เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก  (อ่าน 19434 ครั้ง)

แชมป์

  • บุคคลทั่วไป
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 13:48 น. »
ขอเพิ่มเติมต่อนะครับต่อจากกระทู้ข้างบนของผมพอดีมีธุระครับผมขออธิบายต่อเลยนะครับ(อันนี้ผมคิดเองนะครับ) เนื่องจากการรักษาโนคลมชักสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดและรักษาทางยา
เพราะฉะนั้นการจ่ายยาเดพากินก่อนเหมือนเป็นการดูว่าแพ้ยาเดพากินหรือเปล่า ถ้าไม่แพ้ยาถ้ามีการผ่าตัดทางระบบประสาทหรือสมองก็สามารถใช้ยาเดพากินเป็นยากันชักในห้องผ่าตัดได้ครับ
ขอโทษนะครับที่ได้ให้ข้อมูลผิดพลาด(ผมจำสับสนเรื่องชื่อยา)ยาที่ใช้ในห้องผ่าตัดทางระบบประสาทหรือสมองเพื่อกันชัก คือ ไดแลนติน ครับ แต่ก็ใช้จ่ายให้คนไข้โรคลมชักด้วย

แชมป์

  • บุคคลทั่วไป
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 14:19 น. »
ขอเพิ่มเติมต่อนะครับต่อจากกระทู้ข้างบนของผมพอดีมีธุระครับผมขออธิบายต่อเลยนะครับ(อันนี้ผมคิดเองนะครับ) เนื่องจากการรักษาโนคลมชักสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดและรักษาทางยา
เพราะฉะนั้นการจ่ายยาเดพากินก่อนเหมือนเป็นการดูว่าแพ้ยาเดพากินหรือเปล่า ถ้าไม่แพ้ยาถ้ามีการผ่าตัดทางระบบประสาทหรือสมองก็สามารถใช้ยาเดพากินเป็นยากันชักในห้องผ่าตัดได้ครับ


ไม่ทราบว่าคุณแชมป์เป็นคุณหมอหรือเปล่าครับ
เห็นอธิบายได้ลึกดีจัง
ต้องขอบคุณครับที่มาช่วยให้ความรู้
ผมไม่ใช่หมอหรอกครับ และผมขอโทษด้วยนะครับที่ให้ข้อมูลยาผิดนะครับขอประทานโทษด้วยนะครับ

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 20:20 น. »
ขอเพิ่มเติมต่อนะครับต่อจากกระทู้ข้างบนของผมพอดีมีธุระครับผมขออธิบายต่อเลยนะครับ(อันนี้ผมคิดเองนะครับ) เนื่องจากการรักษาโนคลมชักสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดและรักษาทางยา
เพราะฉะนั้นการจ่ายยาเดพากินก่อนเหมือนเป็นการดูว่าแพ้ยาเดพากินหรือเปล่า ถ้าไม่แพ้ยาถ้ามีการผ่าตัดทางระบบประสาทหรือสมองก็สามารถใช้ยาเดพากินเป็นยากันชักในห้องผ่าตัดได้ครับ


ไม่ทราบว่าคุณแชมป์เป็นคุณหมอหรือเปล่าครับ
เห็นอธิบายได้ลึกดีจัง
ต้องขอบคุณครับที่มาช่วยให้ความรู้
ผมไม่ใช่หมอหรอกครับ และผมขอโทษด้วยนะครับที่ให้ข้อมูลยาผิดนะครับขอประทานโทษด้วยนะครับ


อ่อ ไม่เป็นไรครับ
พึ่งจะทราบว่า ไดแลนติน ใช้ในห้องผ่าตัด
ลูกผมเคยได้รับยาไดแลนตินมาทานเหมือนกัน
แต่ปรับเปลี่ยนเป็นทานตัวอื่นไปแล้วครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ monfils

