เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ  (อ่าน 20905 ครั้ง)

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มกราคม 2010 เวลา 16:41 น. »
ขอเริ่มกันเลยน๊ะครับ

      เมื่อลูกผมอายุประมาณ 4 เดือน เริ่มมีอาการกระตุกที่แขนซ้ายก่อน ระหว่างกินนมครับ แล้วก็มากระตุกแขนขวา และก็มาที่ขาทั้ง  2 ข้างครับ
ตอนเป็นครั้งแรกก็ยังสังเกตอาการก่อน แต่เมื่อเป็นครั้งที่ 2 อาการเดียวกัน จึงพาไปพบคุณหมอ ในระหว่างรอ ก็เกิดอาการกระตุกอีก
แต่คราวนี้กระตุกทั้งตัวครับ ทั้งแขนและขากระตุกหมดครับ (ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้แต่อย่างใดครับ) ซึ่งได้ขอลัดคิว
เข้าพบคุณหมอเลย คุณหมอก็บอกว่าให้จับนอนตะแคง เพราะจะหายใจได้สะดวกขึ้น และก็ให้ยา แวเรียม (ไม่รู้สะกดถูกไหม รู้สึกจะเป็น
ยานอนหลับแบบหนึ่ง เพื่อให้หยุดอาการชักชั่วคราวก่อน)

หลังจากที่เป็นแล้ว ต่อมาก็เริ่มชักถี่ขึ้นครับ เป็นครั้งนึงราวๆ 3 นาทีได้ โดยลักษณะอาการ จะมีตาลอยค้าง เกร็งทั้งตัว แขนขากระตุก
ซึ่งเมื่อเข้าพักที่โรงพยาบาลแล้ว เวลาเป็นก็เอาอ๊อกซิเจนให้เวลาเกิดอาการชักครับ  หลังจากชักเสร็จ บางครั้งก็ร้องไห้ บางครั้งก็ไม่ร้อง
แต่ที่สำคัญคือ ขณะที่หลับอยู่ก็ลืมตาค้างขึ้นมาชักได้ครับ ในช่วงนั้นต้องคอยสังเกตุอาการตลอดเวลา เฝ้าทั้งวันทั้งคืน
แต่หน้าน้องจะไม่ซีดเขียวน๊ะครับตอนชัก (ซึ่งเป็นอาการชักแบบหนึ่งที่ขาดออกซิเจนด้วย)  

ในการชักช่วงแรก ตกวันละ 6 ครั้งได้ต่อวัน (รวมทั้งตอนหลับแล้วเด้งขึ้นมาชักครับ)

การรักษาของคุณหมอ ก็คือช่วงแรกจะให้ยา xxx (ไม่รู้ชื่อหนะครับ)
โดยให้ทางสายน้ำเกลือครับ โดยใช้เครื่องให้ยาแบบกดหลอดยาให้อัตโนมัติ ให้ครั้งนึงก็ประมาณ 1 ชม. ให้ควบคู่ไปกับยา เดพพากินครับ  (ซึ่งคุณหมอบอกว่ายา xxx ไม่ใช่ยารักษา แต่เพื่อให้น้องเขาไม่ชักเยอะไปก่อนครับ) ส่วนอีกตัวนึงคือยา เดพพากิน
(คุณหมอบอกว่าตัวนี้เป็นยารักษาอาการชัก) แต่ต้องรอให้ยาถึงระดับก่อน ซึ่งจะตรวจได้โดยการเจาะระดับยาในเลือดครับ ซึ่งกว่ายาจะได้ระดับ
ก็ประมาณ 1 อาทิตย์ครับ  หลังจากให้ยาไปประมาณ 2-3 วัน ระยะเวลาของอาการชักจะเริ่มห่างขึ้นจากเดิมครับ

สรุปแล้ว เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณ 11 วันได้ครับ แต่ช่วงอยู่โรงพยาบาลนั้น ผมสังเกตว่าจะมีอาการอย่างนึงเพิ่มขึ้นมา
ก็คืออาการกระตุกเล็กๆครับ จะเป็นบ่อยช่วงกำลังเคลิ้มคือช่วยตอนกินนมครับ แขนขามือ จะมีกระตุกแบบ แขนซ้าย ขาขวา ขาซ้าย ...
ไล่ไปเรื่อย บางครั้งก็พร้อมกัน ก็มี แต่ไม่ใช่ชักครับ  บางครั้งกระตุกแรงมากเหมือนกับคนเราผวาสุดแรง เราอุ้มอยู่นี่รู้เลยถึงความแรง
ของอาการกระตุกนั้น

