Forum > ทำความรู้จักโรคลมชัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

(1/1)

popja:
วันที่ 30 มีนาคม 2552 01:00
งานนี้ได้มีเฮ?..เซลล์สมองงอกใหม่ได้

อย่าเพิ่งทำหน้าสงสัยขนาดนั้นครับ.....เรื่องจริงครับ แต่ดั้งเดิมเป็นความรู้พื้นฐานของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทางสมอง และระบบประสาททั่วไป

ที่เรียนกันมาแต่อ้อนแต่ออกว่า เมื่อเกิดมาแล้ว เซลล์สมองจะเริ่มตายไปทุกวันๆ ละ 20,000 ตัว ที่เหลือต้องทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างเครือข่ายโยงใยซึ่งกันและกัน เพื่อให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีความเฉลียวฉลาด เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ เรียนรู้จากสิ่งผิดพลาด และหาทางแก้ไขไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย (แต่ถึงข้อนี้ ชักไม่แน่ใจแล้วครับว่ามนุษย์ ณ ปัจจุบันจะยังคงมีสมองดีจริงหรือไม่ จากเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศ หรือความพินาศทางเศรษฐกิจโดยเริ่มจากสหรัฐ.....หรือ จะเป็นเพราะสมองคนปัจจุบันพัฒนาแต่ความโลภ?)

ปรากฏการณ์ของเซลล์สมองสามารถมีการงอกงามได้ใหม่ เริ่มมีการศึกษามาตั้งแต่ ค.ศ.1990 โดยที่แต่ก่อนเชื่อกันว่าความสามารถดังกล่าว (Neurogenesis) ถ้าเกิดได้ก็จะเกิดในเฉพาะอายุที่ยังน้อยๆ มากเท่านั้น Dr.Elizabeth Gould ขณะนั้นอยู่ที่มหาวิทยาลัย Rockefeller ได้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่สมองมนุษย์ที่โตเต็มที่แล้ว ยังมีการงอกใหม่ของเซลล์ได้ โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า Hippocampus ในกลีบขมับทางด้านในที่เรียกว่า dentate gyrus ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญของการเรียนรู้ และความจำ และ Hippocampus เป็นส่วนที่เสียหายก่อนเพื่อน ในโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer?s Disease)

หลังจากการค้นพบในครั้งนั้น มีรายงานทยอยตามกันมาในสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่หนูจนถึงสัตว์ใหญ่ เช่น Marmoset และในปี ค.ศ.1998 นักวิทยาศาสตร์ทางประสาทและสมองทั้งในสหรัฐ และสวีเดนก็พบว่าในสมองคนก็มีศักยภาพในการงอกใหม่เช่นกัน (Gerd Kempermann และ Fred H. Gage วารสาร Scientific American, พฤษภาคม 1999)
 ในสัตว์ทดลองเช่นหนู การพิสูจน์ว่ามีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นจริง สามารถทำได้โดยไม่ซับซ้อนจากการฉีดสาร BrdU (Bromodeoxy uridine) ซึ่งจะเป็นเครื่องหมายสำหรับเซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น โดยที่พบว่าในหนูมีเซลล์สมองใหม่เกิดขึ้นระหว่าง 5,000-10,000 ตัว ทุกวัน แต่สำหรับในคนยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด (อาจทำได้โดยจับนักการเมืองชั่วร้ายมาตัดสมองดู.......ข้อเสนอจากหมอเองและพวก) การเกิดใหม่ของเซลล์เหล่านี้ในสัตว์ทดลอง พบว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วถ้าไม่ได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่พอเหมาะหลังจากที่เกิดงอกมาใหม่ ก็จะตายไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว

ศาสตราจารย์ Tracey J. Shors (มหาวิทยาลัย Rutgers, สหรัฐ) กับ Elizabeth Gould (มหาวิทยาลัย Princeton, สหรัฐ) ซึ่งเป็นคนค้นพบว่าสมองที่โตเต็มที่แล้ว ก็สามารถงอกใหม่ได้  ได้ร่วมกันทำการศึกษาต่อเนื่องถึงกระบวนการที่จะรักษาเซลล์ใหม่เหล่านี้ให้คงทนจนเป็นเซลล์ที่ใช้งานต่อไปได้อีก (Gould และคณะ Nature Neuroscience 1999; 2: 260-5; Shors และคณะ.  Nature 2001; 410:372-6; Waddell และ Shors. European J Neuroscience 2008; 27:3020-8; Shors.  Scientific American มีนาคม 2009)

