แบ่งปันความรู้โรคลมชัก

สนทนาได้ความรู้ => แชร์ประสบการณ์โรคลมชัก => ข้อความที่เริ่มโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 01 เมษายน 2013 เวลา 22:34 น.

หัวข้อ: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 01 เมษายน 2013 เวลา 22:34 น.
(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/421060_10151408539336224_1470701660_n.jpg)

หนังสือ ลมชัก...ฉันรักเธอ เขียนโดย นักศึกษาแพทย์ ธนิศา หาญพินิจศักดิ์
จัดพิมพ์โดย กลุ่มวิจัยโรคลมชัก รพ.ศรีนครินทร์ รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า และคลินิกโรคลมชักแบบบูรณาการ
ได้รับทุนสนับสนุนจาก สปสช.ค่ะ
พิมพ์ครั้งแรก 1000 เล่ม แจกบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย คนทั่วไป โรงพยาบาลต่างๆ ในภาคอีสาน และบางท่านที่ขอทางไปรษณีย์ ซึ่งมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก
ขณะนี้หนังสือใกล้หมดแล้ว กำลังจะพิมพ์เพิ่มอีก 1000 เล่ม

หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่เป็นทั้งนศ.พ.และผู้ป่วยโรคลมชัก เพื่อแบ่งปันความรู้ เป็นกำลังใจแด่คนไข้และแบ่งปันประสบการณ์แด่เพื่อนๆ คุณหมอ และผู้สนใจทุกท่าน

ใครสนใจ รับหนังสือได้ฟรี ขอมาทางช่องข้อความส่วนตัว ของออยได้ค่ะ เขียนชื่อ ที่อยู่ให้จัดส่งด้วยนะคะ หรือถ้าต้องการหนังสือจำนวนมาก เช่นเผยแพร่ในรพ. หรือห้องสมุด ติดต่อศูนย์วิจัยโรคลมชัก รพ.ศรีนครินทร์ http://epilepsy.kku.ac.th/ หรือ อ.สมศักดิ์ เทียมเก่า somtia@kku.ac.th ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: apantri choomkote ที่ วันอังคารที่ 02 เมษายน 2013 เวลา 17:33 น.
อยากได้ค่ะ...รบกวนฝากไปไว้ที่คลีนิคอาจารย์ณรงค์ ที่ กุมารเวช ขอนแก่นได้ไหมค่ะ ภูริ ไปรับยาทุกเดือนค่ะ...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ 
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 00:32 น.
ได้ค่ะ เดี๋ยวเอาไปไว้ให้ค่ะ แต่ตอนนี้หนังสือใกล้หมดแล้ว อาจจะต้องรอหน่อยนะคะ
น้องไปติดตามการรักษาทุกกี่เดือนคะ อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 08:20 น.
ชอบชื่อหนังสือมากค่ะ ลมชัก...ฉันรักเธอ   
และก็ชอบความหมายของช่องลายเซนด้วยค่ะ
Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain

หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 08:54 น.
ถูกใจหรือคุณต่าย คุณออยเขาคล้ายๆ คุณต่ายนะ ลองคุยกันดู
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 11:01 น.
ถูกใจหรือคุณต่าย คุณออยเขาคล้ายๆ คุณต่ายนะ ลองคุยกันดู
สงสัยเดวแอดเฟซดีกว่าพี่ ต่ายไม่ค่อยเข้าเฟซลมชักน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยทราบว่า ในเฟซโน้นเป็นยังไงกันบ้าง คุณออย ชื่อเฟซไรเอ่ย   :)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพุธที่ 03 เมษายน 2013 เวลา 13:51 น.
แอดเฟซออยได้นะคะ ชื่อ Tanisa Hanpinitsak
มีคนขอหนังสือมาทางเฟซเยอะเหมือนกันค่ะ
อย่าลืมแนะนำตัวด้วยนะคะ เพราะปกติจะไม่ค่อยรับแอดคนไม่รู้จัก
แต่ถ้าใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคลมชัก หรือสนใจ ก็ยินดีค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: apantri choomkote ที่ วันพฤหัสบดีที่ 04 เมษายน 2013 เวลา 15:42 น.
แอดเฟซ...แล้วค่ะ รับเป็นเพื่อนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tonytang ที่ วันพฤหัสบดีที่ 04 เมษายน 2013 เวลา 20:06 น.
ขอรับได้ที่ไหนครับแล้วรับยังไง ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันศุกร์ที่ 05 เมษายน 2013 เวลา 17:10 น.
แจ้งชื่อ ที่อยู่ให้จัดส่ง มาทางช่องข้อความได้เลยค่ะ ฟรีค่ะ
อยากเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับโรคลมชักให้ได้อ่านกันเยอะๆ
คนทั่วไปจะได้เข้าใจคนไข้มากขึ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 00:19 น.
แจ้งชื่อ ที่อยู่ให้จัดส่ง มาทางช่องข้อความได้เลยค่ะ ฟรีค่ะ
อยากเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับโรคลมชักให้ได้อ่านกันเยอะๆ
คนทั่วไปจะได้เข้าใจคนไข้มากขึ้นค่ะ

แจ้งชื่อ ที่อยู่ มาทางช่องข้อความส่วนตัวเลยค่ะ ส่งทสงไปรษณีย์ ให้บริการฟรีค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 00:21 น.
ใครที่ได้รับหนังสือแล้ว ฝากแจ้งออยไว้ในนี้ด้วยนะคะ
เพราะมีน้องคนนึงที่เพิ่งส่งไปพร้อมๆกีบอีก4เล่ม ได้แล้วค่ะ
ออยจะส่งทีละ3-4ชุดนะคะ แล้วแต่มีคนขอมาเมื่อไหร่ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 08:54 น.
ถ้าได้เมื่อไหร่ พี่จะบอกนะค่ะ พี่ว่า น้องกล้ามากนะค่ะ ที่ออกมาเปิดตัวแบบนี้ (เก่งนะค่ะ) พี่เอง ยังค่อนข้างปิดตัวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 11:21 น.
ก็คุณต่ายปิดตัวเอง เอารูปมาลงให้คนดูสวยๆ แบบคุณออยบ้างท่าจะดี ;D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 11:34 น.
นั่นจิ  ไว้ถ่ายรูป สวยได้ เมื่อไหร่ จะปะไว้ที่ช่องรูปตัวแทนเลย! พี่น้อง
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 12:13 น.
ถ้าได้เมื่อไหร่ พี่จะบอกนะค่ะ พี่ว่า น้องกล้ามากนะค่ะ ที่ออกมาเปิดตัวแบบนี้ (เก่งนะค่ะ) พี่เอง ยังค่อนข้างปิดตัวเลยค่ะ

ตอนแรกก็กลัวๆ เหมือนกันค่ะ ยิ่งช่วงที่เริ่มเป็นแรกๆ ก็กลัวคนเห็น กลัวเพื่อนล้อ ขนาดจะลาเรียนยังกลัวว่าเพื่อนจะหาว่าเราเอามาเป็นข้ออ้างรึเปล่า กังวลมาก แต่พอกล้าเปิดเผย กล้าคุยกับเพื่อนๆแล้ว คนอื่นเค้าก็เข้าใจเรามากขึ้น รู้จักโรคนี้มากขึ้นด้วย ออยเลยว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ค่ั

หนูว่า ลมชักมันก็คือโรคๆนึงที่ใครๆก็เป็นได้ เหมือนเบาหวาน ความดัน โรคไต หอบหืด เค้ายังไม่อายกันเลย เลยมีการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องพวกนี้กันมาก แต่คนยังไม่ค่อยรู้จักโรคลมชัก เพราะส่วนใหญ่ค่อนข้างปิดตัวเอง เวลาชักคนอื่นก็กลัว ไม่กล้าช่วย ชาวบ้านก็นึกว่าผีเข้า จริงๆมันไม่น่ากลัวอะไร แต่ต้องได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้อง และคนอื่นก็ควรจะเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่น่ากลัว ไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นแค่ระยะสั้นๆ ช่วงที่ไม่ชักก็ทำงานได้ปกติ รักษาหายได้ ควบคุมได้โดยการทานยา ถ้าทุกคนเข้าใจ ผู้ป่วยและคนทั่วไปก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

ที่จริงแนวคิดนี้มาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่Scotland พอป่วยเป็นโรคลมชักก็เริ่มจัดตั้ง organization ขึ้นมาเพื่อให้คนทั่วไปรู้จักและเข้าใจโรคลมชักมากขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Purple day ตอนนี้ต่างประเทศก็รู้จักองค์กรนี้มากขึ้น และมีการจัดงานให้ผู้ป่วยได้มารู้จักและทำกิจกรรมร่วมกันทุกปี ไปอ่านประวัติได้ที่ http://www.purpleday.org/ ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 06 เมษายน 2013 เวลา 12:57 น.
แอดเฟซ...แล้วค่ะ รับเป็นเพื่อนด้วยนะคะ

ใช้ชื่อในเฟซว่าอะไรหรอคะ ยังไม่เห็นเลยค่ะ
อย่าลืมแนะนำตัวด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 07 เมษายน 2013 เวลา 08:06 น.
ตอนแรกก็กลัวๆ เหมือนกันค่ะ ยิ่งช่วงที่เริ่มเป็นแรกๆ ก็กลัวคนเห็น กลัวเพื่อนล้อ ขนาดจะลาเรียนยังกลัวว่าเพื่อนจะหาว่าเราเอามาเป็นข้ออ้างรึเปล่า กังวลมาก แต่พอกล้าเปิดเผย กล้าคุยกับเพื่อนๆแล้ว คนอื่นเค้าก็เข้าใจเรามากขึ้น รู้จักโรคนี้มากขึ้นด้วย ออยเลยว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ค่ั

หนูว่า ลมชักมันก็คือโรคๆนึงที่ใครๆก็เป็นได้ เหมือนเบาหวาน ความดัน โรคไต หอบหืด เค้ายังไม่อายกันเลย เลยมีการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องพวกนี้กันมาก แต่คนยังไม่ค่อยรู้จักโรคลมชัก เพราะส่วนใหญ่ค่อนข้างปิดตัวเอง เวลาชักคนอื่นก็กลัว ไม่กล้าช่วย ชาวบ้านก็นึกว่าผีเข้า จริงๆมันไม่น่ากลัวอะไร แต่ต้องได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้อง และคนอื่นก็ควรจะเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่น่ากลัว ไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นแค่ระยะสั้นๆ ช่วงที่ไม่ชักก็ทำงานได้ปกติ รักษาหายได้ ควบคุมได้โดยการทานยา ถ้าทุกคนเข้าใจ ผู้ป่วยและคนทั่วไปก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

ที่จริงแนวคิดนี้มาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่Scotland พอป่วยเป็นโรคลมชักก็เริ่มจัดตั้ง organization ขึ้นมาเพื่อให้คนทั่วไปรู้จักและเข้าใจโรคลมชักมากขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Purple day ตอนนี้ต่างประเทศก็รู้จักองค์กรนี้มากขึ้น และมีการจัดงานให้ผู้ป่วยได้มารู้จักและทำกิจกรรมร่วมกันทุกปี ไปอ่านประวัติได้ที่ http://www.purpleday.org/ ค่ะ
แรกๆ พี่ก็คิดเหมือนน้องนะ พี่ตอบไปว่า หยุดเรียนเพราะเป็นลมชัก( คือตอนนั้นชักลมบ้าหมูครั้งแรก ส่งรพ.หลายวัน) พี่ไม่คิดอะไรเลย เพราะไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ได้อายด้วย แต่ที่ได้กลับมาเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึง สุดท้ายพี่ลาออกดีกว่า เรียน รามแทนเอ็น  เพราะไม่ต้องมีสังคม พอดีจิตเวชที่รักษาลูกพี่เรื่องสมาธิสั้น เขาสนใจถามพี่เรื่องนี้ ที่พี่เป็นลมชัก (ทำไม่คุณแม่ไม่ยอมให้ลูกทานยาต่อหน้าเพื่อน ที่ รร.)
พี่ตอบไม่ถูก (จริงตอบได้ละ แต่มันยาว) เลยตอบว่า ลมชักไม่ใช่โรคนางเอกค่ะ