หลังจากที่กลับบ้านไปวันแรกอาการ กระตุกที่ว่านั้น จะเป็นน้อยๆ แต่ถี่มากๆครับ  ผมจับเวลา 15 นาที กระตุกไป 12 ครั้ง (กระตุกเล็กๆน๊ะครับ
จับเวลาตอนกินนมเคลิ้มที่สุด) แต่น่าแปลกใจที่วันต่อมาไม่มีอาการให้เห็นอีกเลยครับ

สำหรับเรื่องพัฒนาการของน้อง ช่วงก่อนหน้านี้พัฒนาการของน้องเขา ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถือว่าคุยเก่งมากครับ น้ำหนักตัวอาจจะเยอะนิดนึง 8.4 กก.
ช่วง 3 - 4 เดือน ยังชูคอได้ไม่สูงครับ  อาจจะเพราะน้ำหนักตัวได้
ยังไม่พลิก คว่ำหงาย แต่เป็นเด็กที่อารมณ์ดีมาก ยิ้มเก่งคุยเก่ง คุยจ้อเลยแหละครับ แต่น้องเขาต้องกินธาตุเหล็กประจำครับ
วันละ 0.5 มิลลิกรัมครับ  เพราะคุณหมอบอกว่าระดับธาตุเหล็กต่ำตั้งแต่ตอนคลอดแล้วครับ

หลังจากกลับมาอยู่บ้าน ยาที่ได้ไปกิน ก็จะมี เดพพากิน เช้า/เย็น ครั้งละ 0.4 cc ครับ ใช้หลอดดูดขึ้นมาแล้วฉีดเข้าปาก
ซึ่งกว่าจะกินได้สงสารน้องเขาครับ เพราะลองชิมแล้วมันแบบชาๆที่ลิ้นหน่อยๆ รสฝาดๆ ต้องปลุกเขามากิน แต่น้องเขาก็อาการดีขึ้น
เราก็สบายใจแล้วครับ

ตอนนี้ขอแค่นี้ก่อนน๊ะครับ
เดี๋ยวยังเล่าไม่จบน๊ะครับยังมีต่ออีกครับ พอดีเมื่อยมือมากครับ ^.^
หวังว่าประสบการณ์ที่ได้ส่งให้ท่านทราบนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ



