แบ่งปันความรู้โรคลมชัก

สนทนาได้ความรู้ => แชร์ประสบการณ์โรคลมชัก => ข้อความที่เริ่มโดย: Karnsinee ที่ วันศุกร์ที่ 08 ธันวาคม 2017 เวลา 11:20 น.

หัวข้อ: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: Karnsinee ที่ วันศุกร์ที่ 08 ธันวาคม 2017 เวลา 11:20 น.
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยค่ะว่าไม่มีความรู้ ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชัก ลมชักเลยทั้งครอบครัวของตัวเองและสามี ไม่มีใครเป็นโรคนี้จนเมื่อประมาณกลางปี ลูกสาวอายุห้าขวบ  นอนหลับแล้วตื่นมาอาเจียนตาเหม่อลอย พ่นนำ้ลายตลอดเวลาและไม่ตอบสนอง ไม่รู้สึกตัวมีอาการร่วมหลายนาทีจนคล้ายคนนอนหลับในที่สุด  เมื่อตื่นมาจะจำอาการของตัวเองไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มึนงงและหงุดหงิด  คุณแม่พาไปรักษาโรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอเฉพาะทางเรื่องระบบประสาทแจ้งว่าเป็นลมชักชนิดหนึ่ง เริ่มแรกให้ทานยาเดพากิน 0.5 มิล  เช้าและก่อนนอนน้ำหนักของลูกสาวตอนนั้น 20 กิโลกรัม คุณแม่ต้องการความเห็นที่สองของคุณหมอท่านอื่นเลยพาไปหาที่โรงพยาบาลศิริราชคลินิกนอกเวลา คุณหมอระบบประสาทของเด็กบอกว่าน้องเป็นโรคลมชักบีอีโอพี ซึ่งเป็นไปตามช่วงอายุของน้องเมื่อโตจะหายได้เองแต่ต้องทานยาคุมไว้ แล้วบอกว่าคุณหมอท่านแรกที่รักษาให้ยาถูกแล้ว จนตอนนี้ผ่านไปเกือบหกเดือนมีอาการชักครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่สาม รูปแบบเดิมคือนอนตื่นมาอาเจียนและมีอาการจนในที่สุดหลับไปเอง  ส่วนยาถูกปรับขึ้น ทุกครั้งที่มีอาการชัก จาก 0.5 มิลจนปัจจุบันเป็นหนึ่งมิลเช้า 1.5 มิล ก่อนนอน ปัจจุบันน้ำหนักลูกสาว 21 กิโลกรัม สิ่งที่แม่ไม่สบายใจเลยคือปริมาณยาที่ปรับขึ้นทุกครั้ง กลัวผลข้างเคียงทางสมอง ตับ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ เพราะคุณหมอแจ้งว่าจะต้องกินยาต่อเนื่องไป 2ปี การชักของลูกทั้ง3ครั้ง บอกได้ว่าร่างกายลูกจะต้องแข็งแรง ไม่ร้อนเกิน หนาวเกิน เป็นหวัด ไอนิดนึง ต้องรีบรักษาทันที ห้ามนอนดึก เพราะทุกอย่างเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการได้ทั้งนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ในไทยน้อยเหลือเกิน แม่google ก็เจอแต่บทความภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะทั้งงนั้น หากคุณแม่ท่านไหนมีประสบการณ์คล้ายๆกัน ขอร่วมแบ่งปันความรู้กันนะคะ และจะขอมรายชื่อคุณหมอระบบประสาทในเด็กที่ท่านอื่นรักษาด้วยค่ะ ขอบคุณจากใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันเสาร์ที่ 09 ธันวาคม 2017 เวลา 14:15 น.
