เด็กขี้กลัว
ความกลัว เป็นธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์เราต้องมีความกลัวหรือความกังวลเพื่อให้ปลอดภัยจากสิ่งที่มาคุกคาม เด็กก็มีความกลัวได้ตามพัฒนาการ เช่น เด็กเล็กๆ ก็อาจจะกลัวสัตว์ กลัวผี กลัวความมืด หรือกลัวคนแปลกหน้า ซึ่งถือเป็นความปกติตามพัฒนาการ
เมื่อไรจึงจะเรียกว่า ?เด็กขี้กลัว? ?
เด็กที่มีความกลัวมากเกินไป กลัวอย่างรุนแรง หรือว่ามีความกลัวที่ไม่เหมาะสมกับวัยของตนเอง เช่น เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วก็ยังกลัวหรือมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ ก็อาจจะเรียกว่าเด็กขี้กลัวได้ จนกระทบกระเทือนต่อการใช้ชีวิต เช่น มีปัญหาการเรียน มีปัญหาความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นรุนแรง มีปัญหาการปรับตัวอย่างมาก
อาการของเด็กขี้กลัวมีอะไรบ้าง
ความกลัวของเด็กมีหลายชนิด ทำให้เด็กมีอาการแตกต่างกันไป เช่น
เด็กที่กลัวการจากพราก เด็กจะมีความวิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่ กลัวว่าจะไม่ได้พบกันอีก เด็กอาจจะไม่ยอมไปโรงเรียน เกาะติดพ่อแม่ หรืออาละวาดเพื่อไม่ให้พ่อแม่จากไป ไม่กล้าไปนอนที่อื่น ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ต้องจากพ่อแม่ เด็กบางคนอาจมีอาการทางกาย เช่น มีอาการปวดท้องบ่อยๆ
เด็กที่วิตกกังวลในการเข้าสังคม เด็กจะหลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับคนที่ไม่คุ้นเคย หรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม เด็กอาจจะไม่กล้าแสดงออก มีเพื่อนน้อย
เด็กขี้กลัวแบบจำเพาะเจาะจง เด็กจะมีอาการกลัวสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น กลัวสุนัข กลัวแมลง หรือกลัวถูกฉีดยา ความกลัวนั้นมีมากจนต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น และรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก
สำหรับอาการอื่นๆของเด็กขี้กลัว เช่น เด็กจะคิดกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ไปล่วงหน้า มีอาการย้ำคิดย้ำทำ ขาดความมั่นใจในตนเอง
ปัจจัยที่ทำให้เด็กขี้กลัว?
1. พื้นอารมณ์ เด็กจะมีพื้นอารมณ์หรือบุคลิกที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เด็กบางคนก็มีความกล้า เจออะไรใหม่ๆ ก็จะแสดงออกอย่างรวดเร็ว แต่เด็กบางคนก็อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวค่อนข้างนาน อาจเป็นจากระบบประสาทภายในร่างกายมีการตอบสนองต่อความเครียดที่มากกว่าเด็กทั่วไป เวลาเครียดจึงเป็นมากและทนได้ลำบาก
2. การเลี้ยงดู การเลี้ยงดูที่มีการควบคุมเข้มงวด วิพากษ์วิจารณ์รุนแรงหรือมีกฏระเบียบมากเกินไป มีการลงโทษอย่างรุนแรง หรือมีการจำกัดการแสดงออกของเด็ก ทำให้เด็กบางคนมีความกลัวที่จะแสดงออก กลัวที่จะแสดงความคิดเห็น หรือกลัวที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ นอกจากที่ผู้ปกครองบอกไว้
3. พันธุกรรม เช่น มีพ่อหรือแม่เป็นโรควิตกกังวล จะส่งผ่านสู่บุตรทั้งปัจจัยทางกรรมพันธุ์และรูปแบบการเลี้ยงดู
4. การประสบกับอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์สะเทือนขวัญ อาจทำให้เด็กตกใจกลัว หรือกลัวว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นอีก จึงฝังใจเรียนรู้ว่าโลกนี้ไม่ปลอดภัยต้องคอยระแวดระวังตลอดเวลา
พ่อแม่จะช่วยเด็กขี้กลัวได้อย่างไร?
ประการแรก พ่อแม่ควรจะเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อน ว่าเด็กมีพื้นอารมณ์หรือมีบุคลิกภาพอย่างไร พ่อแม่จะต้องปรับความคาดหวังว่าเด็กจะกล้าแสดงออกเท่ากับเด็กคนอื่น เพราะความคาดหวังให้ลูกทำอะไรได้มากกว่าความสามารถของเขา กลับกดดันให้รู้สึกด้อยและเขามั่นใจในตัวเองน้อยลง เมื่อพ่อแม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กแล้ว ก็ต้องส่งเสริมหรือพัฒนาตามธรรมชาติของเด็ก
เด็กที่ขี้กลัว หรือเด็กที่ไม่กล้า พ่อแม่ไม่ควรเร่งหรือผลักดันให้เด็กไปเผชิญกับสิ่งที่กลัวมากเกินไป ควรจะให้เด็กเผชิญกับสิ่งที่กลัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมหรือสนับสนุน พ่อแม่ควรจะให้กำลังใจเมื่อลูกเผชิญกับสิ่งที่กลัวได้ เด็กก็จะสร้างความมั่นใจ และสามารถผ่านพ้นความหวาดกลัวไปได้
สิ่งที่พ่อแม่ควรจะหลีกเลี่ยง คือ ปกป้องลูกมากเกินไป ให้ลูกหลีกเลี่ยงในสิ่งที่กลัว หรือไม่ให้เจอกับสิ่งที่หวาดกลัวเลย เด็กก็จะไม่ได้เผชิญกับสิ่งที่กลัว และไม่หายกลัวในอนาคต นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ บางท่านอาจคิดว่าควรพูดท้าทายเด็กหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เพื่อเด็กจะได้ฮึดขึ้นมาสู้มากขึ้น วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับเด็กทุกคน เด็กบางคนอาจยิ่งเครียดกว่าเดิมและรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นมากขึ้นไปอีก
เมื่อไรต้องพาเด็กขี้กลัวมาพบจิตแพทย์เด็ก?
ถ้าความกลัวนั้นรุนแรงจนเด็กไม่สามารถทำหน้าที่ประจำวันได้ เช่น ทำให้ไปโรงเรียนไม่ได้ หรือต้องหลบเลี่ยงกับสถานการณ์บางอย่างตลอดเวลา การดำเนินชีวิตแปรปรวนไปจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือมีอาการซึมเศร้า หรือพ่อแม่ได้หาวิธีทั้งหลายมาปลอบประโลมลูกแล้วก็ยังไม่หายกลัว ก็อาจต้องพาลูกมาพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและรักษาต่อไป
เด็กขี้กลัว รักษาอย่างไร?
การรักษาที่ได้ผลดี คือ ฝึกให้เด็กเผชิญกับสิ่งที่กลัวอย่างเป็นระบบ ในรูปแบบของพฤติกรรมบำบัด โดยฝึกให้เด็กเผชิญสิ่งที่กลัวทีละน้อย จากน้อยไปหายาก มีรางวัลให้เมื่อเด็กไม่กลัว และจะถอนรางวัลออกเมื่อเด็กกลัว และจิตแพทย์อาจให้คำแนะนำกับครอบครัวเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลลูกให้มีความมั่นใจมากขึ้น
เด็กบางราย อาจจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อช่วยลดความหวาดกลัวหรือความกังวล