2 ค่ะ  ใกล้รร . วรรณสว่างจิตค่ะ

อยู่ใกล้ๆ กันเลยคุณต่าย ผมอยู่ในซอยท่าข้าม 7

บ้านต่ายเข้าเลยเข้ามาในซอย เทียนทะเล 26 ค่ะ  มีเพื่อนใกล้บ้านกันด้วย อาจจะเคยเดินสวนกันแบบไม่รู้จัก 555
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08:25 น. »
คือเข้าอ.1 ต้อง 3 ขวบขึ้นไปหรือเปล่าค่ะ แล้วลูกคุณต่ายเรียนที่ไหน เป็นแนววิชาการเลยหรือค่ะ ไม่ลองไปแนวบูรณาการที่อื่นอีกอ่ะค่ะ

อยากไปแนวบูรณาการ ตั้งแต่ลูกเกิดแล้วค่ะ แต่ตอนนั้น ต่ายโทรไปวรรณสว่างจิต(เนื่องจากใกล้บ้านด้วย) ถามราคาก่อนที่จะเข้าไปดู

ฟังผิด เอาค่าเทอมทั้ง ปี คูณ 3 เทอม  ..ปาไป 180,000 บาท (ไม่รวมค่ารถ)  เลยถอยดีกว่า ไม่กล้าเหยียบเลย

เพราะว่า คนรู้จักคนนึง เข้าเคยส่งลูกเรียน เค้าคุยว่า ตัวเองส่งลูกเป็นแสนๆ มาแทบทุกโรงเรียนแล้ว


เวลาผ่านไป เลยไป มอง รร. กรพิทักษ์ แนววิชาการสุดๆ เลย ตอนส่งไม่คิดว่า เรียนเร็วมากด้วย คงเรียนๆ เล่นๆ


ต้องส่งที่นี่ เพราะว่า ดูแล้วคุ้มกว่า รร. ใกล้บ้าน ที่อื่นอีกเยอะนะค่ะ ดู รร. มีระเบียบ และสื่อการเรียนพร้อมกว่าในราคาเดียวกันนะค่ะ

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08:46 น. »
เคยได้ยินว่าที่อเมริกาถ้ามีเด็กป่วย ครูให้พ่อแม่พากลับบ้านเลย (ไม่รู้จริงป่าว ถ้าบ้านเรามีงั้นจริงๆก็ดี ดีมากๆเลยแหล่ะ) มีเรื่องอยากปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆเหมือนกัน ถึงเรื่องพัฒนาการของลูกว่าปกติมั๊ย ต้องกระตุ้นพัฒนาการด้านไหนหรือเปล่า

คือตอนนี้ไตตั้นอายุ 3 ปี 4 เดือน
พูดเป็นประโยคได้ เล่าเรื่องราวได้ นับเลข 1-10 ได้ ถึง 100 บางทีก็ได้ แต่ต้องคอยบอกบางตัว เช่น 39 แล้วกลายเป็น 30 เราก็ต้องบอกว่า 40
ท่อง ก-ฮ ได้ A-Z ได้
แต่เรื่องเขียนนี่ยังไม่ค่อยได้ เนื่องจากไม่เคยฝึกให้ลูก บางทีเค้าก็จะเขียนเองตัวง่ายๆ เป็นเลข 0 1 หรือ ก
รู้จักธงชาติหลายประเทศ เพราะชอบธงชาติมาก
คือเรื่องสมองหรือความจำนี่ไม่ค่อยผิดสังเกต แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเด็กในวัยเดียวกันเค้าทำได้มากกว่านี้หรือเปล่า


อันนี้จริงค่ะ จากเวปนี้  http://www.childrenhospital.go.th/webboard/index.php?board=2.0

หมอชอบเหน็บการศึกษาไทยบ่อยๆ ว่า ล้าหลัง และพูดถึงว่า ถ้าเป็นอเมริกา น้ำมูกไหลนิดเดียว ก็ไล่กลับบ้านแล้ว และแม่มีสิทธิ์ขอลางานด้วยเพื่อเลี้ยงลูก

เด็กไทยถึงป่วยบ่อย ไม่ค่อยโต


เรื่องเขียนนะคะ  เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง  แรกๆ ต่ายไม่รู้ว่าจะฝึกยังไง จนมาเจอ si