แม้ปัจจุบัน พี่ก็ยังปิดตัวเอง ถึงโรคลมชักจะได้รับการยอมรับมากขึ้นแล้ว แต่พี่ก็ยังโดนเรื่อยๆ แม้จะคุมชักได้ หาเงินได้แล้วก็ตาม (แต่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ อาจจะเพราะภูมิใจในตัวเองมากขึ้น ถีงจะป่วย แต่เราก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนคนอื่น)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 07 เมษายน 2013 เวลา 10:27 น.
ตอนแรกก็กลัวๆ เหมือนกันค่ะ ยิ่งช่วงที่เริ่มเป็นแรกๆ ก็กลัวคนเห็น กลัวเพื่อนล้อ ขนาดจะลาเรียนยังกลัวว่าเพื่อนจะหาว่าเราเอามาเป็นข้ออ้างรึเปล่า กังวลมาก แต่พอกล้าเปิดเผย กล้าคุยกับเพื่อนๆแล้ว คนอื่นเค้าก็เข้าใจเรามากขึ้น รู้จักโรคนี้มากขึ้นด้วย ออยเลยว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ค่ั

หนูว่า ลมชักมันก็คือโรคๆนึงที่ใครๆก็เป็นได้ เหมือนเบาหวาน ความดัน โรคไต หอบหืด เค้ายังไม่อายกันเลย เลยมีการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องพวกนี้กันมาก แต่คนยังไม่ค่อยรู้จักโรคลมชัก เพราะส่วนใหญ่ค่อนข้างปิดตัวเอง เวลาชักคนอื่นก็กลัว ไม่กล้าช่วย ชาวบ้านก็นึกว่าผีเข้า จริงๆมันไม่น่ากลัวอะไร แต่ต้องได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้อง และคนอื่นก็ควรจะเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่น่ากลัว ไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นแค่ระยะสั้นๆ ช่วงที่ไม่ชักก็ทำงานได้ปกติ รักษาหายได้ ควบคุมได้โดยการทานยา ถ้าทุกคนเข้าใจ ผู้ป่วยและคนทั่วไปก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ

ที่จริงแนวคิดนี้มาจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่Scotland พอป่วยเป็นโรคลมชักก็เริ่มจัดตั้ง organization ขึ้นมาเพื่อให้คนทั่วไปรู้จักและเข้าใจโรคลมชักมากขึ้น โดยใช้ชื่อว่า Purple day ตอนนี้ต่างประเทศก็รู้จักองค์กรนี้มากขึ้น และมีการจัดงานให้ผู้ป่วยได้มารู้จักและทำกิจกรรมร่วมกันทุกปี ไปอ่านประวัติได้ที่ http://www.purpleday.org/ ค่ะ
แรกๆ พี่ก็คิดเหมือนน้องนะ พี่ตอบไปว่า หยุดเรียนเพราะเป็นลมชัก( คือตอนนั้นชักลมบ้าหมูครั้งแรก ส่งรพ.หลายวัน) พี่ไม่คิดอะไรเลย เพราะไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ได้อายด้วย แต่ที่ได้กลับมาเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึง สุดท้ายพี่ลาออกดีกว่า เรียน รามแทนเอ็น  เพราะไม่ต้องมีสังคม พอดีจิตเวชที่รักษาลูกพี่เรื่องสมาธิสั้น เขาสนใจถามพี่เรื่องนี้ ที่พี่เป็นลมชัก (ทำไม่คุณแม่ไม่ยอมให้ลูกทานยาต่อหน้าเพื่อน ที่ รร.)
พี่ตอบไม่ถูก (จริงตอบได้ละ แต่มันยาว) เลยตอบว่า ลมชักไม่ใช่โรคนางเอกค่ะ

แม้ปัจจุบัน พี่ก็ยังปิดตัวเอง ถึงโรคลมชักจะได้รับการยอมรับมากขึ้นแล้ว แต่พี่ก็ยังโดนเรื่อยๆ แม้จะคุมชักได้ หาเงินได้แล้วก็ตาม (แต่ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ อาจจะเพราะภูมิใจในตัวเองมากขึ้น ถีงจะป่วย แต่เราก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนคนอื่น)

ยินดีด้วยค่ะ หนูก็อยากทำอะไรได้เหมือนคนทั่วๆไป อยากขับรถได้(เคยชักแล้วไปชนหลายครั้งแล้ว) อยากอยู่เวรได้ทั้งคืนเหมือนเพื่อนโดยที่ไม่ชัก ทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวจะชัก แต่ตอนนี้ก็ยังดีที่ควบคุมอาการชักได้มากขึ้น เรียนได้ ถึงจะช้า แค่นี้ก็ดีใจแล้ว โดยส่วนตัวไม่ค่อยคิดอะไรมาก เวลามีใครถาม ก็บอกตรงๆ ส่วนใหญ่คนเค้าอยากรู้ว่ามันเป็นไง ก็ถือโอกาสอธิบายให้เค้าเข้าใจด้วย เพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้อง อาจารย์ เกือบทั้งคณะเค้ารู้หมดแล้วว่าหนูเป็นลมชัก ก็ไม่เป็นไรค่ะ บางครั้งได้ยินว่ามีเพื่อนนินทาเรื่องโรคเราบ้าง ก็ช่างเค้าค่ะ คนปกติดีๆ เป็นดารา เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ยังโดนนินทาเลย เราก็ไม่แปลกหรอกค่ะ

ที่ได้หนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ตอนแรกเขียนเป็นไดอารี่ ส่งเรื่องราวและระบายความในใจให้อาจารย์ที่รักษาผ่านทางอีเมล ส่งมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย อาจารย์เลยขอตีพิมพ์ค่ะ ซึ่งหนูก็ไม่ขัดข้องอะไร อยากให้คนได้รู้จักโรคนี้เยอะๆ ตอนที่ป่วยแรกๆ ไปร้านหนังสือ หาหนังสือเกี่ยวกับโรคลมชักไม่มีเลย ไม่เหมือนพวกโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ โรคอ้วน ซึ่งคนก็อ่าน ก็รู้จักกันเยอะขึ้น หนูเลยบอกอาจารย์ว่าลองพิมพ์ดูก่อนก็ได้(เพราะมีงบจากสปสช.ค่ะ) ไม่รู้จะมีคนอ่านมั้ย พอพิมพ์มาแล้ว ปรากฏว่าคนสนใจเต็มเลย ไม่คิดเลยค่ะว่าจะมีคนอยากอ่านเยอะขนาดนี้ เป็นผลงานที่ภูมิใจมากๆค่ะ ได้เมื่อไหร่ลองอ่านดูละกันนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 07 เมษายน 2013 เวลา 12:03 น.
ยินดีด้วยค่ะ หนูก็อยากทำอะไรได้เหมือนคนทั่วๆไป อยากขับรถได้(เคยชักแล้วไปชนหลายครั้งแล้ว) อยากอยู่เวรได้ทั้งคืนเหมือนเพื่อนโดยที่ไม่ชัก ทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวจะชัก แต่ตอนนี้ก็ยังดีที่ควบคุมอาการชักได้มากขึ้น เรียนได้ ถึงจะช้า แค่นี้ก็ดีใจแล้ว โดยส่วนตัวไม่ค่อยคิดอะไรมาก เวลามีใครถาม ก็บอกตรงๆ ส่วนใหญ่คนเค้าอยากรู้ว่ามันเป็นไง ก็ถือโอกาสอธิบายให้เค้าเข้าใจด้วย เพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้อง อาจารย์ เกือบทั้งคณะเค้ารู้หมดแล้วว่าหนูเป็นลมชัก ก็ไม่เป็นไรค่ะ บางครั้งได้ยินว่ามีเพื่อนนินทาเรื่องโรคเราบ้าง ก็ช่างเค้าค่ะ คนปกติดีๆ เป็นดารา เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ยังโดนนินทาเลย เราก็ไม่แปลกหรอกค่ะ

ที่ได้หนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ตอนแรกเขียนเป็นไดอารี่ ส่งเรื่องราวและระบายความในใจให้อาจารย์ที่รักษาผ่านทางอีเมล ส่งมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย อาจารย์เลยขอตีพิมพ์ค่ะ ซึ่งหนูก็ไม่ขัดข้องอะไร อยากให้คนได้รู้จักโรคนี้เยอะๆ ตอนที่ป่วยแรกๆ ไปร้านหนังสือ หาหนังสือเกี่ยวกับโรคลมชักไม่มีเลย ไม่เหมือนพวกโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ โรคอ้วน ซึ่งคนก็อ่าน ก็รู้จักกันเยอะขึ้น หนูเลยบอกอาจารย์ว่าลองพิมพ์ดูก่อนก็ได้(เพราะมีงบจากสปสช.ค่ะ) ไม่รู้จะมีคนอ่านมั้ย พอพิมพ์มาแล้ว ปรากฏว่าคนสนใจเต็มเลย ไม่คิดเลยค่ะว่าจะมีคนอยากอ่านเยอะขนาดนี้ เป็นผลงานที่ภูมิใจมากๆค่ะ ได้เมื่อไหร่ลองอ่านดูละกันนะคะ
จริงๆแล้ว นินทา สรรเสริญ เป็นของตรงกันข้ามกัน (คนเราชอบนินทามากกว่า 5555)  ถ้าเป็นตอนนี้ ใครจะนินทาพี่ไม่แคร์เท่าไหร่แล้ว  ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่คอยระแวงอยู่ตลอดเวลา จนต้องขอหมอ จ่ายยา เช้า-เย็น (ไม่กินยาต่อหน้าเพื่อน)
ถ้าหนังสือได้ตีพิมพ์ วางขายหรือ สามารถเผยแพร่ให้คนเข้าใจโรคลมชักมากกว่านี้ ก็น่าจะดี

ถ้าน้องสามารถทำ ทุกอย่าง ได้เหมือนคนปกติ พี่จะบอกว่า มันสนุกมากกกกกก  ;D ;D
ส่วนพี่ เว้นเฉพาะบางเรื่อง  :D ขับรถ (กลัวเปลือง) :D  กินกาแฟ  (กลัวแก่)  :Dทำเลสิก (กลัวตาบอด)

ตอนนี้ พี่ยังไม่แน่ใจว่า ถ้าพี่บอก ทุกๆคน (รวมถึงลูกค้า) จะทำให้ ดิสเครดิตพี่หรือเปล่า  (เมื่อก่อน เวลาพี่พูดอะไร คนมักไม่เชื่อนะค่ะ เข้าใจว่า พี่กำลังสับสน หรืออยู่ระหว่างการชัก หรือคิดไปเองบ้าง )
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 09 เมษายน 2013 เวลา 10:29 น.
ยินดีด้วยค่ะ หนูก็อยากทำอะไรได้เหมือนคนทั่วๆไป อยากขับรถได้(เคยชักแล้วไปชนหลายครั้งแล้ว) อยากอยู่เวรได้ทั้งคืนเหมือนเพื่อนโดยที่ไม่ชัก ทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวจะชัก แต่ตอนนี้ก็ยังดีที่ควบคุมอาการชักได้มากขึ้น เรียนได้ ถึงจะช้า แค่นี้ก็ดีใจแล้ว โดยส่วนตัวไม่ค่อยคิดอะไรมาก เวลามีใครถาม ก็บอกตรงๆ ส่วนใหญ่คนเค้าอยากรู้ว่ามันเป็นไง ก็ถือโอกาสอธิบายให้เค้าเข้าใจด้วย เพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้อง อาจารย์ เกือบทั้งคณะเค้ารู้หมดแล้วว่าหนูเป็นลมชัก ก็ไม่เป็นไรค่ะ บางครั้งได้ยินว่ามีเพื่อนนินทาเรื่องโรคเราบ้าง ก็ช่างเค้าค่ะ คนปกติดีๆ เป็นดารา เป็นเพื่อนกันแท้ๆ ยังโดนนินทาเลย เราก็ไม่แปลกหรอกค่ะ