ปล. พอดีผมสรุปใหม่แบบกระทัดรัดไว้ข้อความด้านล่างครับ ผมว่าอ่านแล้วน่าจะสะดวกกว่าครับ พอดีสนทนากับคุณเกดเลยขอ copy มาใส่ล่ะกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2010 เวลา 01:08 น. โดย popja »
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 27 มกราคม 2010 เวลา 22:55 น. »
   ลูกผม ปกติจะฝากเนิร์สเซอรี่ครับ ตอนอายุได้ 4 เดือน พยาบาลที่เนิร์สเซอรี่โทรมาบอกว่า น้องเขาชักครับ ผมตกใจมาก แต่ตอนชักครั้งนั้นเขายังไม่ได้ชักหน้าเขียวเกร็งเหมือนอาการของลูกคุณ kedy ครับ ตอนนั้นเขาค่อยๆกระตุกทีละแขนครับ ระหว่างทานนม ตอนนั้นผมตกใจมาก ผมกับแฟนรีบไปรับลูกแล้วก็พาไปโรงพยาบาล
ตอนระหว่างรอหมอ ลูกผมชักทั้งตัว ตาค้างเหลือกขึ้นด้านบนครับ ชักอยู่นานประมาณ 3 นาทีครับ ผมกับแฟนรีบวิ่งไปตามคุณหมอ เพราะคิวรอหมอนานมากเลยครับ
ขอตัดคิวเข้าพบคุณหมอก่อน จำได้ว่าคุณหมอ สั่งให้นอนตะแคง เพราะจะได้หายใจได้สะดวกขึ้นครับ (ตอนหลังเวลาน้องชักผมก็จับเขาตะแคงทุกครั้งครับ) แล้วคุณหมอก็ให้ยา
แวเรียม ไม่รู้สะกดอย่างไร เข้าใจว่าเป็นยานอนหลับชนิดนึงครับ เพื่อทำให้หยุดชัก แต่ยาตัวนี้เป็นยาใช้ชั่วคราวครับ ไม่ใช่ยารักษาครับ
             หลังจากนั้นลูกผมก็ admit  ระหว่างการ admit ลูกผมชักเกร็งกระตุกทั้งตัว หลายครั้งครับ อย่างน้อยก็วันละครั้งครับ บางวันก็หลายครั้ง
แรกๆจะชักนานประมาณ 3 นาที ส่วนใหญ่ชักเสร้จจะร้องไห้ครับ บางครั้งก็หลับ คุณหมอบอกว่า ถ้าน้องชัก จะใช้พลังงานเยอะ จะเหนื่อยและหลับไปหลังชัก หลังๆ พอเริ่มได้ยาคุมชัก depakin (ยาน้ำใสๆครับ กินประมาณ 0.4 cc) ไปประมาณ เกือบอาทิตย์ พอระดับยาเริ่มถึงเกณฑ์
น้องก็เริ่มชักลดลงครับ ระยะเวลาชักก็เริ่มน้อยกว่าตอนแรกครับ  ลูกผม admit อยู่ประมาณ 11 วันครับ ระหว่างที่ admit มีอาการกระตุก ผวา บ่อยมาก ยิ่งเวลากินนมเคลิ้ม เขาจะชอบแขนขา กระตุกเล็กๆครับ
สลับไปสลับมา บางครั้งผมอุ้มลูกอยู่ กระตุกแรงมากๆ ครับ ผมตกใจเลย  ผมกับแฟนช่วงนั้นก็ผลัดกันนอนครับ เพราะระหว่างที่ลูกหลับก็เด้งขึ้นมาชักตาเหลือกขึ้นด้านบนแล้วก็ชักทั้งตัวแขนขาครับ เลยต้องดูอยู่ตลอดเวลาเหมือนกันครับ หลับไม่ได้เลย
          อาการก่อนน้องจะชัก ผมรู้สึกว่า น้องเขาจะผวาบ่อยมากครับ นอนหลับไม่ค่อยสนิทครับ ส่วนพัฒนาการน้องเขาก็คอยังไม่แข็งซักทีครับ หลังก็ยังไม่แข็งครับ
                      พอออกจาก admit ก็ได้รับยา depakin กินทุกวัน 2 เวลา เช้าเย็น วันละ 0.4 cc ครับ
                     จนอายุได้ 8 เดือน น้องเริ่มมีอาการผวากลับมาใหม่อีก ซักระยะหนึ่ง แล้วคืนวันนึง อยู่ๆเขาก็ร้องไห้ โยเยโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งตอนชักครั้งก่อน ก็เป็นลักษณะเดียวกัน ซักพักนึง ก็เห็นเขาชัก ตกใจมาก ไม่นึกว่าน้องเขาจะชักขึ้นมาอีก เพราะอาการหายไปตั้ง 4 เดือนแล้ว ผมก็แฟนรีบพาไปโรงพยาบาล แล้วก็ admit ทันทีครับ คุณหมอบอกว่า ระดับยาต่ำ เลยเพิ่มยาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนถึงกินครั้งละ 1 cc แต่น้องเขาก็ยังคงชักอยู่ครับ คุณหมอบอกว่า น้องดื้อยา เลยเพิ่มยากเข้าไปใหม่อีก 2 ตัวคือ dailantin และ topamax ครับ ซึ่ง admit อยู่ประมาณ อาทิตย์นึงก็กลับบ้านครับ คราวนี้ยาเยอะเลย สงสารลูกเวลาต้องกินยาครับ มันยากมากจริงๆ
ก็ภาวนาให้หายเป็นปกติ ทรมานมากเห็นลูกชัก
           พอกลับมาบ้านได้ประมาณ 3 วัน แฟนผมสังเกตเห็นว่า ตอนลูกกินนมเสร็จ ลูกผมจะหลับบนตักแม่ แต่อยู่ๆลูกลืมตาขึ้นมาเหมือนกับเหม่อครับ แล้วหน้าก็ซีด ซักพักปากก็เริ่มเขียวนิดๆ แฟนผมเลยบอกผม ตอนแรกผมไม่แน่ใจ แต่ก็กังวลเลยพาลูกไปหาหมอ ตอนเที่ยงคืนได้ พอไปถึง ลูกก็ตื่นเล่นดี ตอนแรกจะกลับแล้ว แต่พอดีคุณหมอต้องเอาเลือดไปตรวจ เลยรอนาน ระหว่างรอ ก็มีอาการเดิมขึ้นมาอีก คือ ลืมตาเหม่อลอย หน้าซีด ปากเขียว แขนขาเกร็ง น่าจะเป็นอาการเหมือนกับลูกคุณตอนเป็นครั้งแรกหนะครับ ผมกับแฟนรีบอุ้มพาไปห้องฉุกเฉิน คุณหมอเลยให้อ๊อกซิเจน แล้ว admit อีกครั้งครับ คราวนี้ ชักแบบว่า นิ่งๆลืมตา หน้าซีด ปากเขียว แขนขาเกร็งนิ่งๆ บางคร้งก็มีกระตุกนิดๆครับ ผมก็แฟนก็ทำเหมือนเดิม คือผลักกันนอน  น้องชักบ่อยมากครับ วันละอย่างต่ำ 3 ครั้งได้ครับ ตอน admit ตอนนี้คุรหมอให้เอาเครื่อง ตรวจจับชีพจร กับวัดออกซิเจนในร่างกายมาให้ครับ ถ้าอ๊อกซิเจนตกกว่าเกณฑ์ที่กำหนดมันจะร้องครับ ซึ่งบางครั้งผมเผลอหลับ (เพลียมาก) อ๊อกซิเจนตก เครื่องก็ร้องครับ ผมจึงได้รู้ว่าลูกชัก รีบเอาอ๊อกซิเจนจ่อเลยครับ ลูกผมมีปัญหาอีกอย่างคือหาเส้นไม่เจอ admit ครั้งนี้ เลยป้อนยาทางปากอย่างเดียว ซึ่งถ้าให้ทางเส้นเลือดยาจะออกฤทธิ์เร็ว และคุมชักได้ดีกว่ามากครับ
ผมอยู่ปรมาณ 10 วันครับ จึงออกจากโรงพยาบาลมาครับ
                         ผมกลับมาบ้านได้ประมาณ 5 วัน ลูกก็ชักขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เกร็งตาเหม่อ แขนขากระตุกครับ (เอ้อลืมบอกไป ผมจะพกกล้องถ่ายรูปไว้ถ่ายวีดีโอ ให้คุณหมอดู ว่าอาการลูกชักอย่างไรครับ คุณหมอจะได้วินิจฉัยได้ถูกครับ เพราะคุณหมอมักมาเห็นไม่เคยทันเลยครับ )   คราวนี้ก็อยู่ประมาณ 11 วันครับ กลับบ้านก่อนปีใหม่ 2-3 วันครับ  ซึ่งคราวนี้คุณหมอบอกว่า ยาตีกันครับ จึงถอดยา dailantin ออกและให้ยา kepa มาแทนครับ พร้อมกับกินอาหารรักษาโรคลมชัก (Ketogenic Diet)  ครับ โดยต้องทำตามสูตรที่คุณหมอบอกมาครับ เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำแต่ไขมันสูงครับ ตอนนี้วันนี้แหละครับ น้องเขาก็พึ่งจะ admit ใหม่ ไม่ใช่เพราะชักครับ แต่ว่า อาเจียรบ่อยครับ หมอว่า อาจจะเป็นไวรัสลงกระเพาะครับ