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 22:36 น. »
ขอบคุณคุณแชมป์ที่มาให้ข้อมูลเรื่องยานะคะ  รอยจ้ำเลือดหมออธิบายว่าเกิดจากเส้นเลือดฝอยเปราะและแตกง่ายจากผลของยาค่ะ  หากโดนกระแทกแรงๆอาจทำให้อวัยวะภายในเลือดออกได้เหมือนกัน เลยต้องระวังกันมากขึ้น  หลังจากลดยาลงเหลือเช้า-เย็น รู้สึกว่าลูกสดชื่นขึ้นไม่ง่วง ซึม ตลอดทั้งวันเหมือนเดิม คงเหมือนน้องเทรนด์ที่คุณป๊อปเล่าให้ฟังว่าลดเดพากินแล้วน้องแจ่มใสขึ้น  ลุ้นอยู่ว่าขอให้อาการวูบเป็นน้อยลงจะได้ไม่ต้องเพิ่มยาหรือเปลี่ยนยาอีก  ตอนนี้เค้าสังเกตตัวเองพอได้แล้วค่ะว่าจะวูบ คือจะเห็นเหมือนแสงแฟลชแล้วก็มีหมอกดำ (เหมือน dryice บนเวทีคอนเสิร์ต) เค้าก็จะรีบนั่งลงหรือหยุดเดินประมาณ 20 วินาทีก็หายไป แต่อาการหงุดหงิดตาขวางยังต้องคอยเตือนอยู่  วันที่ 8 มี.ค หมอนัดทำ EEG ภาวนาให้รู้สาเหตจะได้รักษาได้ตรงจุด สู้ไม่ถอยอยู่แล้วค่ะ 

ออฟไลน์ kedy

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 174
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 09:28 น. »
เป็นกำลังใจให้ครับ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญใดๆนะครับขั้นแรกต้องสังเกตว่าก่อนจะมีอาการชักมี aura (อาการเตือน) รึเปล่า ระหว่างชักมีสติอยู่รึเปล่าระหว่างชักมีอาการอย่างไร
หลังชักมีอาการอย่างไรบ้าง ส่วนยาเดพากินจะทำให้ขนขึ้นไว ขึ้นมาก แต่ถ้ามีอาการผื่นแดงไม่จำเป็นต้องคันหรือาจคัน ให้ปรึกษาคุณหมอทันทีนะครับ ถ้าการกินยาสามารถทำให้อาการชักลดลง หรือ หายไปอย่างเห็นได้ชัด คุณหมออาจจะให้กินยาต่อไปเป็นเวลา 2 ปี (เป็นการรักษาทางยา) ถ้าในระหว่าง 2 ปี ไม่มีอาการชักคุณหมออาจสั่งลดปริมาณยาลงจนสามารถเลิกยา แต่ถ้ามีอาการในระหว่างกินยาควรแจ้งให้คุณหมอทราบ

คุณแชมป์ค่ะ

ขอถามเกี่ยวกับยา carbamazepine พอจะทราบหรือเปล่า เพราะลูกสาวทานตัวนี้อยู่อ่ะค่ะ ทาน 2.5 cc ทุก 8 ชม. เห็นคุยกันเรื่องยา แต่ไม่มีตัวที่ลูกสาวทานอ่ะค่ะ ขอบคุณนะค่ะ

แชมป์

  • บุคคลทั่วไป
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 14:55 น. »

carbamazepine ยาตัวนี้มีผลการศึกษาแล้วว่าสามารถยับยั้งอาการชักได้ดีเหมือนกับไดแลนตินครับ
การจ่ายยากันชักจะจ่ายยาตามลักษณะของการชักนะครับเพราะฉะนั้นบางทีจึงเห็นผู้ป่วยบางคนทานยาทีละหลายๆตัวครับ
คุณ popja , kedy  , แม่ยิ้ม ครับ ผมอายุแค่ 24 ปีเองครับปีนี้ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับ ถ้าผมพูดไม่สุภาพหรือผิดพลาดประการใดผมก็ขอโทษด้วยนะครับ

ออฟไลน์ kedy

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 174
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 09:52 น. »
น้องแชมป์ ขอบใจนะจ๊ะที่มาตอบเรื่องยาจ๊ะ  :)