ที่ได้หนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ตอนแรกเขียนเป็นไดอารี่ ส่งเรื่องราวและระบายความในใจให้อาจารย์ที่รักษาผ่านทางอีเมล ส่งมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย อาจารย์เลยขอตีพิมพ์ค่ะ ซึ่งหนูก็ไม่ขัดข้องอะไร อยากให้คนได้รู้จักโรคนี้เยอะๆ ตอนที่ป่วยแรกๆ ไปร้านหนังสือ หาหนังสือเกี่ยวกับโรคลมชักไม่มีเลย ไม่เหมือนพวกโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ โรคอ้วน ซึ่งคนก็อ่าน ก็รู้จักกันเยอะขึ้น หนูเลยบอกอาจารย์ว่าลองพิมพ์ดูก่อนก็ได้(เพราะมีงบจากสปสช.ค่ะ) ไม่รู้จะมีคนอ่านมั้ย พอพิมพ์มาแล้ว ปรากฏว่าคนสนใจเต็มเลย ไม่คิดเลยค่ะว่าจะมีคนอยากอ่านเยอะขนาดนี้ เป็นผลงานที่ภูมิใจมากๆค่ะ ได้เมื่อไหร่ลองอ่านดูละกันนะคะ
จริงๆแล้ว นินทา สรรเสริญ เป็นของตรงกันข้ามกัน (คนเราชอบนินทามากกว่า 5555)  ถ้าเป็นตอนนี้ ใครจะนินทาพี่ไม่แคร์เท่าไหร่แล้ว  ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่คอยระแวงอยู่ตลอดเวลา จนต้องขอหมอ จ่ายยา เช้า-เย็น (ไม่กินยาต่อหน้าเพื่อน)
ถ้าหนังสือได้ตีพิมพ์ วางขายหรือ สามารถเผยแพร่ให้คนเข้าใจโรคลมชักมากกว่านี้ ก็น่าจะดี

ถ้าน้องสามารถทำ ทุกอย่าง ได้เหมือนคนปกติ พี่จะบอกว่า มันสนุกมากกกกกก  ;D ;D
ส่วนพี่ เว้นเฉพาะบางเรื่อง  :D ขับรถ (กลัวเปลือง) :D  กินกาแฟ  (กลัวแก่)  :Dทำเลสิก (กลัวตาบอด)

ตอนนี้ พี่ยังไม่แน่ใจว่า ถ้าพี่บอก ทุกๆคน (รวมถึงลูกค้า) จะทำให้ ดิสเครดิตพี่หรือเปล่า  (เมื่อก่อน เวลาพี่พูดอะไร คนมักไม่เชื่อนะค่ะ เข้าใจว่า พี่กำลังสับสน หรืออยู่ระหว่างการชัก หรือคิดไปเองบ้าง )

สำหรับหนู ตอนนี้ไม่อายใครแล้วค่ะ รู้สึกว่าปิดตัวเองแล้วมัวแต่กังวลว่าคนอื่นจะเห็น คนอื่นจะคิดยังไง เค้าจะนินทามั้ย แต่ตอนนี้เลิกคิดแล้วค่ะ เค้ารู้กันทั้งคณะแล้ว กังวลไปก็เครียดอยู่คนเดียว ถ้าเราเป็นคนดี ทำความดี ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ก็โอเคแล้วค่ะ บางที ชักบ่อย ป่วย ไม่ได้เข้าเรียน ไม่มาสอบ ไม่ทำงาน คุยกับเพื่อน กับอาจารย์ดีๆ เรามีเหตุผล เวลาไม่ป่วยเราก็ไม่อู้ เค้าก็เข้าใจค่ะ

ตอนนี้เวลาไปหาหมอก็ขอลาอาจารย์ตรงๆ บางทีไม่เจอก็ฝากเพื่อนบอก เพื่อนก็รู้กันหมด ไปหาตรวจกับอาจารย์ที่ห้องตรวจก็เจอเพื่อนอีกกลุ่มเรียนอยู่ ก็เป็นคนไข้ให้เพื่อนเรียนเลย เพื่อนก็รู้ว่าเราเป็นอะไรบ้าง กินยาอะไร เวลากินยาต่อหน้าเพื่อนก็ไม่คิดมาก บางทีเราลืมเค้าก็ช่วยเตือนเรา ช่วงนี้ต้องไปพบจิตเวชด้วย เจอเพื่อนที่ห้องตรวจก็ทักกันปกติ บางคนมองเราแปลกๆก็ไม่้ป็นไร ยังมีเพื่อนที่ยอมรับเราอยู่ พอไม่ปิดตัวเองแล้วสบายใจกว่า เพื่อนเข้าใจเรามากกว่าด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันพุธที่ 10 เมษายน 2013 เวลา 00:47 น.
หนังสือเขียนได้ดี เรียบง่าย ทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนไข้ได้ดี
อีกไม่นาน น้องออยคงสำเร็จเป็นหมอที่ดีและเข้าใจคนไข้ได้มากๆ  แน่นอน
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพุธที่ 10 เมษายน 2013 เวลา 07:58 น.
หนังสือเขียนได้ดี เรียบง่าย ทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนไข้ได้ดี
อีกไม่นาน น้องออยคงสำเร็จเป็นหมอที่ดีและเข้าใจคนไข้ได้มากๆ  แน่นอน

ขอบพระคุณมากๆค่ะ ออยก็หวังว่าจะเรียนจบ และจะเป็นหมอที่ดูแลคนไข้ได้ดี เหมือนที่ อ.สมศักดิ์ได้ดูแลออยมาค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 10 เมษายน 2013 เวลา 10:16 น.
(http://image.ohozaa.com/i/a8f/uNYquh.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wLaVtylNduRKQT1i)

ได้รับแล้วรับเปิดอ่านเลยค่ะ  เล่มแรกของน้องออย อ่านแล้ว ไม่รู้สึกว่า น้องออยเป็นคนไข้ค่ะ สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ประติดประต่อ  บทสรุปของความรู้สึกคนไข้ชัดเจน ซึ่งพี่อ่านไปคิดไปค่ะ แต่ไม่เคยบอกใคร เพราะไม่รู้จะบอกอย่างไรดี เรื่องเก่า ๆ บางเรื่อง ขำๆ นึกออกมาเล่าให้น้องออยฟังบ้าง

เหตุการณ์ในบ้านตัวเองนะค่ะ
พี่คนนึง -  ต่าย ทำไม เข้าห้องน้ำไม่ราด สกปรกมาก  ลอยเชียว เป็นคนอย่างนี้ได้อย่างไร (เป็นชุดๆ)
ต่าย - (เพิ่งลืมตา ย้งนอนที่หมอนอยู่)  ไปเข้าห้องน้ำมาเมื่อไหร่พี่ แล้วก็ปิดตาอยากหลับต่อ
พี่คนนึง - นี่ๆ ยังจะนอนอีก (ฉอดๆๆๆ )
ต่าย - ( จำไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ฟัง) 

จำได้ว่า โดนพี่คนนี้ว่าหลายครั้งมาก จนรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ บางอย่างเราทำโดยไม่รู้จริงๆค่ะ แต่พี่คนนี้มีดีที่เขาสงสารเรื่องค่ายาของต่าย และฝากงานให้ต่ายเข้าทำเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่ ม.ศิลปากร โดยเลือก ตำแหน่งที่ง่ายที่สุด
เพื่อจะได้สิทธิ์ประกันสังคม (ถ้าทำงานได้ก็ทำไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ออกมาต่อประกันสังคมแบบส่งตัวเอง)
 
สุดท้าย พี่ลาออก ก่อนที่จะครบ  1ปี เพราะว่า มีสัญญาณมาแล้วว่าจะไม่บรรจุพี่ เนื่องจากทำงานไม่ดี  พี่ได้คำแนะนำจากพี่ที่ฝากงานว่า "รีบ"เขียนใบลาออกก่อน ที่จะถูก เขียนเหตูผลว่า ทำไม ไม่บรรจุ
เหตุผล เพราะหัวหน้าที่พี่ขึ้นตรง (ซี 8)  ไม่มีลูกน้องคนไหน ทนทำงานได้เกิน 4 เดือน      (มีพี่คนแรกที่ทำได้เกือบ 1 ปี)

เลยปรึกษากัน ระหว่างว่า
ถ้าพี่เขียนใบลาออก   - หัวหน้าคนนั้น อาจจะถูกสอบสวนว่าทำไม มีลูกน้องลาออกจำนวนมาก ภายในระยะเวลาที่ได้ตำแหน่ง
ถ้าถูกไล่ออก หรือไม่ บรรจุ - ความผิดจะเป็นของพี่ ทันที เพราะไม่สบายเป็นลมชัก

ตอนพี่ลาออกแล้ว มีหัวหน้า รอง ศ. ฯลฯ มาหาพี่ที่โต๊ะ โทรศัพท์ เยอะว่า ลาออกแล้วหรือ /ทำไมละ  / เอาอีกแล้วหรือ
 
น้องออย   แม้จะเป็นลมชัก  ก็ไม่เว้น การชิงไหวชิงพริบ กันในเรื่องทำงานเหมือนกันจ๊ะ   
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 10 เมษายน 2013 เวลา 10:19 น.
สำหรับหนังสืออีกเล่ม
(http://image.ohozaa.com/i/g08/4XSizz.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wLb5hvTpwRws1bUN)

อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก มีหลายเรื่องที่โดนๆ ค่ะ อาจารย์ เขียนได้ดีมากค่ะ  อ่านถึง หัวข้อ 22 แล้วอึ้ง ต่ายไม่เคยเขียนเรื่องแบบนี้ลงในบอร์ดนี้ เพราะกลัวกังวลกันไปค่ะ ต่ายเป็นคนนึงที่โดนมาแล้ว แต่ไม่ถึงขนาดที่ อาจารย์เขียน (ซึ่ง ไม่มีใครเชื่อค่ะ)

ครั้งแรก จาก ..  ต่ายโดนต่อว่า  ว่า ทำไมชักแล้ว ไม่ไปนอนในห้องนอนให้เรียบร้อย ปิดล๊อคประตู จะได้ไม่เกิดเรื่อง
คนทำไม่โดน แต่คนที่ถูกว่า กลับเป็นต่ายแทน ออกจะแนวไม่เชื่อ และโดนโกรธที่ใส่ร้ายคนอื่น

ครั้งที่สอง  จาก คนในที่ทำงาน ตอนนั้น ต่ายตัดสินใจ จะกระโดดออกนอกรถแทน (เปิดประตูรถแล้วค่ะ)  พอกลับมาเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง กลายเป็นเรื่องตลก สุดท้ายลาออกจากที่นั่นค่ะ



หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2013 เวลา 17:17 น.
(http://image.ohozaa.com/i/a8f/uNYquh.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wLaVtylNduRKQT1i)

ได้รับแล้วรับเปิดอ่านเลยค่ะ  เล่มแรกของน้องออย อ่านแล้ว ไม่รู้สึกว่า น้องออยเป็นคนไข้ค่ะ สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ประติดประต่อ  บทสรุปของความรู้สึกคนไข้ชัดเจน ซึ่งพี่อ่านไปคิดไปค่ะ แต่ไม่เคยบอกใคร เพราะไม่รู้จะบอกอย่างไรดี เรื่องเก่า ๆ บางเรื่อง ขำๆ นึกออกมาเล่าให้น้องออยฟังบ้าง