ถึงแม้ว่างานส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดจะทำในหนูทดลอง แต่การค้นพบเหล่านี้น่าจะสามารถประยุกต์ใช้กับสมองมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อย ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้มีการงอกใหม่ของเซลล์ที่สำคัญ คือ การออกกำลังกาย (ตัวอย่างเช่น หนูถีบจักรขยันขันแข็งมีเซลล์ใหม่เกิดเป็น 2 เท่า ของหนูขี้เกียจ) กินลูกบลูเบอร์รี (Blueberries) ส่งผลให้มีการงอกใหม่ได้ เช่นเดียวกับยาต้านซึมเศร้า ในขณะที่แอลกอฮอล์และบุหรี่ (Nicotine) เป็นตัวขัดขวางการงอกใหม่ของเซลล์
 อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวข้างต้นเซลล์ใหม่เหล่านี้ถ้าไม่ถูกกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือ ระหว่าง 7-14 วัน หลังเกิด ก็จะตายไปหมดสิ้น การกระตุ้นที่เหมาะสมต้องเป็นกระบวนการที่สมองต้องใช้ความคิด มีการฝึกสมองอย่างจริงจัง จึงจะสามารถเติบโตผสมผสานตัวเข้ากับระบบโยงใยเครือข่ายของระบบประสาทได้ การผลักให้หนูตกน้ำและให้ว่ายไปหาที่เกาะไม่ถือเป็นการฝึกสมองจริงๆ เพราะเท่ากับเป็นการเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณเท่านั้น

จากลักษณะดังกล่าว เมื่อนำมาประยุกต์ในคน จะเข้ากันได้อย่างดิบดีกับการส่งเสริมให้ออกกำลังอย่างต่อเนื่อง อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง อย่างสม่ำเสมอ ในเมืองไทยอาจไม่ต้องเสาะหาลูกบลูเบอร์รีให้ลำบากยากเย็น ทานผักผลไม้บ่อยๆ (ซึ่งหาง่ายทุกฤดูกาลเพราะเมืองไทยไม่ใช่แอฟริกา เพราะฉะนั้นไม่มีข้ออ้างไม่กินผัก) อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ถั่วทั้งหลายก็น่าจะให้คุณประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์ใหม่ได้ หยุดบุหรี่เด็ดขาด

แต่เอาละครับมาถึงเรื่องสุราแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลในหนูสร้างเซลล์สมองใหม่ได้ไม่ดี คงต้องเน้นทางเดินสายกลางคือ วันละ 1-3 แก้ว สม่ำเสมอ (ย้ำอีกหลายครั้งแก้วมาตรฐาน) ทำไมไม่ห้ามไปเลย ทั้งนี้ เนื่องจากเหตุผลที่สุราและแอลกอฮอล์ทุกชนิดในปริมาณพอเหมาะได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยหัวใจป้องกันอัมพฤกษ์ และชะลอสมองเสื่อมได้ เขียนอย่างไม่เข้าข้างตัวเองนะครับ.... [ (กรุณาอ่านตอน....สุรา....เม....ระยะ) ] ในส่วนเกี่ยวกับยาป้องกันซึมเศร้า หมอไม่สนับสนุนครับ เพราะอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ อีก โดยเฉพาะในผู้อายุไม่มาก อาจกลับทำให้มีอุบัติการณ์ของการฆ่าตัวตายเยอะขึ้นไปอีก และยังมีอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ อีก