ออฟไลน์ Jen

  • Meeting
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 144
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 23:01 น. »
เข้ามา share ครับ

เรื่องรอยจ้ำเลือด น่าจะเป็นผลมาจากยามั๊งครับ (ควรถามหมออีกทีนะครับ) เพราะ Depakin มีผลทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งจะเกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย อันนี้จำมาจาก case ของลูกชายครับ

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 07:05 น. »
เข้ามา share ครับ

เรื่องรอยจ้ำเลือด น่าจะเป็นผลมาจากยามั๊งครับ (ควรถามหมออีกทีนะครับ) เพราะ Depakin มีผลทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งจะเกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย อันนี้จำมาจาก case ของลูกชายครับ

อืมม ผมมานั่งคิดถึงน้องเทรนด์แล้ว
ใบหน้าเขา เวลาไปนอนทับอะไรแป๊ปเดียวขึ้นแดงที่หน้าเร็วมาก สงสัยจะเป็นที่ depakin แน่เลย
สู้สู้

ออฟไลน์ kesureepa

  • Meeting2
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 99
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2011 เวลา 10:50 น. »


   สวัสดีค่ะคุณmonfils

          แอนค่ะเป็นคุณแม่หลิงหลิงเป็นดาวน์ด้วยมีลมชักด้วย แอนเข้ามาเป็นกำลังใจค่ะ แต่แอนว่าคนที่จะอธิบายได้ชัดเจนในเรื่องของน้องเขาคือคุณต่ายใช้นามแฝง

      ว่าthank-epอะไรนี่แหละค่ะคุณต่ายเป็นตอนวัยรุ่นน่าจะอายุไกล้เคียงกันปัจจุบันมีลูกแล้ว คุณต่ายสามรถควบคุมลมชักได้ด้วยตัวเอง เห็นบอกว่าพอจะมีอาการ

      ก็จะสังเกตุตัวเองใช้สติสามาธิข่มอาการลองดูนะคะแอนว่าลองขอคำแนะนำจากคุณต่ายดู เดี๋ยวแอนจะโทรบอกให้คุณต่ายมาอ่านกระทู้นี้เลย และอีกอย่างที่แอนเคยอ่าน

          หนังสือธรรมสวัสดีได้อ่านคอรัมของคุณชัญญา เศรฐบุตรเป็นลมชักชนิดวูบเหมือนกันเขารักษาที่เถียรธรรมสถานด้วยวิธีทางธรรมชาติบำบัดซึ่ง

          ปัจจุบันหายขาดแล้วค่ะไม่ต้องทานยาอะไรเลยจากที่เคยทานวันละเกือบ50เม็ด ลองดูค่ะสำหรับคนที่โตแล้วรักษาทางนี้ดีค่ะ เป็นกำลังใจค่ะเข้าใจหัวอกแม่

          ด้วยกันเราจะสู้ไปด้วยกันค่ะ ปัจจุบันลูกแอนก็ยังคุมชักไม่ได้เลย พัฒนาการก็อยู่เท่าเดิมค่ะสู้นะคะ


ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2011 เวลา 22:17 น. »
Thanks  ขอบคุณ
Epi ( ย่อมาจาก Epilepsy) ลมชัก

พอดีกระทู้เพิ่งถูกดันขึ้นมานะค่ะ ต่ายเลยไม่เคยเข้าไปตอบกระทู้ เพราะเห็นว่านานมากแล้ว

ต่ายเริ่มชัก ก็ช่วงอายุประมาณนี้ ตอนนี้ 36 ปีแล้ว มีลูก 1 คน ปัจจุบัน ต่ายคุมชักได้ แต่ยังไม่หายขาด ถ้ามีสิ่งกระตุ้นแรงมากๆ

ตอนที่ชักครั้งสุดท้าย (ก่อนคุมชักได้) ต่ายชักก่อนคลอดลูกชายคนนี้  (หมอสูติ ตกใจมากมายเลย  ;D  ;D)