เหตุการณ์ในบ้านตัวเองนะค่ะ
พี่คนนึง -  ต่าย ทำไม เข้าห้องน้ำไม่ราด สกปรกมาก  ลอยเชียว เป็นคนอย่างนี้ได้อย่างไร (เป็นชุดๆ)
ต่าย - (เพิ่งลืมตา ย้งนอนที่หมอนอยู่)  ไปเข้าห้องน้ำมาเมื่อไหร่พี่ แล้วก็ปิดตาอยากหลับต่อ
พี่คนนึง - นี่ๆ ยังจะนอนอีก (ฉอดๆๆๆ )
ต่าย - ( จำไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ฟัง) 

จำได้ว่า โดนพี่คนนี้ว่าหลายครั้งมาก จนรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ บางอย่างเราทำโดยไม่รู้จริงๆค่ะ แต่พี่คนนี้มีดีที่เขาสงสารเรื่องค่ายาของต่าย และฝากงานให้ต่ายเข้าทำเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่ ม.ศิลปากร โดยเลือก ตำแหน่งที่ง่ายที่สุด
เพื่อจะได้สิทธิ์ประกันสังคม (ถ้าทำงานได้ก็ทำไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ออกมาต่อประกันสังคมแบบส่งตัวเอง)
 
สุดท้าย พี่ลาออก ก่อนที่จะครบ  1ปี เพราะว่า มีสัญญาณมาแล้วว่าจะไม่บรรจุพี่ เนื่องจากทำงานไม่ดี  พี่ได้คำแนะนำจากพี่ที่ฝากงานว่า "รีบ"เขียนใบลาออกก่อน ที่จะถูก เขียนเหตูผลว่า ทำไม ไม่บรรจุ
เหตุผล เพราะหัวหน้าที่พี่ขึ้นตรง (ซี 8)  ไม่มีลูกน้องคนไหน ทนทำงานได้เกิน 4 เดือน      (มีพี่คนแรกที่ทำได้เกือบ 1 ปี)

เลยปรึกษากัน ระหว่างว่า
ถ้าพี่เขียนใบลาออก   - หัวหน้าคนนั้น อาจจะถูกสอบสวนว่าทำไม มีลูกน้องลาออกจำนวนมาก ภายในระยะเวลาที่ได้ตำแหน่ง
ถ้าถูกไล่ออก หรือไม่ บรรจุ - ความผิดจะเป็นของพี่ ทันที เพราะไม่สบายเป็นลมชัก

ตอนพี่ลาออกแล้ว มีหัวหน้า รอง ศ. ฯลฯ มาหาพี่ที่โต๊ะ โทรศัพท์ เยอะว่า ลาออกแล้วหรือ /ทำไมละ  / เอาอีกแล้วหรือ
 
น้องออย   แม้จะเป็นลมชัก  ก็ไม่เว้น การชิงไหวชิงพริบ กันในเรื่องทำงานเหมือนกันจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ ออยใช้เวลาเขียนนานเหมือนกันค่ะบางเรื่อง พอมาอ่านอีกที ก็จำไม่ได้เหมือนกัน

กว่าจะได้เล่มนี้ ก็นานเหมือนกันค่ะ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเขียนหนังสือเลย สังเกตได้ว่าใช้ศัพท์แพทย์เยอะมาก เพราะที่จริงแล้วทั้งหมดนี่เป็นไดอารี่ของตัวเองที่เขียนระบายอารมณ์ ความรู้สึก ตอนที่เขียนก็มีควารมหวังว่าซักวันถ้าเราหาย เผื่อเราอยากกลับมาิ่านว่า ตอนนั้นมันเป็นยังไง ตอนหลังออยเครียดมากๆ บางทีมีปัญหา หาทางออกไม่ได้ เลยส่งไดอารี่ไปทางอีเมลให้อาจารย์สมศักดิ์ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำดีๆเสมอมา หลังจากนั้นพอออยเขียนไดอารี่ก็จะส่งให้อาจารย์ไปด้วย แล้วก็มีอาจารย์อีกท่านนึงทราบเรื่องนี้(เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของออยค่ะ น่าจะบังเอิญได้ยินออยคุยเรื่องในไดอารี่กับอาจารย์สมศักดิ์) เลยถามว่าขออ่านด้วยได้มั้ย เผื่อถ้าออยมีอะไรจะได้ช่วยแก้ปัญหา ออยก็ให้ ถือว่าสนิทกัน ต่อมาก็มีอาจารย์ท่านอื่นที่ทราบได้อ่านด้วย(ตามชื่อในหน้าขอบคุณ ท้ายสุดของหนังสือ) แต่ก็เป็นอาจารย์ที่สนิทและรู้จักกันดีหมด และพอส่งไป อาจารย์ทุกท่านก็จะให้กำลังใจกลับมาทุกครั้ง)

ออยเขียนไดอารี่ประมาณปีนึง อยู่ๆอาจารย์สมศักดิ์ก็ถามว่า อาจารย์อยากพิมพ์ไดอารี่ของหนูเป็นเล่ม ให้คนอื่นได้อ่านด้วย เพราะจากที่อาจารย์อ่านแล้ว อาจารย์ได้ประสบการณ์และสิ่งต่างๆจากคนไข้ที่อาจารย์ไม่เคยรู้ ทำให้อาจารย์เข้าใจคนไข้มากขึ้น ออยเลยบอกว่า ถ้าอาจารย์คิดว่าไดอารี่ของออยจะทำให้่คนอื่นได้ความรู้ เข้าใจโรค เข้าใจคนไข้ ทำให้คนไข้และคนทั่วไปอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ออยก็ยินดีค่ะ

และก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ;)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2013 เวลา 18:45 น.
ขอบคุณค่ะ ออยใช้เวลาเขียนนานเหมือนกันค่ะบางเรื่อง พอมาอ่านอีกที ก็จำไม่ได้เหมือนกัน

กว่าจะได้เล่มนี้ ก็นานเหมือนกันค่ะ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเขียนหนังสือเลย สังเกตได้ว่าใช้ศัพท์แพทย์เยอะมาก เพราะที่จริงแล้วทั้งหมดนี่เป็นไดอารี่ของตัวเองที่เขียนระบายอารมณ์ ความรู้สึก ตอนที่เขียนก็มีควารมหวังว่าซักวันถ้าเราหาย เผื่อเราอยากกลับมาิ่านว่า ตอนนั้นมันเป็นยังไง ตอนหลังออยเครียดมากๆ บางทีมีปัญหา หาทางออกไม่ได้ เลยส่งไดอารี่ไปทางอีเมลให้อาจารย์สมศักดิ์ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำดีๆเสมอมา หลังจากนั้นพอออยเขียนไดอารี่ก็จะส่งให้อาจารย์ไปด้วย แล้วก็มีอาจารย์อีกท่านนึงทราบเรื่องนี้(เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของออยค่ะ น่าจะบังเอิญได้ยินออยคุยเรื่องในไดอารี่กับอาจารย์สมศักดิ์) เลยถามว่าขออ่านด้วยได้มั้ย เผื่อถ้าออยมีอะไรจะได้ช่วยแก้ปัญหา ออยก็ให้ ถือว่าสนิทกัน ต่อมาก็มีอาจารย์ท่านอื่นที่ทราบได้อ่านด้วย(ตามชื่อในหน้าขอบคุณ ท้ายสุดของหนังสือ) แต่ก็เป็นอาจารย์ที่สนิทและรู้จักกันดีหมด และพอส่งไป อาจารย์ทุกท่านก็จะให้กำลังใจกลับมาทุกครั้ง)

ออยเขียนไดอารี่ประมาณปีนึง อยู่ๆอาจารย์สมศักดิ์ก็ถามว่า อาจารย์อยากพิมพ์ไดอารี่ของหนูเป็นเล่ม ให้คนอื่นได้อ่านด้วย เพราะจากที่อาจารย์อ่านแล้ว อาจารย์ได้ประสบการณ์และสิ่งต่างๆจากคนไข้ที่อาจารย์ไม่เคยรู้ ทำให้อาจารย์เข้าใจคนไข้มากขึ้น ออยเลยบอกว่า ถ้าอาจารย์คิดว่าไดอารี่ของออยจะทำให้่คนอื่นได้ความรู้ เข้าใจโรค เข้าใจคนไข้ ทำให้คนไข้และคนทั่วไปอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ออยก็ยินดีค่ะ

และก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ;)

พอดีน้องออย เขียนเรื่อง ไตรลักษณ์ ด้วย พี่ก็ขอให้ ไตรลักษณ์ เป็นกำลังใจที่สามารถ ทำให้น้องออย ต่อสู้ และ มีความหวัง กับ ตัวเอง ไม่ว่าจะหาย หรือไม่หาย  เป็นอนิจจัง เหมือนกัน

อย่างพี่ พี่คิดว่า พี่ คงหายแล้ว (อาจจะไม่ต้องหยุดยาก็ได้)  เพราะว่า สามารถคุมชักได้ นานหลายปี แม้จะมีสิ่งกระตุ้นพร้อมๆ กัน หลายอย่าง พอตรวจ EEG พี่แทบหน้าหงาย ( จะว่าท้อก็ว่าได้) ทำไมคลื่นชักเยอะขนาดนี้ รอดมาได้ยังไง ฯลฯ คำถามเต็มหัวไปหมด

วันนี้พี่น้องอุตส่าห์ไปอ่านผลด้วย ถ้าพอจะสังเกตุพี่ต่าย หน้าเสียเหมือนกันค่ะ

ทุกวันนี้ พี่สารภาพเลย เวลา ร่างกายไม่ค่อยดี (พี่มีหลายโรคน้อง ความดันต่ำ ภูมิแพ้ ฯลฯ )
พี่ต่ายกลับคิดว่า เป็น อาการลมชักหรือเปล่า เป็นอันดับแรก ทั้งๆที่แทบจะลืมว่าตัวเองเคยชักไปแล้วด้วย

แต่ที่ทำได้ คือ รีบ อยู่กับลมหายใจ แล้ว รีบวางทันที แล้ว ทำหน้าที่ตัวเองต่อ


ส่วน คำในใจของผู้ป่วย พี่เชื่อว่า หมอคงจะไม่ทราบนักค่ะ ดีที่น้องเขียนออกมาเป็นไดอารี่ค่ะ คุณหมอเองไม่ทราบว่า ผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร มีผลกับความเครียดที่ทำให้กระตุ้นชักได้มาก
มากกว่า อย่างอื่นเสียอีก

น้องออยยังดีที่ สามารถเรียนไปด้วย กิจกรรมต่างๆ ที่น้องออยทำ ทำให้ รู้สึกตัวเองมีค่า อย่างที่น้องบอกจริงๆ (พี่เองรู้สึกว่า ตัวเองมีค่า เพราะได้ทำงาน กับเลี้ยงลูกค่ะ)  ตรงนี้ละ เป็นกำลังใจสำคัญมากๆ หลายเรื่องที่น้องเขียน ตรงกับใจพี่ แต่พี่ไม่รู้จะอธิบายคนอื่นอย่างไร อธิบายทำไม พูดไปก็ไม่เข้าใจ ฯลฯ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2013 เวลา 02:04 น.
ขอบคุณค่ะ ออยใช้เวลาเขียนนานเหมือนกันค่ะบางเรื่อง พอมาอ่านอีกที ก็จำไม่ได้เหมือนกัน