ให้ลูกจิ้ม สีน้ำ(แบบอัดแข็งก็ได้) แล้ว ระบาย โดยใช้นิ้วลากนะค่ะ (ใช้ทั้ง นิ้ว โป้ง ชี้ กลาง)

ต่ายทำอยู่ 2 วัน ลูก ลากตามเส้นประได้เลย ก่อนหน้านี้ ทำได้แค่ ลากเส้นโยง กับวงกลม

(และเคยฝึกลูกจากการคลิกเม้าด้วยนะค่ะ ก็พอช่วยได้ แต่ได้แค่นิ้วชี้ แต่ไม่แนะนำ เพราะลูก แย่งเล่นคอมไปเลย  ;D )

แต่ยังทำได้ไม่ดีมากนัก เพราะเพิ่งฝึก วันที่ 1 มีนานี้เอง

เรื่องความจำนะค่ะ ต่ายว่า อย่าเพิ่งกังวลมาก เพราะว่า ลูกต่าย ได้ประมาณช่วงอายุนั้น (ช้าหรือเร็วต่ายไม่รู้)

ซึ่ง กลายเป็นว่า เขาเขียนไม่ได้ แต่จำได้ และ ท่อง A-Z ได้ก่อนพูด และจำสี เป็นภาษาอังกฤษได้ก่อน พูดภาษาไทย 

สอนให้พูดไทย แต่ไม่ยอมพูด พอพูดภาษาอังกฤษดันพูดตาม

เด็กแต่ละคน ไม่เหมือนกัน  ถามหมอเวปโน้นก็ได้  http://www.childrenhospital.go.th/webboard/index.php?board=2.0

บางเรื่อง ลูกต่ายก็ได้มากกว่าเขา หลายเรื่องก็อยู่ในเกณฑ์พัฒนาช้าไปเลย
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ jelly

  • Meeting
  • จอมพลัง
  • *
  • กระทู้: 487
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08:50 น. »
อ้างถึง
ต่ายอยู่ พระราม 2 ค่ะ  ใกล้รร . วรรณสว่างจิตค่ะ

อยู่ใกล้ๆ กันเลยคุณต่าย ผมอยู่ในซอยท่าข้าม 7

บ้านต่ายเข้าเลยเข้ามาในซอย เทียนทะเล 26 ค่ะ  มีเพื่อนใกล้บ้านกันด้วย อาจจะเคยเดินสวนกันแบบไม่รู้จัก 555

บ้านผมอยู่แสมดำครับ เมื่อก่อนก็เข้าไปเรียน speech ในซอยแถวบ้านคุณเจน ข้างหลัง big c อะครับ  ;D ;D ;D

เรื่องเขียน เยลลี่ 3.7 ขวบครับ ขึ้น อ.1 ที่เด่นหล้าครับ ยังเขียนหนังสือไม่ได้ ไม่ยอมจับดินสอ ยังพูดประโยคยาวไม่ได้ เรียกว่ายังพูดสู้หลานผมอายุ 3 ขวบไม่ได้เลย
นับเลขได้แค่1-10 มีมั่วบ้าง  อ่านแล้วน้องไตตั้น เก่งกว่าเยลลี่เยอะครับ  :D :D :D

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 08:54 น. โดย jelly »
โรคลมชัก Infantile sapsms
Diagnosed IS 10 June 2009
รักษาด้วย Sabril+Dapakine
Seizure free since 11 June 2009
Meds free since 1 Sept 2011
Dr.มนตรี แสงภัทราชัย
รพ.กรุงเทพ

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 10:12 น. »
นับเลขได้แค่1-10 มีมั่วบ้าง 


ลองทำอันนี้ดูเล่นไหมคะ สนุกดีด้วย ตาราง 100 ช่อง ของพ่อธีร์ (ย่อรูปไม่เป็นนะค่ะ)แทบไม่ต้องสอนเลย เด็กสนใจเอง แล้วก็ถามว่า อ่านว่าอะไร แป๊ปเดียวจำได้ถึง 100
นับถอยหลัง จาก 100 -1
แถมด้วย จำเลขคู่ (2/ 4 /6 /8 จนถึง 100 )บวก 1 บวก 2 ในใจ(  บวก 3 4 5 ) ต่ายไม่ได้สอนเพราะไม่มีเวลา
และยังสอนได้อีกหลายเรื่องด้วย แบบ ไม่ได้อ่านจากตำรา เหมือนของเล่นมากกว่านะค่ะ