ตอนนั้น ถามตัวเองว่า จะทำงานหาเงินเลี้ยงลูก หรือ จะกลับไปชักเหมือนเดิมอีก แล้วอดตายกัน  สรุปให้ตัวเองเลย คือ ไม่ชักดีกว่า

อาการเลยดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนหายไป  มาชักอีกครั้งตอนแม่ป่วย (ตอนนั้นสติหลุด ต้องพบจิตแพทย์ช่วยรักษาอาการซึมเศร้าด้วย) เลยผ่านมาได้

มาเป็นอีกครั้งนึง ตอนนั้นเครียดมากจนจะอ๊วก กลัวตัวสั่น  อาการ aura กลับขึ้นมาอีก  นึกได้ว่า อาการชักแน่ๆ เลยตั้งสติได้ว่า "ไม่ชักนะๆ"

แล้วก็ท่อง นะโมตัสสะไปเท่าที่จะทำได้  ร่างกาย เหมือนถูกดึงแรงๆ ภาพออร่าถูกตัดไป  แล้วก็กลับมาเป็นปกติ  ครั้งนั้นเป็นอาการชักครั้งสุดท้าย


ส่วนอาการทางด้านจิตใจก็คงต้องประคับประครองกันไป  

เรื่องวัยรุ่น จะมีปัญหาตามมา คือ อายคนอื่น ขาดความมั่นใจ ฯลฯ เรื่องนี้คงต้องให้จิตเวชวัยรุ่นช่วยด้วยน่าจะดี หาตาม จุฬา หรือ รามาก็ได้

และ สิว......เป็นปัญหาที่ตามมาอย่างไม่น่าจะเป็นปัญหา  ;D ;D (และขนด้วยค่ะ)  ;D  ;D

ส่วนเรื่องรอยจ้ำนั้น น่าจะเกิดจากยาด้วย เพราะต่ายเอง เคยฉีด filler แล้วหมอก็ตกใจนะว่า ทำไม รอยช้ำไม่หายเสียที เป็นนานมาก

หมายเหตุ ..คนลมชัก ก็อยากสวยเหมือนกันจ๊ะ  ( จริงๆ แล้วมันเป็นปมด้อยนะ ถ้าจากความรู้สึกต่าย ตอนที่ป่วยมองหน้าตัวเอง ยังกะไม่ใช่คน )

เพิ่มเติมอีกนิดเรื่องเกร็ดเลือดต่ำ อันนี้จริงค่ะ เพราะตอนที่ต่ายจะคลอด หมอลมชักแจ้งว่า ช่วงที่คลอดนั้น ให้หมอสูติฉีดวิตะมัน เค ด้วย กลัวเสียเลือดมาก

แล้วก็ลงในบันทึกคนไข้

 ;)และตอนที่คลอด ต่ายต้องหันไปหาหมอสูติ ว่า "ช่วยฉีดวิตตะมินเค  ตามหมอสั่งด้วยค่ะ หมอเขียนอยู่ในแฟ้ม"




อยากให้คุณแม่น้องแม๊กซ์ตั้งกระทู้ใหม่ด้วยก็คงดีนะค่ะ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2011 เวลา 22:27 น. โดย Thanks-Epi »
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ monfils