กว่าจะได้เล่มนี้ ก็นานเหมือนกันค่ะ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเขียนหนังสือเลย สังเกตได้ว่าใช้ศัพท์แพทย์เยอะมาก เพราะที่จริงแล้วทั้งหมดนี่เป็นไดอารี่ของตัวเองที่เขียนระบายอารมณ์ ความรู้สึก ตอนที่เขียนก็มีควารมหวังว่าซักวันถ้าเราหาย เผื่อเราอยากกลับมาิ่านว่า ตอนนั้นมันเป็นยังไง ตอนหลังออยเครียดมากๆ บางทีมีปัญหา หาทางออกไม่ได้ เลยส่งไดอารี่ไปทางอีเมลให้อาจารย์สมศักดิ์ ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำดีๆเสมอมา หลังจากนั้นพอออยเขียนไดอารี่ก็จะส่งให้อาจารย์ไปด้วย แล้วก็มีอาจารย์อีกท่านนึงทราบเรื่องนี้(เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของออยค่ะ น่าจะบังเอิญได้ยินออยคุยเรื่องในไดอารี่กับอาจารย์สมศักดิ์) เลยถามว่าขออ่านด้วยได้มั้ย เผื่อถ้าออยมีอะไรจะได้ช่วยแก้ปัญหา ออยก็ให้ ถือว่าสนิทกัน ต่อมาก็มีอาจารย์ท่านอื่นที่ทราบได้อ่านด้วย(ตามชื่อในหน้าขอบคุณ ท้ายสุดของหนังสือ) แต่ก็เป็นอาจารย์ที่สนิทและรู้จักกันดีหมด และพอส่งไป อาจารย์ทุกท่านก็จะให้กำลังใจกลับมาทุกครั้ง)

ออยเขียนไดอารี่ประมาณปีนึง อยู่ๆอาจารย์สมศักดิ์ก็ถามว่า อาจารย์อยากพิมพ์ไดอารี่ของหนูเป็นเล่ม ให้คนอื่นได้อ่านด้วย เพราะจากที่อาจารย์อ่านแล้ว อาจารย์ได้ประสบการณ์และสิ่งต่างๆจากคนไข้ที่อาจารย์ไม่เคยรู้ ทำให้อาจารย์เข้าใจคนไข้มากขึ้น ออยเลยบอกว่า ถ้าอาจารย์คิดว่าไดอารี่ของออยจะทำให้่คนอื่นได้ความรู้ เข้าใจโรค เข้าใจคนไข้ ทำให้คนไข้และคนทั่วไปอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ออยก็ยินดีค่ะ

และก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ;)

พอดีน้องออย เขียนเรื่อง ไตรลักษณ์ ด้วย พี่ก็ขอให้ ไตรลักษณ์ เป็นกำลังใจที่สามารถ ทำให้น้องออย ต่อสู้ และ มีความหวัง กับ ตัวเอง ไม่ว่าจะหาย หรือไม่หาย  เป็นอนิจจัง เหมือนกัน

อย่างพี่ พี่คิดว่า พี่ คงหายแล้ว (อาจจะไม่ต้องหยุดยาก็ได้)  เพราะว่า สามารถคุมชักได้ นานหลายปี แม้จะมีสิ่งกระตุ้นพร้อมๆ กัน หลายอย่าง พอตรวจ EEG พี่แทบหน้าหงาย ( จะว่าท้อก็ว่าได้) ทำไมคลื่นชักเยอะขนาดนี้ รอดมาได้ยังไง ฯลฯ คำถามเต็มหัวไปหมด

วันนี้พี่น้องอุตส่าห์ไปอ่านผลด้วย ถ้าพอจะสังเกตุพี่ต่าย หน้าเสียเหมือนกันค่ะ

ทุกวันนี้ พี่สารภาพเลย เวลา ร่างกายไม่ค่อยดี (พี่มีหลายโรคน้อง ความดันต่ำ ภูมิแพ้ ฯลฯ )
พี่ต่ายกลับคิดว่า เป็น อาการลมชักหรือเปล่า เป็นอันดับแรก ทั้งๆที่แทบจะลืมว่าตัวเองเคยชักไปแล้วด้วย

แต่ที่ทำได้ คือ รีบ อยู่กับลมหายใจ แล้ว รีบวางทันที แล้ว ทำหน้าที่ตัวเองต่อ


ส่วน คำในใจของผู้ป่วย พี่เชื่อว่า หมอคงจะไม่ทราบนักค่ะ ดีที่น้องเขียนออกมาเป็นไดอารี่ค่ะ คุณหมอเองไม่ทราบว่า ผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร มีผลกับความเครียดที่ทำให้กระตุ้นชักได้มาก
มากกว่า อย่างอื่นเสียอีก

น้องออยยังดีที่ สามารถเรียนไปด้วย กิจกรรมต่างๆ ที่น้องออยทำ ทำให้ รู้สึกตัวเองมีค่า อย่างที่น้องบอกจริงๆ (พี่เองรู้สึกว่า ตัวเองมีค่า เพราะได้ทำงาน กับเลี้ยงลูกค่ะ)  ตรงนี้ละ เป็นกำลังใจสำคัญมากๆ หลายเรื่องที่น้องเขียน ตรงกับใจพี่ แต่พี่ไม่รู้จะอธิบายคนอื่นอย่างไร อธิบายทำไม พูดไปก็ไม่เข้าใจ ฯลฯ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ออยก็ได้กำลังใจจากหนังสือเล่มนี้เยอะเหมือนกัน ทั้งจากคนไข้ ญาติคนไข้ นศ.พ. แพทย์ และคนทั่วไป

ที่หนูยอมให้อาจารย์จัดพิมพ์เพราะด้วยหลายเหตุผลค่ะ
- ช่วงที่ป่วยแรกๆ ไปดูหนังสือสุขภาพบนชั้นหนังสือ ไม่มีเรื่องโรคลมชักเลย มีแต่เรื่องเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ มะเร้ง แม้แต่ดรคที่คนรังเกียจ วัณโรค เอดส์ก็ยังมี
- จากที่ออยได้คุยกับคนไข้หลายๆคน และประสบการณ์ตัวเอง ทำให้ออยรู้ว่าปัญหาของคนไข้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับความรู้สึกซึมเศร้า มีปัญหาในการเข้าสังคมและการงาน
- คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรุ้จักโรคลมชักชนิดอื่นๆ นอกจาก ชักเกร็งกระตุก หรือลมบ้าหมู เวลาคนไข้ชักแบบแปลกๆ ก็จะไม่เข้าใจ ไม่รุ้จะช่วยยังไง บางคนถุกมองว่าแกล้งทำ 
- หลายคนยังช่วยเหลือคนไข้ลมชักได้ไม่ถูกวิธี ทำให้คนไข้บาดเจ็บหรือได้รับอันตรายมากขึ้น
- คนไข้ลมชักไม่ค่อยกล้าเปิดเผยตัวเอง ก็มักจะกังวลตลอดเวลา ทั้งๆที่ถ้าเค้าไม่กังวล คนอื่นเข้าใจ และพร้อมจะช่วยเหลือ เค้าก็สามารถทำงานได้ อยู่ในสังคมได้อย่างคนปกติ อาจจะมีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย เช่นการขับรถ หรือทำงานในที่เสี่ยงอันตราย
- ออยอยากแสดงให้คนอื่นรุ้ว่า คนเป็นลมชักก้สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ตอนออยทำหนังสือ เนื้อหามีอยู่แล้วเพราะเขียนมาเป็นปีแล้ว ก็วาด ออกแบบหน้าปกเอง เลือกฟอนต์ จัดรุปแบบหน้าเอง แปลคำศัพท์แพทย์เอง ซึ่งเป็นผลงานที่ออยภูมิใจที่สุดเลยค่ะ แนวคิดเรื่องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชักนี้มาจากเด็กหญิงชาวสก็อตแลนด์ ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก เค้าเลยตั้งองค์กรนึงที่จะทำให้คนรู้จักและเข้าใจโรคลมชักได้มากขึ้น และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไปอ่านได้ใน http://www.purpleday.org/

ขอขอบพระคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็น และขอให้หายไวๆเช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2013 เวลา 18:47 น.

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ออยก็ได้กำลังใจจากหนังสือเล่มนี้เยอะเหมือนกัน ทั้งจากคนไข้ ญาติคนไข้ นศ.พ. แพทย์ และคนทั่วไป

ที่หนูยอมให้อาจารย์จัดพิมพ์เพราะด้วยหลายเหตุผลค่ะ
- ช่วงที่ป่วยแรกๆ ไปดูหนังสือสุขภาพบนชั้นหนังสือ ไม่มีเรื่องโรคลมชักเลย มีแต่เรื่องเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ มะเร้ง แม้แต่ดรคที่คนรังเกียจ วัณโรค เอดส์ก็ยังมี
- จากที่ออยได้คุยกับคนไข้หลายๆคน และประสบการณ์ตัวเอง ทำให้ออยรู้ว่าปัญหาของคนไข้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับความรู้สึกซึมเศร้า มีปัญหาในการเข้าสังคมและการงาน
- คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรุ้จักโรคลมชักชนิดอื่นๆ นอกจาก ชักเกร็งกระตุก หรือลมบ้าหมู เวลาคนไข้ชักแบบแปลกๆ ก็จะไม่เข้าใจ ไม่รุ้จะช่วยยังไง บางคนถุกมองว่าแกล้งทำ 
- หลายคนยังช่วยเหลือคนไข้ลมชักได้ไม่ถูกวิธี ทำให้คนไข้บาดเจ็บหรือได้รับอันตรายมากขึ้น
- คนไข้ลมชักไม่ค่อยกล้าเปิดเผยตัวเอง ก็มักจะกังวลตลอดเวลา ทั้งๆที่ถ้าเค้าไม่กังวล คนอื่นเข้าใจ และพร้อมจะช่วยเหลือ เค้าก็สามารถทำงานได้ อยู่ในสังคมได้อย่างคนปกติ อาจจะมีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย เช่นการขับรถ หรือทำงานในที่เสี่ยงอันตราย
- ออยอยากแสดงให้คนอื่นรุ้ว่า คนเป็นลมชักก้สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ตอนออยทำหนังสือ เนื้อหามีอยู่แล้วเพราะเขียนมาเป็นปีแล้ว ก็วาด ออกแบบหน้าปกเอง เลือกฟอนต์ จัดรุปแบบหน้าเอง แปลคำศัพท์แพทย์เอง ซึ่งเป็นผลงานที่ออยภูมิใจที่สุดเลยค่ะ แนวคิดเรื่องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชักนี้มาจากเด็กหญิงชาวสก็อตแลนด์ ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก เค้าเลยตั้งองค์กรนึงที่จะทำให้คนรู้จักและเข้าใจโรคลมชักได้มากขึ้น และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไปอ่านได้ใน http://www.purpleday.org/

ขอขอบพระคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็น และขอให้หายไวๆเช่นกันค่ะ
เรื่องโรคซึมเศร้า พี่เองยังคิดว่า เป็นปัญหาใหญ่เสียด้วยซ้ำค่ะ พี่เคยหาจิตเวช(จากเรื่องอื่น นานแล้ว)  ปัญหาที่สะสม มีความเกี่ยวข้องกับที่พี่เป็นลมชักด้วย ซึ่งพี่ก็ก็เล่าให้แพทย์ฟัง แต่ดูแล้ว จิตเวชเหมือนไม่ค่อยสนใจนักด้วย  หรือหน้าที่จิตเวชมีเพียงรักษาคนไข้ที่อยู่กับความเครียดสาเหตุปัจจุบันเท่านั้นก็ไม่ทราบ ตรงนี้ไม่ทราบการทำงานของจิตเวชจริงๆนะค่ะ
จิตเวชรักษาลูกพี่ พอสนใจถามรายละเอียดเรื่องพี่ พอฟังแล้ว กลับบอกว่า บังเอิญ คุณแม่โชคร้ายเองค่ะ!
ทุกคนที่ป่วย คนไม่โดนเหมือนคุณแม่ (อยากจะเถียงกลับ แต่เฉยๆไปนะค่ะ เพราะเรื่องผ่านมาแล้ว )แค่แย้มไปนิดๆเอง เพราะไม่ได้เตรียมต้วมา
พี่สรุปให้จิตเวชฟัง ว่า "คนไข้ลมชักทุกคน ควรหาจิตเวชค่ะ ในความเห็นส่วนตัว"

น้องออย พี่จะสารภาพว่า ทุกวันนี้ มีความคิดแว๊ปๆ มาว่า "ลูกจะถูกล้อมั้ย ถ้า มีคนรู้ว่า มีแม่เป็นลมชัก" เพราะพี่เปิดตัวมากขึ้น
แต่ธรรมะของพระพุทธองค์ คอยช่วยพี่ไว้เสมอ ให้เราอยู่กับปัจจุบันก่อน / ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง (คือถ้าลูกพี่ถูกล้อ  แสดงว่า ลูกพี่นั้นมีกรรมด้วยทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ป่วย )   

ชื่อพี่ พี่คิดตั้งนาน แอบอ่านซักพัก จะเข้ามาในชื่ออะไรดี  เพื่อหมายถึงตัวพี่

น้องออยดูแลสุขภาพด้วย ช่วงที่มีการกระตุ้นชักพร้อมๆกัน พยายามอย่าเล่นคอมพิวเตอร์นานนัก (ยิ่งช่วงสอบ อดนอน) และถ้าอาการไม่ค่อยดี พยายามเจริญสติก่อน (หรือถ้ารู้ตัวแล้วหลังชัก)
หัดเจริญสติบ่อยๆ เวลามีอาการขึ้นมา จะได้นึกทัน
การเจริญสติปฎิฐาน 4 ถ้าสนใจก็ลองหาอ่านเอานะค่ะ พี่คิดว่า น้องคงพอรู้บ้างแล้วค่ะ จากที่พี่อ่านหนังสือ


คนลมชักสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ..พี่ต่ายชอบคำนี้จังค่ะ

แต่เมืองไทยคงยอมรับยากค่ะ   ???    แต่คงมีซักวัน  :D :D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2013 เวลา 08:58 น.