ลืมบอกไปครับ ลูกผมอยู่ๆก็ชักครับ ไม่ได้มีไข้ตัวร้อนเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 27 มกราคม 2010 เวลา 22:58 น. »
คุณแกมครับ ผมขอแยกกระทู้ไปตั้งหัวข้อใหม่ที่
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=12.0
น๊ะครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันอังคารที่ 02 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 00:29 น. »
ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาน่าจะเป็นประโยชน์ครับ

1.จดอาการให้ละเอียด เพื่อให้คุณหมอนำไปช่วยวินิจฉัยอาการได้ดียิ่งขึ้นครับ  โดยเมื่อมีอาการชักให้บอกให้ละเอียด เช่น เริ่มที่แขนไหนก่อน เป็นลักษณะเกร็งกระตุกหรือไม่อย่างไร เป็นเวลานานเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น เริ่มกระตุกที่แขนซ้ายประมาณ 3 นาที แล้วกระตุกต่อที่แขนขวา 5 นาที พร้อมกับตาค้าง เหม่อลอย หลังชักเสร็จร้องไห้   แล้วอย่าลืมจดด้วยว่า อาการเกิดขึ้นตอนเวลากี่โมง เพื่อที่จะเป็นข้อมูลความถี่ของอาการที่เกิดขึ้นด้วยครับ

2.หานาฬิกาจับเวลา เอาไว้จับเวลาการชักโดยเฉพาะครับ เพราะเมื่อก่อนเวลาชักผมจะมองจากเข็มวินาทีเอา ซึ่งเวลาที่เกิดขึ้นจริงๆคงไม่ค่อยมีเวลามาคอยจดจำเข็มวินาทีครับ  หานาฬิกาจับเวลาห้อยคอเอาไว้เลยครับ  เพื่อจะได้ให้ข้อมูลกับคุณหมอได้ถูกต้อง เพราะหากมีการชักนานเกินไป คุณหมอจะต้องให้ยาระงับชักชั่วคราวไปก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สมองเป็นอันตรายมากครับ