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2011 เวลา 11:58 น. »
สวัสดีค่ะ
      ห่างหายไปนานมากไม่ได้เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ของลูกชายอย่างต่อเนื่อง จนได้รับอีเมลจาก lomchakclub.com ทำให้นึกขึ้นได้ว่าที่ตรงนี้คือที่แรกที่ให้คำแนะนำและความรู้ต่างๆของเรื่องลมชักแก่ครอบครัวเราขอขอบคุณอีกครั้งนะคะ ตอนนี้เป็นเวลา 1 ปีกับ 5 เดือนแล้วที่ลูกชายกินยากันชัก  เป็นเดพากินตัวเดียวแต่ปรับ-ลดขนาดมาเรื่อย จน3เดือนสุดท้ายเ็ป็นเดพากิน โครโน 1000 มก.เช้า-เย็นไม่มีอาการอีกเลยจากก่อนหน้านี้ยังมีอาการอยู่ประมาณเดือนละ 4-5 ครั้ง  ตอนนี้ดีใจมากเลยค่ะถึงแม้ว่าจะเพิ่งผ่านมาแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่มันก็ทำให้มีความหวังว่าสักวันลูกจะหายเป็นปกติ อาการข้างเคียงต่างๆก็ไม่มีอะไรแล้วอาจจะเพราะร่างกายเค้าปรับตัวได้เอง คุณหมอบอกว่ายังไม่อยากเปลี่ยนยาจนกว่ายาตัวนี้จะเอาไม่อยู่ การใช้ชิวิตประจำวันก็เกือบเป็นปกติแล้วค่ะไปร.ร.ได้เล่นกีฬาได้ แต่บางกิจกรรมก็ต้องยกเว้น อาจารย์และเพื่อนๆก็เข้าใจและดูแลให้เป็นอย่างดี จากนี้ไปจะพยายามดูแลเรื่องสิ่งกระตุ้น สิ่งเร้า ที่อาจจะทำให้เกิดอาการชักอีก และขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดีและขอร่วมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับทุกท่านค่ะ

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2011 เวลา 17:03 น. »
ดีใจกับน้องด้วยครับที่ไม่มีอาการแล้วครับ ขอให้หายเป็นปกติเลย พ่อแม่ก็มีความสุขแล้วครับ


ส่วน email ที่ส่งไปนั้นเผื่อว่า มีข้อมูลใดในเว็ปที่เพิ่มมาใหม่แล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์น๊ะครับ
แล้วสมาชิกเก่ายังไม่ทราบก็เลย ส่งไปแจ้งให้ทราบหนะครับ
ส่วนสมาชิกที่สมัีครเข้ามาใหม่ก็จะได้รับ email เหมือนอย่างนี้เช่นกันครับ


ส่วนเรื่องการ update ข้อมูลของน้องๆ จริงๆแล้วจะมา update ตอนไหนก้ได้ครับ
เพราะผมเองก็เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะเวลาน้องวินลูกผมมีอาการมากๆ ผมเองก็เครียดไม่ค่อยมีจิตใจจะเข้ามา update
อะไร บางทีก็หายไปหลายเดือน กว่าจะมาเขียนลงกระทู้ ผมทราบว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ยังเครียดกันอยู่
ให้สบายใจก่อน บางทีพอน้องเริ่มดีขึ้น ก็ยังไม่อยากมา update ก็มี บางทีก็เป็นเคล็ด  ;D    ผมเองก็มีคิดแบบนี้เหมือนกัน
แต่ก็เป็นแนวทางให้กับสมาชิกใหม่ได้รู้ว่า ควรทำอะไรยังไงบ้างครับ


ขอบคุณมากๆครับ
และขออารธนาบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย ช่วยปกปักคุ้มครองให้ลูกคุณ monfiles หายเป็นปกติ ให้ได้หยุดยาเร็วๆ
และเป็นลูกที่ดีของคุณ monfils ครับ


สู้สู้

ออฟไลน์ monfils

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2011 เวลา 19:01 น. »
จนแล้วจนรอดก็ลืมแนะนำตัวจนได้ ชื่อยิ้มค่ะ แม่น้องยีน อายุ 39 ปีคงจะมีทั้งพี่ๆและน้องๆนะคะ  ตอนนี้ก็ได้แต่คอยลุ้นไปเรื่อยๆเริ่มนับได้ถึง3แล้ว จะเป็นกำลังใจตลอดไปนะคะ

ออฟไลน์ NONG

  • Shoutbox
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 1,451
Re: เมื่อลูกวัยรุ่นเป็นโรคลมชัก
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม 2011 เวลา 19:38 น. »
ยินดีด้วยค่ะคุณยิ้มที่น้องยีนคุมชักได้ทาน depakine แค่อย่างเดียวมีโอกาสหายขาดได้นะคะ เดี๋ยวนี้หมอให้นับแค่ 12 ก็เริ่มลดยาแล้ว เอาใจช่วยค่ะ

 


Powered by EzPortal