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ออยก็ได้กำลังใจจากหนังสือเล่มนี้เยอะเหมือนกัน ทั้งจากคนไข้ ญาติคนไข้ นศ.พ. แพทย์ และคนทั่วไป

ที่หนูยอมให้อาจารย์จัดพิมพ์เพราะด้วยหลายเหตุผลค่ะ
- ช่วงที่ป่วยแรกๆ ไปดูหนังสือสุขภาพบนชั้นหนังสือ ไม่มีเรื่องโรคลมชักเลย มีแต่เรื่องเบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ มะเร้ง แม้แต่ดรคที่คนรังเกียจ วัณโรค เอดส์ก็ยังมี
- จากที่ออยได้คุยกับคนไข้หลายๆคน และประสบการณ์ตัวเอง ทำให้ออยรู้ว่าปัญหาของคนไข้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับความรู้สึกซึมเศร้า มีปัญหาในการเข้าสังคมและการงาน
- คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรุ้จักโรคลมชักชนิดอื่นๆ นอกจาก ชักเกร็งกระตุก หรือลมบ้าหมู เวลาคนไข้ชักแบบแปลกๆ ก็จะไม่เข้าใจ ไม่รุ้จะช่วยยังไง บางคนถุกมองว่าแกล้งทำ 
- หลายคนยังช่วยเหลือคนไข้ลมชักได้ไม่ถูกวิธี ทำให้คนไข้บาดเจ็บหรือได้รับอันตรายมากขึ้น
- คนไข้ลมชักไม่ค่อยกล้าเปิดเผยตัวเอง ก็มักจะกังวลตลอดเวลา ทั้งๆที่ถ้าเค้าไม่กังวล คนอื่นเข้าใจ และพร้อมจะช่วยเหลือ เค้าก็สามารถทำงานได้ อยู่ในสังคมได้อย่างคนปกติ อาจจะมีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย เช่นการขับรถ หรือทำงานในที่เสี่ยงอันตราย
- ออยอยากแสดงให้คนอื่นรุ้ว่า คนเป็นลมชักก้สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ตอนออยทำหนังสือ เนื้อหามีอยู่แล้วเพราะเขียนมาเป็นปีแล้ว ก็วาด ออกแบบหน้าปกเอง เลือกฟอนต์ จัดรุปแบบหน้าเอง แปลคำศัพท์แพทย์เอง ซึ่งเป็นผลงานที่ออยภูมิใจที่สุดเลยค่ะ แนวคิดเรื่องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคลมชักนี้มาจากเด็กหญิงชาวสก็อตแลนด์ ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก เค้าเลยตั้งองค์กรนึงที่จะทำให้คนรู้จักและเข้าใจโรคลมชักได้มากขึ้น และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไปอ่านได้ใน http://www.purpleday.org/

ขอขอบพระคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็น และขอให้หายไวๆเช่นกันค่ะ
เรื่องโรคซึมเศร้า พี่เองยังคิดว่า เป็นปัญหาใหญ่เสียด้วยซ้ำค่ะ พี่เคยหาจิตเวช(จากเรื่องอื่น นานแล้ว)  ปัญหาที่สะสม มีความเกี่ยวข้องกับที่พี่เป็นลมชักด้วย ซึ่งพี่ก็ก็เล่าให้แพทย์ฟัง แต่ดูแล้ว จิตเวชเหมือนไม่ค่อยสนใจนักด้วย  หรือหน้าที่จิตเวชมีเพียงรักษาคนไข้ที่อยู่กับความเครียดสาเหตุปัจจุบันเท่านั้นก็ไม่ทราบ ตรงนี้ไม่ทราบการทำงานของจิตเวชจริงๆนะค่ะ
จิตเวชรักษาลูกพี่ พอสนใจถามรายละเอียดเรื่องพี่ พอฟังแล้ว กลับบอกว่า บังเอิญ คุณแม่โชคร้ายเองค่ะ!
ทุกคนที่ป่วย คนไม่โดนเหมือนคุณแม่ (อยากจะเถียงกลับ แต่เฉยๆไปนะค่ะ เพราะเรื่องผ่านมาแล้ว )แค่แย้มไปนิดๆเอง เพราะไม่ได้เตรียมต้วมา
พี่สรุปให้จิตเวชฟัง ว่า "คนไข้ลมชักทุกคน ควรหาจิตเวชค่ะ ในความเห็นส่วนตัว"

น้องออย พี่จะสารภาพว่า ทุกวันนี้ มีความคิดแว๊ปๆ มาว่า "ลูกจะถูกล้อมั้ย ถ้า มีคนรู้ว่า มีแม่เป็นลมชัก" เพราะพี่เปิดตัวมากขึ้น
แต่ธรรมะของพระพุทธองค์ คอยช่วยพี่ไว้เสมอ ให้เราอยู่กับปัจจุบันก่อน / ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง (คือถ้าลูกพี่ถูกล้อ  แสดงว่า ลูกพี่นั้นมีกรรมด้วยทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ป่วย )   

ชื่อพี่ พี่คิดตั้งนาน แอบอ่านซักพัก จะเข้ามาในชื่ออะไรดี  เพื่อหมายถึงตัวพี่

น้องออยดูแลสุขภาพด้วย ช่วงที่มีการกระตุ้นชักพร้อมๆกัน พยายามอย่าเล่นคอมพิวเตอร์นานนัก (ยิ่งช่วงสอบ อดนอน) และถ้าอาการไม่ค่อยดี พยายามเจริญสติก่อน (หรือถ้ารู้ตัวแล้วหลังชัก)
หัดเจริญสติบ่อยๆ เวลามีอาการขึ้นมา จะได้นึกทัน
การเจริญสติปฎิฐาน 4 ถ้าสนใจก็ลองหาอ่านเอานะค่ะ พี่คิดว่า น้องคงพอรู้บ้างแล้วค่ะ จากที่พี่อ่านหนังสือ


คนลมชักสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ ..พี่ต่ายชอบคำนี้จังค่ะ

แต่เมืองไทยคงยอมรับยากค่ะ   ???    แต่คงมีซักวัน  :D :D

เห็นใจพี่ต่ายค่ะ ถ้าคุณลูกโดนล้อก็คงอายเหมือนกัน แต่ยังไงหนูว่าพี่ต้องเข้มแข็ง ทั้งแม่และลูก ถ้าบังเอิญเพื่อนรู้แล้วโดนล้อ ก็คงต้องทำใจค่ะ คิดไปว่า ช่างหัวเขา อย่างน้อยก็ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ตัวเรานั้นก็รู้ดีอยู่ว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ถ้าเราเป็นคนดี ออยเชื่อว่า ทั้งพี่ต่ายและลูก จะได้รับสิ่งดีๆกลับมาค่ะ

ยกตัวอย่างเรื่องของออย อย่างเล่มที่อ.สมศักดิ์เขียน เรื่องที่22 ก็มีเพื่อนล้อแบบตรงๆเหมือนกัน ว่า ออยเจอแบบนี้บ้างก็น่าจะตื่นเต้นดีเนาะ เราก็ขำๆกับเค้าไป ไม่คิดไรมาก(แต่ฟังเรื่องจากพี่ต่าย ถ้าได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงเรื่องใหญ่เหมือนกัน) แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนนั้นช่วงที่เพิ่งรู้ว่าเป็น ชักบ่อยๆแล้วเพื่อนเห็น ตอนนั้นเรียนราวด์วอร์ดอยู่ หลังจากนั้นเพื่อนผู้ชายกลุ่มนึงก็แอบคุยกัน เขียนอะไรซักอย่างแล้วก็หัวเราะ พอเราเดินผ่านเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร(ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ถาม) สรุปคือเค้าเอาเรื่องที่เราชักไปเขียนแบบลามกๆ แล้วก้ส่งให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นดู ยังไม่พอ ส่งให้รุ่นพี่ดูด้วย บังเอิญพี่คนนั้นเค้าเป็นญาติหนู ด่าลั่นวอร์ดเลย ว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เค้าก็เก้บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า ไม่รู้เอาไปทำอะไร หนูก็ไม่รู้ตอนนี้หลักฐานหายไปไหนแล้ว แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ใครจะเขียนอะไร นินทาอะไร ช่างเขา อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น มันจะเป็นบาป อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยยอมรับว่าตัวเองก็เป็นค่ะ เป็นโรควิตกกังวลและย้ำคิดย้ำทำด้วย เพราะเครียดจากเรื่องโรค เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนมากเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ หนูเครียดมากจนแทบจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเริ่มขาดสติไปแล้ว หนูเลยโทรไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่กรุงเทพ(ตอนประมาณตี1กว่า) ท่านก็ถาม ให้เราระบายความรุ้สึก และถามว่าถ้าจะฆ่าตัวตายตอนนี้จะทำยังไง เล่ามาให้ละเอียดเลย(หนูคิดว่าหนูจะกินยากันชักทั้งหมดในคืนนั้นเลย) เล่าจบแล้วท่านก็บอกว่า มันเป็นภาวะทางอารมณ์ ซึ่งมันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ตอนนี้เราเศร้า เราอยากหนีจากความเศร้า เราคิดว่าตายแล้วจะหายเศร้า แต่เชื่อสิ ถ้าเราไม่ฆ่าตัวตาย ทนอีกหน่อย เดี่๋ยวมันก็หายเองได้ วันต่อมาหนูเลยขออาจารย์ลาเรียนไปพบจิตแพทย์ที่รพ.ทันที เพื่อนก็รู้ทั้งห้องว่าหนูไปไหน แต่หนูไม่ใส่ใจแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องคิดว่าใครเค้าจะว่ายังไง

พอกลับไปเรียน น้องๆ(ตอนนี้หนูต้องเรียนกับรุ่นน้องค่ะ) เค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ดีนะที่บางคนเข้าใจเรา อย่างช่วงที่เราซึมเศร้า ออยไม่คุยกับใครเลย แต่พอเรื่องงาน ถ้าไม่พอใจใครจะก้าวร้าว วีนแตก ด่าลงเฟสบุ๊ค ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ยอมทำงาน สุดท้ายเราก็ขอโทษเค้า เค้าก็อภัยให้เรา แต่ก็ไม่บางคนที่ไม่เชื่อ ยังไม่คุยด้วยอยู่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีเพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ขอขอบคุณพี่ต่ายมากนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์กัน ที่จริงมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย เล่าให้กันฟังเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ถ้ามีเอกสารหรือหนังสือเล่มอื่นออกมาจะส่งให้อีกนะคะ       
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2013 เวลา 15:01 น.

