ความรู้สึกต่ายตอนช่วงคุมชักยังไม่ได้ แม้แต่การนั่งชิงช้าเตี้ยๆของเด็กยังรู้สึกกลัว เวิ้งว้าง เครียด เพราะต้องบังคับตัวเองตลอดเวลา
อ.โยธินเคยบอกว่า การทรงตัวไม่ดี เกิดได้จาก ยาลมชัก และการคุมชักไม่ได้ ทั้ง 2อย่างรวมกัน
ปัจจุบันคนนิยมใช้การบำบัดหลายประเภทเข้าช่วยในพัฒนาการ ซึ่งต่ายกลับมองว่า อาชาบำบัดสำหรับเด็กลมชักที่ยังคุมชักไม่ได้ดีจริงๆ เป็นเรื่องน่าเสี่ยงพอๆ กับการห้ามขับรถ (เพียงแต่ม้ามีคนจูง) แต่คนจูงก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องลมชัก หรือสังเกตุอาการเป็น
อาชาบำบัดนั่งราวๆ 1/2 - 1 ชม. ถือว่า ระยะเวลานานมากที่จะก่อให้เกิดความเครียด
การฝึกการทรงตัวมีหลายแบบ เริ่มตั้งแต่ง่ายๆที่สุดและปลอดภัย
-เดินบนเส้นตรงของกระเบื้อง หรือถ้าไม่มีใช้เทปคาดแล้วให้เด็กเดิน (ให้เด็กกางแขนเพื่อปรับสมดุลช่วยจะดีมากค่ะ) ถ้าล้มก็ไม่เจ็บมาก
-การฝึกเดินบนสะพานตามตลาด หรือปูนก่อรถกันไหล (

ต่ายใช้วิธีนี้...ฟรี..และได้ทุกวันด้วย

) หรือทำสะพานให้เด็กเดิน
-การปีนป่ายเชือกผูกแล้วเด็กไม่เกิดอาการเกร็งตัว มีความคล่องแคล่วพอที่จะหาทางปีนต่อไปเรื่อยๆ
-ถีบจักรยาน 2 ล้อได้ดีหรือยัง
ต่ายคิดว่า การใช้อาชาบำบัดต้องใช้วิจารณญาณอย่างมากๆ สำหรับเด็กที่มีอาการชักร่วมด้วย แม้จะคุมชักได้แล้วหลายปี ต่ายก็ยังไม่สามารถนั่งชิงช้าเร็วๆได้ ต้องค่อยๆฝึกจนชิน (ปัจจุบันคือเล่นเครื่องเล่นที่ดรีมเวลด์ได้ปกติแล้ว)
ทั้งนี้ทั้งนั้นออกตัวว่า ไม่ได้ต่อต้านวิธีอาชาบำบัดนะค่ะ เพราะมีงานวิจัยรองรับมากมาย แต่ผปค.ควรระมัดระวังอย่างมาก
ถ้าในเด็กที่ฝึก SI ค่อยข้างได้ผลดีแล้ว นักกิจกรรมแนะนำให้ไปเล่นกีฬา ต่ายแนะนำปิงปองค่ะ เพราะ
-มีอัตราส่วนในการบาดเจ็บน้อยกว่ากีฬาทุกชนิด (อันนี้น่าจะสำคัญสำหรับเด็กลมชัก)
-ฝึกหลายระบบรวมกัน แขน ขา มือ จำกัดแรง สายตา ฯลฯ พร้อมกัน ใช้สมาธิค่อนข้างมาก
-กรณีที่เด็กยังเข้าสังคมไม่ได้ดี การเล่นแบบ 1 ต่อ 1 ทำให้เด็กกล้ามากกว่า การลงสนามที่มีเพื่อนเล่นหลายคน เป็นการฝึกความมั่นใจ (จากเดิมเล่นฟุตบอลแบบกลุ่มเข้าไปปะทะไม่ได้ จนกลายเป็นกล้าเข้าไปแย่งเตะบอลแม้อีกฝ่ายจะตัวโตกว่า) และการเล่นสมมติ theme บาดเจ็บก็ดีขึ้นในช่วงที่ฝึกปิงปอง รู้จักแปลงร่างโดยใช้ของอื่นมาแต่งตัว คือเด็กมีจินตนาการว่า ตัวเองมีพลังมากขึ้น (ซึ่งตรงนี้พัฒนาต่อยอดมาจากอย่างอื่นด้วยไม่ใช่จากปิงปองอย่างเดียวค่ะ)
สำหรับลูกต่าย การเล่นปิงปองได้ผลดีมากสำหรับอาการเขา ยาค่อยๆลดลงเรื่อยๆ อีกแล้ว