3.หาซื้อเครื่อง Pulse Oximeter ถ้าหากผู้เป็นลมชัก มีอาการหน้าซีดปากเขียวม่วง ขาดออกซิเจน อาจจะต้องลงทุนเพื่อซื้อเครื่องนี้ครับ เพื่อคอยดูจังหวัดการเต้นชีพจร และระดับออกซิเจน  เพราะบางครั้ง หากเรานอนหลับ จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าผูป่วย ชักเมื่อไหร่ เครื่องนี้จะช่วยเตือนเมื่อระดับออกซิเจนลงต่ำกว่าระดับปกติ หรือระดับชีพจรเต้นช้าหรือเร็วกว่าระดับปกติครับ เพื่อจะได้สามารถให้ออกซิเจนได้ทันท่วงทีครับ และยังสามารถนำข้อมูลที่ได้บอกกับคุณหมอได้อีก ว่าค่าตอนผู้ป่วยชัก ค่าออกซิเจนและชีพจร มีค่าเป็นอย่างไร เช่น สมมติค่าออกซิเจน/ชีพจร ปกติวัดได้  99/115   แต่พอเกิดอาการชัก  ค่าทุกๆ  6 วินาที จับได้ว่า 98/115  98/125 98/135 98/140 94/135 89/130  75/120  37/115   หากคุณหมอเห็นค่าอย่างนี้จะได้นำไปประกอบการวิเคราะห์ได้ครับ จะเห็นว่า ชีพจร จะเต้นแรงขึ้นก่อน  แล้วชีพจรค่อยๆเต้นกลับสู่ปกติ แต่ออกซิเจนกลับลดลงเรื่อยๆ อันนี้เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับลูกผมครับ

4.หากอาการชักนั้น มีอาการขาดออกซิเจนร่วมด้วย ก็ควรที่จะมีเครื่องให้ออกซิเจนติดบ้านไว้ด้วยครับ เผื่อไว้ก่อนผมว่าดีกว่า
ซึ่งปกติแล้วก็ต้องซื้อน้ำออกซิเจน เอาไว้ใช้ร่วมกับถังออกซิเจนด้วยครับ

5.การให้ยากันชักกับเด็กเล็ก พอดีลูกผมต้องท่านยากันชักและยาอื่นๆร่วมด้วย เชน วิตามิน ธาตเหล็ก ฯ เยอะหลายตัว ซึ่งยากันชักที่ต้องทานนั้นมีรสชาติที่ขมและชวนอ๊วกมากเลย (ผมกับแฟนลองชิมดูแล้ว) ตั้งแต่ที่เริ่มได้ยามาตัวเดียวคือ เดพพากิน ก็กินถือว่ายากแล้ว ก็มีบ้วนบ้าง แตพอครั้งหลังที่ได้ยาเพิ่มมาอีกถึง 2 ตัวนั้น (รวมยากันชักทั้งหมด 3 ตัว)  การกินก็ยิ่งยากลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก โดยลูกจะบ้วน อ๊วก บ่อยมาก จนทำให้ส่วนใหญ่ยาจะได้รับไม่ตรงตามปริมาณที่หมอกำหนด ทำให้เกิดความเครียดขึ้น แต่ก็ด้วยน้องเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยกินน้ำอยู่ด้วยแล้ว ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เราควรจะให้น้ำตาทันที ทุกครั้งที่ฉีดยาเข้าปากลูก เพราะเดิมที่ให้ ฉีดยาเข้าแล้วก็ไม่ได้น้ำตาม ทำให้ยาขมๆ กองอยู่ตรงคอบ้าง ปากบ้าง เวลากลืนน้ำลาย ลูกก็จะขมมาก แล้วก็พาลอ๊วกออกมาอีก ก็เลยปรับเปลี่ยนเป็นยาคำ น้ำคำ จนเริ่มเห็นผลว่า เราน่าจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว ซึ่งปัจจบัน กิน เดพพากิน 1.8 cc วันละ 3 ครั้ง, เคปปา ครึ่งเม็ด เช้าเย็น, โทพาแม็ก 2 เม็ดเช้าเย็น ต้องบดยาและฉีดใส่ปาก ตอนนี้ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอีกเยอะ ที่ทำได้ให้ลูกสามารถกินยาได้โดยไม่เครียดเหมือนเดิม การให้ยาได้ตรงเวลานั้น ทำให้ กำหนดการอื่นๆไม่ต้องล่นหรือเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ทั้งยายังลงกระเพาะอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ปล. ตอนนี้ลูกผม คุณหมองดให้พวกน้ำหวานผสมในยา จึงกินแบบว่าบดยาแล้วให้แบบบขมๆอย่างนั้นเลยครับ