ฝึกสมาธิไปในตัวด้วย  ห้องเรียนเคลื่อนที่ (ลูกนอนไม่หลับก็ยังมีอะไรเล่น  ;D )
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ nongtt

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 99
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2011 เวลา 22:30 น. »
ขอบคุณคุณต่ายค่ะ ที่มักมีคำแนะนำดีๆมาให้ จะลองไปทำตามค่ะ




เรื่องความจำนะค่ะ ต่ายว่า อย่าเพิ่งกังวลมาก เพราะว่า ลูกต่าย ได้ประมาณช่วงอายุนั้น (ช้าหรือเร็วต่ายไม่รู้)

ซึ่ง กลายเป็นว่า เขาเขียนไม่ได้ แต่จำได้ และ ท่อง A-Z ได้ก่อนพูด และจำสี เป็นภาษาอังกฤษได้ก่อน พูดภาษาไทย 

สอนให้พูดไทย แต่ไม่ยอมพูด พอพูดภาษาอังกฤษดันพูดตาม

เด็กแต่ละคน ไม่เหมือนกัน  ถามหมอเวปโน้นก็ได้  http://www.childrenhospital.go.th/webboard/index.php?board=2.0

บางเรื่อง ลูกต่ายก็ได้มากกว่าเขา หลายเรื่องก็อยู่ในเกณฑ์พัฒนาช้าไปเลย

หงั่งงี้แปลว่า ช่วงเล็กๆยังบอกไม่ค่อยได้หรือคะว่าเค้ามีพัฒนาการเหมือนเด็กปกติหรือเปล่า หมายถึง ที่เราเห็นเค้าจำได้ ท่องได้ แต่พอไปเข้าเรียนกับเพื่อนๆอาจจะพัฒนาการช้ากว่าปกติก็ได้ เป็นกังวลซะแล้วสิคะ

แล้วไม่ทราบว่าถ้าไปตามศูนย์หรือโรงเรียนที่เค้ามีคุณครูกระตุ้นพัฒนาการ เค้าสอนอะไรบ้างคะ เท่าที่เคยคุยกับคุณเจน เห็นว่ามีโรงเรียนรุ่งอรุณ ว่าจะลองไปดูเหมือนกันค่ะ

ออฟไลน์ แกมแม่เนย

  • Meeting
  • จอมพลัง
  • *
  • กระทู้: 371
Re: กังวลเรื่องลูกเปลี่ยนยาจาก depakine เป็น keppra
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2011 เวลา 00:48 น. »
น้องเนย 3.1 ขวบ พูดยังไม่เป็นประโยค นับ 1-10 ได้ทั้งไทยและอังกฤษ (มีมั่วบ้าง), ก-ซ, ป, ผ, ม, ย, ฮ, กระโดดไม่ได้ จับดินสอลากเส้นไปมาได้, วิ่งไม่ค่อยได้ ขาไม่แข็งแรงเท่าไรค่ะ, เดินขึ้นบันไดเองได้นิดเดียว กำลังหัดให้บ้างค่ะ ส่วนใหญ่ต้องจับราวหรือจับมือคนอื่นถึงจะขึ้นได้, ยังไม่รู้จักสีและรูปทรงค่ะ

คิดเรื่องไป รร. เหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ไปซักทีเพราะชอบตื่นกลางดึกตีสองตีสามทำให้นอนตื่นสาย ทานข้าวยาก ไป รร.ไม่ทันแน่ค่ะ  :D



@ คุณต่ายคะ กระดาน 100 ช่อง เคยเห็นมีขายเป็นของญี่ปุ่นราคาเป็นพันเลย มีแบบชุดเล็กและชุดใหญ่ ดูไปดูมาเหมือนเล่น Bingo เลยใช่ป่าวคะเนี่ย
<ปัจจุบันรักษาโดยการผ่าตัด ทุเลาแต่ยังไม่หายขาด>

โอม ศรี คเณศายะ นะมะ ฮา
ขอบารมีองค์พ่อพิฆเนศ โปรดคุ้มครองเด็กๆ ทุกคนในเว็บลมชักคลับ ให้มีอาการดีขึ้นตามลำดับด้วยเถิด

 


Powered by EzPortal