ทั้งนี้ สมมติว่าเราออกกำลังแล้ว ผักก็กินแล้ว แถมดื่มอีกนิดหน่อย จะทำให้เซลล์ใหม่กลายเป็นเซลล์สมบูรณ์ทำงานได้อย่างไร ข้อเสนอฟิตเนสโปรแกรมทางสมองของหมอ (โดยไม่ต้องเสียเงินไปสถาบันบำบัดธรรมชาติ) อาทิเช่น เล่นไพ่ แต่ไม่ใช่ไพ่โกย นกกระจอกกินน้ำ ต้องเป็นไพ่ที่เล่นอย่างมีชั้นเชิง เล่ห์เหลี่ยม เช่น โปกเกอร์ รัมมี่ เป็นต้น
 และถ้าจะใช้สมองจริงจัง ขอร้องให้เล่นกินเงินด้วย เพราะเราซีเรียสนะครับกับการฝึกสมองทำเป็นเล่นๆ ไม่ได้ ถ้าคุณตำรวจมาก็ชวนเล่นด้วยกัน เป็นการสมานฉันท์ตำรวจกับประชาชน (ฮา......เติมเข้ามาเพราะเห็นนักเขียนใหญ่ๆ ชอบมีวงเล็บฮาตามหลัง......ฮา)     ถ้าไม่ชอบเล่นไพ่ ต้องลีลาศครับ เน้น.......เต้นบอลรูม มิใช่ ยืนทำตัวยืดๆ หดๆ หรือกระโดดเหยงๆ อย่างเดียว ตามที่หมอไปแอบดูตามโรงผับ โรงเตี้ยมแถวซอยเอกมัยและทองหล่อ (ไม่นับแซนติก้าแล้ว)

การเต้นบอลรูมเป็นการฝึกสมองทุกส่วน ซ้าย-ขวา-หน้า-หลังตื้น-ลึกหนาบาง เพราะหูฟังดนตรีมีจังหวะ สั่งการไปยังขา และแขนและมือ ซึ่งกุมมืออันนุ่มนวลของคู่เต้น มีการเคลื่อนท่าเป็นจังหวะในก้าวย่างที่เท่ากันสม่ำเสมอ หมุนตัวในองศาที่พอเหมาะกับตัวเองและคู่เต้น มีการควบคุมการทรงตัวที่ถูกต้องจากสมองส่วนท้ายทอย ก้านสมองลงมายังไขสันหลังไม่ให้เหยียบเท้าคู่เต้น เสียงส่งผ่านไปยังสมองความจำ และอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้ม ไปตามความไพเราะของดนตรีและเนื้อหา สายตามองไปยังคู่เต้น.....ชักจะเป็นนิยายไปครับ เอาเป็นว่าไปเต้นรำแล้วกัน ถ้าอายเขินที่จะหัดเต้นรำเอาตอนโตหรือแก่ก็หัดร้องเพลงที่ไม่ใช่เพลงชาติ หรือเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือเพลงช้างๆๆ เพราะเหล่านี้จำจนขึ้นใจแล้ว

ให้ไปหาเครื่องเล่นคาราโอเกะ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีราคาถูก แถมไมโครโฟนและร้องตาม โดยตาดูที่เนื้อ ซึ่งจะมีตัววิ่งคอยกำกับให้ร้องถูกจังหวะ และคุมระดับเสียงให้ไม่หลุดเลยออกไปนอกคีย์ สามารถร้องได้ทั้งบ้าน (ถ้าเพื่อนบ้านเห็นดี เห็นงามตามไปด้วยกระเบื้องหลังคาบ้านจะได้สวยงามทนทานไปนาน)

ที่ว่ามาเหล่านี้เป็นการสร้างเสริมใหม่ และรักษาให้คงสภาพ หรือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  อาจสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วย เช่น อัลไซเมอร์ได้ ถึงแม้อัตราสร้างใหม่จะไม่สามารถทดแทนอัตราตายได้ก็ตาม แต่ก็น่าจะช่วยชะลอความเสื่อมได้ และเป็นอะไรที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองซื้อหา เช่น ขวนขวายซื้ออาหารเสริม สารสกัดโปรตีนที่มีสมองไฟลุกในโฆษณา (ที่ไฟลุกเพราะโมโหที่เสียเงินไปเปล่าๆ) น้ำพิลึกพิลั่นมหัศจรรย์ (ขายขวดละเป็นร้อย) ซึ่งควรเข้าข่ายแหกตา....ขั้นเทพ

สุดท้ายข้อความสวัสดีมีชัยแก่ทุกท่านครับ หาบทความต้นกำเนิดของดนตรี และความสัมพันธ์ของดนตรีและสมองได้ที่เว็บของเราครับ www.cueid.org
 

 

 

ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์  เหมะจุฑา    fmedthm@gmail.com     www.cueid.org



อ้างอิงจาก
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20090330/28902/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AE%E2%80%A6..%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version