อย่างที่หมอบอกค่ะ ลมชักแบบนี้หายเองเมื่อโตขึ้น ยาที่ได้รับยังไม่มากดีกว่าให้ชักสมองจะเสียหาย ผลข้างเคียงของยามีแน่แต่ถ้าไม่รบกวนการใช้ชีวิตก็ไม่เป็นไร หมอตามดูตลอดน่าจะไม่มีปัญหา เดพากินกินแล้ว นน. ขึ้นได้ เกร็ดเลือดต่ำทำให้เขียวช้ำได้ง่าย ลูกเป็นไม่มากอย่าเครียดเลยค่ะ คุมชักให้ดีอย่าให้ชักบ่อยๆจะเปลี่ยนเป็นลมชักถาวรได้
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: Karnsinee ที่ วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2017 เวลา 12:52 น.
ขอบคุณค่ะ คือไม่ทราบว่าครึ่งปีชักมา3ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้รึป่าว ทั้งๆที่ทานยาครบ เจ็บป่วยเป็นหวัดน้อยมาก กลัวค่ะว่าจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะหายขาด ตอนนี้เลยจะขอนัดคุณหมอสุรชัยขอรายละเอียดโรคเพิ่มค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2017 เวลา 14:46 น.
โรคลมชักแบบนี้พยากรณ์โรคดี มักหายได้เองเมื่ออายุประมาณ 13 ปี บางคนเป็นน้อยกาจไม่ต้องทานยาเลย นี่เป็นรมา 3 ครั้ง ทานยาคุมไว้น่าจะดีกว่า ทั้งนี้หมอจะพิจารณาเองว่าควรกินยาหรือไม่ อ.สุรชัยก็เชีี่่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว น่าจะไม่มีปัญหานะคะ
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2017 เวลา 11:41 น.
เข้าเรียนอย่าลืมแจ้ง รร.ด้วยค่ะ เพราะบางวิชาอาจจะกระตุ้นชักได้ เช่น พละ หรือการเรียนที่เครียดเกินไป แนะนำให้เลือก รร.เล็กๆใกล้บ้านที่สุดค่ะ ไม่เน้นวิชาการมาก พบครูได้ง่าย(เพื่อคุยยืดหยุ่นการเรียน) อย่าเอารร.ดังค่ะเพราดูแลเด็กไม่ทั่วถึง
เว้นสิ่งกระตุ้น มือถือ คอม เนต หาอ่านเพิ่มได้เลยค่ะ และแม่ต้องสังเกตุด้วยว่า ตอนวันที่น้องชักเพิ่มขึ้นมามีอะไรกระตุ้นชักมั้ย
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: Karnsinee ที่ วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2017 เวลา 19:32 น.
ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกสาวเป็นโรคลมชักBEOP(Benign epilepsy with occipital spike
เริ่มหัวข้อโดย: Karnsinee ที่ วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2017 เวลา 21:05 น.
สวัสดีค่ะ มาอัพเดทหลังจากพบคุณหมอสุรชัยนะคะ หลังจากชักมาสามครั้งในครึ่งปีทั้งที่กินยาไม่เคยขาดคุณหมอเลยเสนอให้มารักษาที่ศิริราชเลยค่ะ เดือนหน้านัดทำeegและเจาะเลือดดูปริมาณยาค่ะ และเปลี่ยนยาจากที่เคยกินยานำ้เดพากิน200เช้าเย็น เป็นเดพิกิน500ชนิดเม็ดแบ่งครึ่งเช้าเย็นแทนค่ะ คุณหมอให้เหตุผลว่ายานำ้ให้ผลไม่เสถียรถ้ากินจะต้องกินสามมื้อต่อวันซึ่งลูกจะต้องให้ครูป้อนที่รร โอกาสพลาดมีมากสู้เราดูแลเรื่องนี้เองจะดีกว่าเลยเปลี่ยนมาเป็นเม็ดให้ผลคงที่และกินแค่สองครั้งค่ะ เบาใจขึ้นมากค่ะได้มารักษากับคุณหมอสุรชัย ได้ความรู้เอาไปดูแลลูกให้ถูกวิธี หวังว่าลูกจะหายขาดในเร็ววันค่ะ