สวัสดีค่ะ
ลูกสาวปัจจุบันอายุ 4.9 ปีค่ะ น้องเคยมีประวัติชักเวลามีไข้ค่ะ เริ่มชักครั้งแรกเมื่อตอน 2.6 ปี ครั้งที่สอง อายุ 3 ปี ครั้งที่ 3 อายุ 4.4 ปี ตอนที่ชักครั้งที่ 3 คุณหมอแนะนำให้ทำ EEG แต่ผลออกมาปกติค่ะ ไม่พบคลื่นลมชัก ตัวเองเลยตัดสินใจให้ยังคงให้ ไดซิแพม เวลาลูกมีไข้เหมือนเมื่อก่อน ด้วยตัวเองคิดว่า น้องชักห่างขึ้น คงจะควบคุมได้ ต่อมา น้องมีไข้ (ทราบภายหลังว่าเป็นอีสุกอีใสค่ะ) และชักเป็นครั้งที่ 4 ค่ะ ตอนนั้นน้องอายุ 4.8 ปี ลักษณะการชักคือ จะหยุดนิ่ง ไม่ตอบสนอง ตาลอย และดูปากเขียว ๆ ค่ะ สัก 2นาที ก็กลับมารู้สึกตัวค่ะ หลังจากไปโรงพยาบาล คุณหมอก็แนะนำให้ทำ EEG อีกครั้งค่ะ แต่ผลก็เหมือนเดิม ไม่พบคลื่นลมชัก คุณหมอให้ลองตัดสินใจอีกครั้ง ว่าจะใช้ยารักษาแบบระยะยาวรึเปล่า ตัวเองก็เลยขอคุณหมอกลับมาตัดสินใจอีกครั้ง พอได้ค้นข้อมูลเกี่ยวกับยา ก็กลัวผลข้างเคียงมากมาย และสุดท้ายก็ตัดสินใจไม่กินค่ะ จริง ๆ แล้ว คุณหมอแนะนำว่า ถึงจะยืนยันไม่ได้ว่าน้องเป็นลมชัก แต่น้องชักบ่อยกว่าที่ควรจะเป็นสำหรับเด็กปกติ เพื่อลดความเสี่ยง คุณหมอเลยแนะนำให้ทานยาเพื่อคุมชักค่ะ แต่ตัวเองก็คิดว่า หากชักเพราะมีไข้เป็นตัวนำ ถ้าเราวัดอุณหภูมิน้องเค้า อย่างสม่ำเสมอ เราน่าจะติดตามความผิดปกติของน้องได้ แต่สุดท้ายก็พลาดค่ะ น้องกลับมาจากโรงเรียน บ่นว่าปวดหัว วัดอุณหภูมิได้ 37.2 (ปกติ 36.4-36.6) ก็ให้ยาลดไข้ เช็ดตัว และไม่กี่นาทีน้องก็ชักค่ะ นิ่งไป ไม่ตอบสนอง ตาลอย และปากเขียวค่ะ เราควบคุมไม่ทันค่ะ เป็นการชักครั้งที่ 5 ค่ะ คราวนี้คุณหมอ บอกเลยว่าไม่สามารถให้คุณแม่เลือกได้อีกแล้ว น้องต้องทานยา คุณหมอให้ depakin 200mg เช้า-เย็น เพิ่งเริ่มให้เมื่อ 17-02-54 ค่ะ คุณหมอนัดเจาะเลือด 03-03-54 ค่ะ ส่วนน้องตอนนี้ ก็หยุดเรียนมา 1 อาทิตย์ค่ะ ช่วงวันแรก ๆ น้องหงุดหงิดมากค่ะ ไม่เล่น ไม่คุย ไม่อยากกิน (ปกติน้องค่อนข้างซน ช่างพูด ช่างคุย) วันนี้เข้าวันที่ 8 แล้ว น้องก็ค่อยยังชั่วขึ้นค่ะ หงุดหงิดน้อยลง มีคุยมากขึ้นค่ะ แต่ไม่ร่าเริงเหมือนเคยค่ะ ตอนนี้เศร้ามาก ๆ เลยค่ะ ได้แต่หวังว่าครั้งนี้จะไม่เป็นการตัดสินใจที่ผิดของตัวเองอีกครั้งค่ะ