6. การแก้ไขปัญหา สำลักบ่อย สำหรับผมแล้ว เดิมให้กินนมครั้งละ 5 ออน เดิมก็ทานได้หมดในครั้งเดียว
แต่หลังจากชักรอบล่าสุด (รอบที่ 4 ชักหลายครั้งในแต่ละรอบ)  ลูกก็เริ่มไม่ค่อยมีแรง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะยาหรือไม่
เพราะได้ยามากินเยอะมากกว่าเดิม คือทั้งหมด 3 ตัว depakin 1.8cc 3 เวลา,kepa 2 เวลา,
topamax 2 เวลา ครั้งละ 2 เม็ด  ลองถามคุณหมอ บอกว่า เป็นเพราะยาที่เขาทาน หลายตัว
ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเช่นกัน อยากลดยามาก แล้วคุณหมอก็บอกว่า เขาจะค่อยๆปรับตัวได้เอง ซึ่งขณะนี้
ก็ยังแบบว่าหลังไม่แข็ง ยิ่งกว่าก่อนเป็นครั้งแรกอีก แต่การรับรู้ผมว่าดีกว่าเดิม มองตามากขึ้น
สำหรับผมแล้ว ผมว่ามีอีกปัจจัยนึง คือน้องคุมอาหารด้วย กินอาหาร Ketogenic Diet อยู่ครับ
เป็นทราบมาว่าเป็นอาหารที่มีไขมันสูง แต่พลังงานต่ำ คือ หลักการทำให้เด็กประมาณว่า ร่างกายจะสมบุกสมบัน
เพื่อให้ร่างกายสร้างสาร คีโตน ขึ้นมา ซึ่งสารตัวนี้มันจะช่วยคุมอาการชักได้ ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมาก
พอทราบคร่าวๆจากคุณหมอ ส่วนผสมที่สำคัญก็คือ MCT Oil เป็นตัวสร้างสารคีโตนครับ
อ้อ พูดไปถึงไหนแล้วเนี่ย กลับมาก่อนครับ  คือเมื่อลูกผมกินครั้งละเยอะๆไม่ได้ก็เลยค่อยๆแบ่งให้กิน
ครั้งละ 1-2 ออนแทน แต่กินบ่อยๆหน่อยครับ  ผมว่าตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ น้องเขาจะงอแงหิวบ่อยหน่อย
แต่ก็ดีกว่าให้ครั้งละ 5 ออนแล้วอ๊วก ไม่คุ้มเลยครับ เพราะยา ข้าว อาหารต่างๆที่เคยกินไปแล้วมันก็จะออกมาหมด
ทำให้กำหนดเวลาการให้ยา มันร่นไปหมดครับ ใครเข้ามาแล้วได้อ่านสิ่งต่างๆที่ผมได้ตั้้งใจใส่ลงไปแล้วอยาก
คุยกันด้วย ก็ให้สมัครสมาชิกก่อนได้เลยครับ แล้วจะได้เข้ามาคุยกันครับ ผมเองอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์
มากๆครับ ยังไงก็เข้ามาแชร์ความรู้กันน๊ะครับ


หวังว่า ประสบการณ์ผมคงเป็นประโยชน์น๊ะครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 00:46 น. »
ขอมาเล่าเรื่องราวของน้องเทรนด์เพิ่มเติมครับ

หลังจากที่เริ่มหายจากอาการไวรัสลงกระเพาะแล้ว
ก็ค่อยๆทานนมได้มากขึ้น จนช่วงนี้จะทานได้ประมาณ 15-20 ออน ต่อวันล่ะครับ

อาการการชักช่วงนี้ไม่มีแล้วครับ
จะมีแต่อาการ ผวาเวลานอนหลับ  เป็นไม่บ่อยมาก บางครั้งก็แรง บางครั้งก็เบาๆ ถ้าเบาๆ ก็จะเป็นหลายครั้งหน่อย
แล้วก็จะมีอาการ กระตุกเล็กๆ ตามมือ เท้า
แต่ช่วงนี้ มีอาการใหม่เกิดขึ้นมา พึ่งเกิดวันนี้เองครับ เป็นลักษณะตาลอยขึ้นด้านบนเฉียงไปทางขวา
ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงตื่นครับ คือ สังเกตตาลูกว่าตอนตื่นอยู่ เวลาน้องมองปกติ ซักพักตาจะลอยขึ้นไปด้านบนเฉียงไปทางขวา
แล้วก็กลับมาปกติเหมือนเดิม อีก 5 วินาที ก็เป็นอีก ลองจับเวลาเป็นช่วงๆแบบนี้นานประมาณ 3 นาทีได้
แล้วก็ตาเป็นปกติ ไม่เหลือกขึ้นด้านบนเฉียงขวา  แต่พอผ่านไปประมาณ 30 นาทีก็เป็นอีก ตาเหลือกขึ้นด้านบนเฉียงขวา แล้วก็กลับเป็นปกติ
เป็นอย่างนี้อีกประมาณ 20 วินาที แต่น้องก็ตื่นปกติดี ก็เลยไม่ทราบเป็นอาการของอะไร
แต่ก็คิดว่า ไม่น่าใช่ชัก ไม่รู้ว่าเป็นอาการข้างเคียงของโรคลมชักหรือเปล่า
ตอนนี้ก็คอยสังเกตอาการอยู่