เห็นใจพี่ต่ายค่ะ ถ้าคุณลูกโดนล้อก็คงอายเหมือนกัน แต่ยังไงหนูว่าพี่ต้องเข้มแข็ง ทั้งแม่และลูก ถ้าบังเอิญเพื่อนรู้แล้วโดนล้อ ก็คงต้องทำใจค่ะ คิดไปว่า ช่างหัวเขา อย่างน้อยก็ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ตัวเรานั้นก็รู้ดีอยู่ว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ถ้าเราเป็นคนดี ออยเชื่อว่า ทั้งพี่ต่ายและลูก จะได้รับสิ่งดีๆกลับมาค่ะ

ยกตัวอย่างเรื่องของออย อย่างเล่มที่อ.สมศักดิ์เขียน เรื่องที่22 ก็มีเพื่อนล้อแบบตรงๆเหมือนกัน ว่า ออยเจอแบบนี้บ้างก็น่าจะตื่นเต้นดีเนาะ เราก็ขำๆกับเค้าไป ไม่คิดไรมาก(แต่ฟังเรื่องจากพี่ต่าย ถ้าได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงเรื่องใหญ่เหมือนกัน) แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนนั้นช่วงที่เพิ่งรู้ว่าเป็น ชักบ่อยๆแล้วเพื่อนเห็น ตอนนั้นเรียนราวด์วอร์ดอยู่ หลังจากนั้นเพื่อนผู้ชายกลุ่มนึงก็แอบคุยกัน เขียนอะไรซักอย่างแล้วก็หัวเราะ พอเราเดินผ่านเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร(ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ถาม) สรุปคือเค้าเอาเรื่องที่เราชักไปเขียนแบบลามกๆ แล้วก้ส่งให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นดู ยังไม่พอ ส่งให้รุ่นพี่ดูด้วย บังเอิญพี่คนนั้นเค้าเป็นญาติหนู ด่าลั่นวอร์ดเลย ว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เค้าก็เก้บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า ไม่รู้เอาไปทำอะไร หนูก็ไม่รู้ตอนนี้หลักฐานหายไปไหนแล้ว แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ใครจะเขียนอะไร นินทาอะไร ช่างเขา อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น มันจะเป็นบาป อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยยอมรับว่าตัวเองก็เป็นค่ะ เป็นโรควิตกกังวลและย้ำคิดย้ำทำด้วย เพราะเครียดจากเรื่องโรค เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนมากเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ หนูเครียดมากจนแทบจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเริ่มขาดสติไปแล้ว หนูเลยโทรไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่กรุงเทพ(ตอนประมาณตี1กว่า) ท่านก็ถาม ให้เราระบายความรุ้สึก และถามว่าถ้าจะฆ่าตัวตายตอนนี้จะทำยังไง เล่ามาให้ละเอียดเลย(หนูคิดว่าหนูจะกินยากันชักทั้งหมดในคืนนั้นเลย) เล่าจบแล้วท่านก็บอกว่า มันเป็นภาวะทางอารมณ์ ซึ่งมันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ตอนนี้เราเศร้า เราอยากหนีจากความเศร้า เราคิดว่าตายแล้วจะหายเศร้า แต่เชื่อสิ ถ้าเราไม่ฆ่าตัวตาย ทนอีกหน่อย เดี่๋ยวมันก็หายเองได้ วันต่อมาหนูเลยขออาจารย์ลาเรียนไปพบจิตแพทย์ที่รพ.ทันที เพื่อนก็รู้ทั้งห้องว่าหนูไปไหน แต่หนูไม่ใส่ใจแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องคิดว่าใครเค้าจะว่ายังไง

พอกลับไปเรียน น้องๆ(ตอนนี้หนูต้องเรียนกับรุ่นน้องค่ะ) เค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ดีนะที่บางคนเข้าใจเรา อย่างช่วงที่เราซึมเศร้า ออยไม่คุยกับใครเลย แต่พอเรื่องงาน ถ้าไม่พอใจใครจะก้าวร้าว วีนแตก ด่าลงเฟสบุ๊ค ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ยอมทำงาน สุดท้ายเราก็ขอโทษเค้า เค้าก็อภัยให้เรา แต่ก็ไม่บางคนที่ไม่เชื่อ ยังไม่คุยด้วยอยู่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีเพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ขอขอบคุณพี่ต่ายมากนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์กัน ที่จริงมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย เล่าให้กันฟังเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ถ้ามีเอกสารหรือหนังสือเล่มอื่นออกมาจะส่งให้อีกนะคะ     
สำหรับเรื่องถ้าลูกถูกล้อ  พี่เองคิดไว้แล้ว ตอนนี้ สิ่งที่พี่ทำได้ คือสอนลูก หากเกิดอะไรขึ้น และหัดวาง (ไม่เหมือนพี่ ที่ มัก "ถือ" ไว้เสมอ  จนหนัก จนเหนื่อย จนเครียด ฯลฯ เกินกว่าเหตุ)
และหัดลูกสวดมนต์/ทำบุญ  ฯลฯ   เพื่อ หากเขามีกรรมอะไรร่วมมากับพี่ จะได้ เบาบางลงบ้าง

เรื่องที่ 22 พี่บอกเลยว่า พี่ทำใจไม่ได้ เรื่องพี่ไม่ได้ร้ายแรงก็จริง แต่มันไม่ใช่ความผิดของพี่ มาทำใจได้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ (คือถ้าพี่นึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ น้ำตาจะไหลออกมาทันที)   
เพราะเข้ามาสนใจธรรมะนั่นเอง
ถ้าเราไม่ทุกข์  เราไม่มีวันเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้เลย  (อาจจะไม่สนใจเสียด้วย) ถึงบอกว่า ต้องขอบคุณความทุกข์ ต่างหาก

เรื่องซึมเศร้านะ ถ้าพี่พอแนะนำได้  หากอาการเครียดมากถึงร่างกายแล้ว  ให้ออย โทร/พูด ออกมาให้ใครฟังก็ได้ ซักพัก อาการทางร่างกาย(ใจเต้น หอบสั่น ร้องไห้ ) จะดีขึ้น จากนั้น ค่อยๆ อยู่กับลมหายใจ เจริญสติไว้
ถ้าอยู่กับลมหายใจ/เจริญสติ  ยังไม่ได้    ต้องกดอารมณ์ด้วยคำว่า บริกรรม "พุทโธ" (พี่ใช้คำว่า กด น่ะ จริง ไม่รู้ว่าอะไร  )   การกด ไม่ใช้การเจริญสตินะ   
พี่เคยมีอาการตอนอยู่นอกบ้าน (ลืมกินยา/ปจด./ร้อน/คนเยอะจนหายใจไม่ออก/เหนื่อยมาก) ตอนนั้นพี่เอาตัวรอด ด้วยวิธีนี้ (อ่านตรง รักษาทางเลือกน่ะ)
เบลอ พูดผิด ได้ยินขาดเป็นช่วงๆ   คิดว่าแย่แน่ๆแล้ว แต่เอาตัวรอดกลับมานอนอาบน้ำ แล้วนั่งสมาธิต่อ แล้วค่อยนอนพัก (แฟนพี่ ไม่รู้เลย ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย)  แล้วก็ออกมาทำงานต่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว

พี่คิดว่า คำว่า อยากฆ่าตัวตาย คนเป็นลมชัก ผ่านคำนี้มาแล้วทั้งสิ้นค่ะ  (เท่าที่พี่คุยมา)

สำหรับพี่ พี่ก็วีนแตกมาเยอะ บางคนก็ไม่ให้อภัย บางคนก็เข้าใจ (แต่พี่คิดว่า พี่หนักกว่าน้อง เพราะเป็นหลายปี กดดันมานาน) ทุกวันนี้เฉยๆ แล้ว ไม่ต้องเข้าใจพี่เยอะก็ได้   ก็เพราะธรรมะของพระพุทธองค์อีกนั่นล่ะ
"ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยเสมอ"   ไม่มีคำว่า ...บังเอิญ...

ถ้าทุกวันนี้ ยังมีคนกล้าล้อพี่อีก (คิดว่า ไม่มีแล้วนะค่ะ) อาจจะถูกพี่ต่ายเสยกลับไปแทน (ถ้ามาแบบเหน็บๆ พี่ถือว่า ไม่ได้ยิน)  ความก้าวร้าวของพี่ มาตั้งแต่พี่เครียด ถูกล้อ ฯลฯ จากการเป็นลมชัก นิสัยพี่เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก จะกลับไปเป็นคนเดิม ที่อ่อนแอ อ่อนโยนก็ทำไม่ได้แล้วด้วย ลืมไปหมดแล้วอะจร้าาาาาาาา ;D ;D

                     (http://image.ohozaa.com/i/7b5/QLzexl.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wLJcjqg6KpNOnAGh)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพุธที่ 17 เมษายน 2013 เวลา 22:18 น.

เห็นใจพี่ต่ายค่ะ ถ้าคุณลูกโดนล้อก็คงอายเหมือนกัน แต่ยังไงหนูว่าพี่ต้องเข้มแข็ง ทั้งแม่และลูก ถ้าบังเอิญเพื่อนรู้แล้วโดนล้อ ก็คงต้องทำใจค่ะ คิดไปว่า ช่างหัวเขา อย่างน้อยก็ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ตัวเรานั้นก็รู้ดีอยู่ว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ถ้าเราเป็นคนดี ออยเชื่อว่า ทั้งพี่ต่ายและลูก จะได้รับสิ่งดีๆกลับมาค่ะ

ยกตัวอย่างเรื่องของออย อย่างเล่มที่อ.สมศักดิ์เขียน เรื่องที่22 ก็มีเพื่อนล้อแบบตรงๆเหมือนกัน ว่า ออยเจอแบบนี้บ้างก็น่าจะตื่นเต้นดีเนาะ เราก็ขำๆกับเค้าไป ไม่คิดไรมาก(แต่ฟังเรื่องจากพี่ต่าย ถ้าได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงเรื่องใหญ่เหมือนกัน) แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนนั้นช่วงที่เพิ่งรู้ว่าเป็น ชักบ่อยๆแล้วเพื่อนเห็น ตอนนั้นเรียนราวด์วอร์ดอยู่ หลังจากนั้นเพื่อนผู้ชายกลุ่มนึงก็แอบคุยกัน เขียนอะไรซักอย่างแล้วก็หัวเราะ พอเราเดินผ่านเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร(ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ถาม) สรุปคือเค้าเอาเรื่องที่เราชักไปเขียนแบบลามกๆ แล้วก้ส่งให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นดู ยังไม่พอ ส่งให้รุ่นพี่ดูด้วย บังเอิญพี่คนนั้นเค้าเป็นญาติหนู ด่าลั่นวอร์ดเลย ว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เค้าก็เก้บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า ไม่รู้เอาไปทำอะไร หนูก็ไม่รู้ตอนนี้หลักฐานหายไปไหนแล้ว แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ใครจะเขียนอะไร นินทาอะไร ช่างเขา อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น มันจะเป็นบาป อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยยอมรับว่าตัวเองก็เป็นค่ะ เป็นโรควิตกกังวลและย้ำคิดย้ำทำด้วย เพราะเครียดจากเรื่องโรค เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนมากเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ หนูเครียดมากจนแทบจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเริ่มขาดสติไปแล้ว หนูเลยโทรไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่กรุงเทพ(ตอนประมาณตี1กว่า) ท่านก็ถาม ให้เราระบายความรุ้สึก และถามว่าถ้าจะฆ่าตัวตายตอนนี้จะทำยังไง เล่ามาให้ละเอียดเลย(หนูคิดว่าหนูจะกินยากันชักทั้งหมดในคืนนั้นเลย) เล่าจบแล้วท่านก็บอกว่า มันเป็นภาวะทางอารมณ์ ซึ่งมันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ตอนนี้เราเศร้า เราอยากหนีจากความเศร้า เราคิดว่าตายแล้วจะหายเศร้า แต่เชื่อสิ ถ้าเราไม่ฆ่าตัวตาย ทนอีกหน่อย เดี่๋ยวมันก็หายเองได้ วันต่อมาหนูเลยขออาจารย์ลาเรียนไปพบจิตแพทย์ที่รพ.ทันที เพื่อนก็รู้ทั้งห้องว่าหนูไปไหน แต่หนูไม่ใส่ใจแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องคิดว่าใครเค้าจะว่ายังไง