เมื่อก่อนที่เคยบอกว่า น้องเทรนด์ทานอาหารรักษาโรคลมชักอยู่
เมื่อไปหาหมอครั้งก่อน คุณหมอบอกว่า น้องยังไม่ได้ทานเลย
เพราะว่าไม่ได้เอาส่วนผสมของ oil ผสมลงในนมด้วย
ทำให้สารคีโตน (ซึ่งใช้รักษาโรคลมชัก) ไม่ขึ้นมา
คุณหมอจึงให้ผสมใหม่ แบบเต็มสูตร
หลังจากผสมและกินแล้ว วันแรกยังปกติ
วันที่สอง เริ่มีอาการ เหมือนท้องไม่รับ คือยังไม่ทันจะกินนมเลย
ทำท่าทางแหวะก่อนแล้ว ซักพักก็อ๊วกออกมาจริงๆ

จึงคุยกับแฟนว่า คงไม่ต้องใส่แล
้ว เพราะครั้งก่อนที่เป็นไวรัสลงกระเพาะก็อาการแบบเดียวกัน
ถ้าอ๊วกอย่างนี้อีก คงไม่ได้กินอะไรกอีกแน่ เพราะน้องเขาจะพยายามอ๊วกอยู่ตลอดเวลา

แต่แฟนก็ยังพยายามลองอีกครั้ง
ปรากฎว่า น้องถ่ายเหลวมาก เป็นมูกเลือด จึงคิดว่า น้องคงรับไม่ไหวกับการผสม oil เพื่อให้เกิดสารคีโตน
จึงคิดกับแฟนว่า คงจะทานอาหารโรคลมชักประกอบกับการทานยาแล้ว
คงทานแต่ยากันชักอย่างเดียว
ผมเองก็เสียดาย ถ้าน้องทานได้ผมจะให้ทานทันทีเลย เพราะผมก็อยากให้ลูกไม่ชักอีก และให้คลื่นชักมีเหลือให้น้อยที่สุด

ตอนนี้ก็พยายามสังเกตอาการไปก่อน

จำได้ว่าคุณหมอเคยบอกว่า บางที ช่วงนี้ คือ อายุ ถึง 2 ขวบ สมองจะเจริญเดติบโตเร็วมาก
อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการชักได้  

ช่วงนี้อน้องเทรนด์ พัฒนาการเริ่มดีขึ้น จากเดิมตอน 4 เดือน ที่เคยชัก แล้วได้รับยามาทาน พัฒนาการที่เห็นชัดๆ มีอย่างเดียวคือ พลิกควาาพลิกหงายได้อย่างเดียว ยังไม่สามารถคว้าของได้ คอยังไม่แข็ง หลังยังอ่อนอยู่

แต่หลังจากชักตอน 8 เดือนน้องก็ยังคงไม่คว้าของเหมือนเดิม

พึ่งจะมาเริ่มเปลี่ยนมือถือของได้ตอน 10 เดือน ผมดีใจมาก หลังจากนั้น
ผมก็สังเกตว่าน้องเขาเริ่ม ยื่นมาขึ้นมาจะหยิบตุ๊กตาพี่ลิง ผมดีใจมากๆ น้ำตาซึมเลย
ก็พยายามให้เขาเอื้อมหยิบของบ่อยๆ
ช่วงนี้ ขาเริ่มีแรง หลังเริ่มแข็งขึ้น ที่เคยบอกว่า เวลาหน้าอกน้องโดนไหล่เราเวลาอุ้ม น้องจะประมาณว่า จะอ๊วก
เพราะกล้ามเนื้อช่วงหน้าอกน้องตอนนีั้นอ่อนมากจริงๆ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว
ส่งเสียงได้ดังขึ้น มีปฏิกิริยามากขึ้น เช่น เดิมไม่เคยร้อง เวลากินนมไม่อิ่ม เดี๋ยวนี้ร้องแล้ว อันนี้ก็น้ำตาซึมเลย เพราะดีใจที่ลูกตอบสนองได้มากขึ้น

ตอนนี้ก็เป็นกังวลกับอาการตาเหลือกเฉียงขวาขึ้นด้านบน
ก็ได้แต่ขอให้เป็นอาการข้างเคียงเฉยๆเท่านั้น
ไม่อยากให้ลูกชักอีก ผมกับแฟน ก็กังวลอยู่มาก

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆด้วยครับ
สู้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันศุกร์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 01:43 น. โดย popja »
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 11:58 น. »
ยินดีต้อนรับคุณกุ๊กไก่ครับ
พอดีตอนนี้น้องยัง admit อยู่ รพ.อยู่เลยยังไม่ได้มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมครับ
เป็นกำลังใจให้น๊ะครับ
สู้ๆครับคุณพ่อแม่ทุกคน
สู้สู้

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 18:59 น. »
สู้ ๆ ครับ อ่านแล้วได้กำลังใจขึ้นเยอะครับ
ลูกผมก็เป็นโรคลมชักเหมือนกันครับ เราเจออาการเขาตอน 7 เดือน แล้วโชคดี ที่เห็นอาการเร็วแล้วรีบ Admin เร็วครับ
ตอนนั้นก็เข้าหลายโรงพยาบาลเป็นเอกชน บอกตรง ๆ ครับ ผมไม่ชัวร์หมอคนเดียวต้องหา second opinion จนในที่สุด
ไปเจอ อจ.หมอท่านหนึ่งที่ ...... (ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่ง) พอท่านเห็นอาการท่านก็แนะนำดีครับว่าอย่ารักษาเอกชนเลย
รัฐบาล case เยอะ แล้วค่าใช้จ่ายถูกกกว่าด้วยท่านก็แนะนำ รพ.รามา จุฬา ศิริราช พอดีผมสะดวกรามาก็เลยเข้ารามา
น้องอยู่ได้ อาทิตย์กว่า ๆ ทำหมดเลย สแกนคลื่นสมอง MRI ตรวจคลื่นไฟฟ้า แต่ที่ รามาให้ Vigarbatim (ขออภัยถ้าสะกดผิด)
ทีละครึ่งเม็ด ก็เอาอาการอยู่ครับ ปรับยานาน 1 อาทิตย์ พอทานไปได้ 2 ปี ก็ต้องเปลี่ยนเป็น depakin เนื่องจาก Vigrabatim
ทานได้ไม่เกิน 2 ปี เพราะมี side effect ก็ดูเหมือนจะโอเคแล้วครับ อยู่มาได้จนน้องอายุ 4 ปี ครับ อาการมาปรากฏอีกแล้วครับ
ใจไม่ดีเลย พาไปหาหมอ เขาก็บอกว่า โรคนี้อาจจะอาการเปลี่ยนได้ต้องรอดูต่อไปแล้วก็ให้เพิ่ม depakin จาก 1 cc เป็น
1.25 cc ก็โอเคมาเกือบอาทิตย์ แต่เมื่อคืนนี้อาการเกิดอีกแล้วครับ กลุ้มมากเลย ผมตื่นทุกครึ่ง ช.ม. เลย เป็นห่วงลูก นี่อีก 2 อาทิตย์
หมอเขาก็จะนัดไปตรวจคลื่นสมองอีก อยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จังครับ
ไม่รู้ชาติที่แล้วเราคงไปสร้างเวรกรรมอะไรไว้ จึงต้องมาชดใช้กรรมชาตินี้ครับ (พยายามคิดทางธรรมะ) แต่บางครั้งก็รับไม่ได้อ่ะ
อยากให้ตัวเราเป็นแทนลูกครับ ถ้าทำได้
ยังไงเป็นกำลังใจให้ ครอบครัวทุกท่านที่มีลูกเป็นโรคนี้นะครับ ช่วยกันสู้ ช่วยกันเป็นกำลังใจ แล้วประคับประครองคนที่เรารักให้อยู่
บนโลกนี้ ช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นเด็กที่ดี และผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต เท่านี้ก็สุขใจมาก ๆ แล้วครับ


 

คุณกุ๊กไก่ครับ
ผมขอแยกกระทู้น๊ะครับ
เพื่อนๆจะได้เข้ามาอ่านข้อมูลของคุณกุ๊กไก่ได้ครับ
จะได้ช่วยกันได้ครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ doublekiss

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 ตุลาคม 2016 เวลา 14:53 น. »
ตอนไวรัสลงกระเพา หมอบอกว่าเพราะอะไร แล้วได้ให้ยามากินไหมคะ

ออฟไลน์ doublekiss

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
Re: ขอแบ่งปันประสบการณ์ ลูกผมเป็นลมชักตั้งแต่อายุ 4 เดือนครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 ตุลาคม 2016 เวลา 14:57 น. »
กินอาหารเสริมไม่ได้เลยใช่ไหมคะ

 


Powered by EzPortal