พอกลับไปเรียน น้องๆ(ตอนนี้หนูต้องเรียนกับรุ่นน้องค่ะ) เค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ดีนะที่บางคนเข้าใจเรา อย่างช่วงที่เราซึมเศร้า ออยไม่คุยกับใครเลย แต่พอเรื่องงาน ถ้าไม่พอใจใครจะก้าวร้าว วีนแตก ด่าลงเฟสบุ๊ค ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ยอมทำงาน สุดท้ายเราก็ขอโทษเค้า เค้าก็อภัยให้เรา แต่ก็ไม่บางคนที่ไม่เชื่อ ยังไม่คุยด้วยอยู่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีเพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ขอขอบคุณพี่ต่ายมากนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์กัน ที่จริงมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย เล่าให้กันฟังเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ถ้ามีเอกสารหรือหนังสือเล่มอื่นออกมาจะส่งให้อีกนะคะ     
สำหรับเรื่องถ้าลูกถูกล้อ  พี่เองคิดไว้แล้ว ตอนนี้ สิ่งที่พี่ทำได้ คือสอนลูก หากเกิดอะไรขึ้น และหัดวาง (ไม่เหมือนพี่ ที่ มัก "ถือ" ไว้เสมอ  จนหนัก จนเหนื่อย จนเครียด ฯลฯ เกินกว่าเหตุ)
และหัดลูกสวดมนต์/ทำบุญ  ฯลฯ   เพื่อ หากเขามีกรรมอะไรร่วมมากับพี่ จะได้ เบาบางลงบ้าง

เรื่องที่ 22 พี่บอกเลยว่า พี่ทำใจไม่ได้ เรื่องพี่ไม่ได้ร้ายแรงก็จริง แต่มันไม่ใช่ความผิดของพี่ มาทำใจได้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ (คือถ้าพี่นึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ น้ำตาจะไหลออกมาทันที)   
เพราะเข้ามาสนใจธรรมะนั่นเอง
ถ้าเราไม่ทุกข์  เราไม่มีวันเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้เลย  (อาจจะไม่สนใจเสียด้วย) ถึงบอกว่า ต้องขอบคุณความทุกข์ ต่างหาก

เรื่องซึมเศร้านะ ถ้าพี่พอแนะนำได้  หากอาการเครียดมากถึงร่างกายแล้ว  ให้ออย โทร/พูด ออกมาให้ใครฟังก็ได้ ซักพัก อาการทางร่างกาย(ใจเต้น หอบสั่น ร้องไห้ ) จะดีขึ้น จากนั้น ค่อยๆ อยู่กับลมหายใจ เจริญสติไว้
ถ้าอยู่กับลมหายใจ/เจริญสติ  ยังไม่ได้    ต้องกดอารมณ์ด้วยคำว่า บริกรรม "พุทโธ" (พี่ใช้คำว่า กด น่ะ จริง ไม่รู้ว่าอะไร  )   การกด ไม่ใช้การเจริญสตินะ   
พี่เคยมีอาการตอนอยู่นอกบ้าน (ลืมกินยา/ปจด./ร้อน/คนเยอะจนหายใจไม่ออก/เหนื่อยมาก) ตอนนั้นพี่เอาตัวรอด ด้วยวิธีนี้ (อ่านตรง รักษาทางเลือกน่ะ)
เบลอ พูดผิด ได้ยินขาดเป็นช่วงๆ   คิดว่าแย่แน่ๆแล้ว แต่เอาตัวรอดกลับมานอนอาบน้ำ แล้วนั่งสมาธิต่อ แล้วค่อยนอนพัก (แฟนพี่ ไม่รู้เลย ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย)  แล้วก็ออกมาทำงานต่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว

พี่คิดว่า คำว่า อยากฆ่าตัวตาย คนเป็นลมชัก ผ่านคำนี้มาแล้วทั้งสิ้นค่ะ  (เท่าที่พี่คุยมา)

สำหรับพี่ พี่ก็วีนแตกมาเยอะ บางคนก็ไม่ให้อภัย บางคนก็เข้าใจ (แต่พี่คิดว่า พี่หนักกว่าน้อง เพราะเป็นหลายปี กดดันมานาน) ทุกวันนี้เฉยๆ แล้ว ไม่ต้องเข้าใจพี่เยอะก็ได้   ก็เพราะธรรมะของพระพุทธองค์อีกนั่นล่ะ
"ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยเสมอ"   ไม่มีคำว่า ...บังเอิญ...

ถ้าทุกวันนี้ ยังมีคนกล้าล้อพี่อีก (คิดว่า ไม่มีแล้วนะค่ะ) อาจจะถูกพี่ต่ายเสยกลับไปแทน (ถ้ามาแบบเหน็บๆ พี่ถือว่า ไม่ได้ยิน)  ความก้าวร้าวของพี่ มาตั้งแต่พี่เครียด ถูกล้อ ฯลฯ จากการเป็นลมชัก นิสัยพี่เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก จะกลับไปเป็นคนเดิม ที่อ่อนแอ อ่อนโยนก็ทำไม่ได้แล้วด้วย ลืมไปหมดแล้วอะจร้าาาาาาาา ;D ;D


พี่ต่ายเก่งมากๆเลยค่ะ ที่ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาได้ บางทีเวลาหนูเจอปัญหาก็โวยวาย แต่ตอนนี้ก็พยายามเจริญสติ ควบคุมจิตใจตัวเองให้ได้ อย่างที่พี่ต่ายบอกค่ะ

ปัญหาที่ยังมีอยู่ตอนนี้คือ อาการชักยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีอาการเตือนอะไรเลย ก็บอกยากค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะบอกหลังจากที่เห็นเราชักแล้ว ก็ต้องจดบันทึกไว้ตลอด ไว้ให้อาจารย์หมอดูเวลาไปติดตามการรักษา และตอนนี้โรคซึมเศร้าก็ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ อาจารย์บอกว่าเกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ เพราะเครียดนานเกินไป และจากโรคลมชัก ยากันชัก มีผลหมดค่ะ บางทีหนูก็หงุดหงิด อยู่ไม่สุข หดหู่ ร้องไห้ขึ้นมาเอง เดินข้างถนนอยู่ดีๆก็คิดว่าจะวิ่งไปให้รถชน ไม่รู้ทำไมค่ะ อารมณ์มันแว๊บเข้ามาในสมอง แต่ก็พยายามเตือนตัวเอง มีสติอยู่เสมอ

จะพยายามสู้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนพี่ต่ายค่ะ พี่แกร่งสุดๆ ชื่นชมจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันพุธที่ 17 เมษายน 2013 เวลา 22:22 น.
คุณต่าย สงสัยจะถูกกับคนชื่อ ออย นะ  ;D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 07:14 น.
คุณต่าย สงสัยจะถูกกับคนชื่อ ออย นะ  ;D
(http://image.ohozaa.com/i/620/jMDZW.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/8LGo)
สงสัย อักขระที่ถูกโฉลก มี   อย    ค่ะพี่
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 07:37 น.
พี่ต่ายเก่งมากๆเลยค่ะ ที่ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาได้ บางทีเวลาหนูเจอปัญหาก็โวยวาย แต่ตอนนี้ก็พยายามเจริญสติ ควบคุมจิตใจตัวเองให้ได้ อย่างที่พี่ต่ายบอกค่ะ

ปัญหาที่ยังมีอยู่ตอนนี้คือ อาการชักยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีอาการเตือนอะไรเลย ก็บอกยากค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะบอกหลังจากที่เห็นเราชักแล้ว ก็ต้องจดบันทึกไว้ตลอด ไว้ให้อาจารย์หมอดูเวลาไปติดตามการรักษา และตอนนี้โรคซึมเศร้าก็ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ อาจารย์บอกว่าเกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ เพราะเครียดนานเกินไป และจากโรคลมชัก ยากันชัก มีผลหมดค่ะ บางทีหนูก็หงุดหงิด อยู่ไม่สุข หดหู่ ร้องไห้ขึ้นมาเอง เดินข้างถนนอยู่ดีๆก็คิดว่าจะวิ่งไปให้รถชน ไม่รู้ทำไมค่ะ อารมณ์มันแว๊บเข้ามาในสมอง แต่ก็พยายามเตือนตัวเอง มีสติอยู่เสมอ

จะพยายามสู้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนพี่ต่ายค่ะ พี่แกร่งสุดๆ ชื่นชมจริงๆค่ะ

ไม่นะ พี่ว่า ออยเก่งกว่าอีก สามารถเข้าใจโรคลมชักได้ในระยะเวลา เพียง 1 ปีเอง พี่ใช้เวลานานกว่านั้นมาก
ประมาณ 20 ปีมั้ง
พี่อ่านหนังสือ ที่น้องเขียน  ถ้าเราสามารถผ่านจุดที่สุดๆมาแล้ว (ช่วงง่วงนอน) เราจะผ่านได้ สบายๆ
อันนี้จริงๆ พี่ผ่านมาแล้ว (ง่วงกว่า ช่วงเรียนอีก แต่ไม่เครียดเหมือนตอนเรียน ) เพราะ แทบไม่ได้นอนเลย ลูกยังตื่นกลางคืน  อาการที่เคยคุมไม่ได้ กลับทำให้พี่ คิดว่า ต้องหายชักให้ได้ ถ้าจะเลี้ยงเขา
(จริงๆอาจจะมีชักเล็กเหลือหรือเปล่าพี่ไม่ทราบ) แต่อาการมันดีขึ้นเรื่อยๆ (คือตั้งแต่เขาเกิด ชักเหม่อหายไปแล้ว)
อาการง่วงก็ค่อยๆดีขึ้น จนอยู่ตัวแล้ว
พูดช้า กลายเป็นเร็วปรืออออออออ จนคนอื่นพูดไม่ทันใจพี่  ;D
ทุกวันนี้นอนกลางวัน เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า กับเพราะกลางคืนต้องเก็บงานอีก ( เดวผิด) แต่ถ้าไม่นอนก็ได้

โรคซึมเศร้า พี่เคยเป็นช่วงแม่ไม่สบายเป็นมะเร็ง กลับมาชักอีกประมาณ 3-4 เดือน ทุกวัน เศร้ามาก ได้ยินคำว่าแม่ ไม่ได้
จะร้องไห้ โทษตัวเองว่า ทำให้แม่ไม่สบายใจมาตลอดชีวิตบ้าง/ แม่ไม่เคยได้สบายเลย พอพี่หาย แม่ก็ป่วยต่อ

ตอนนั้น หาจิตเวชแล้ว หมอบอกเป็นระยะเริ่มต้น จ่ายพี่  1 พันกว่าบาท
แล้วฝากการบ้าน ก่อนเจอะกันอีกรอบ ว่า "เราได้อะไรบ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้"พี่รู้สึกว่า
1. เสียดายค่ายา 
2. ทะเลาะกันแฟน คนรอบข้าง ร้องไห้ ดุลูก ฯลฯ
3. กลับมาชักเหมือนเดิม (สำคัญที่สุด)
4. ไร้สาระ เสียเวลาพี่มาก (มีอย่างอื่นต้องทำเยอะ)

พี่เดินออกจากห้อง ด้วยอารมณ์เสียดายเงิน  ;D ;D ;D หายชักแล้ว ไม่เอาแล้ว  บายๆๆๆๆ ไม่ขอมาอีกรอบ

อาจารย์ชัยชลบอก ดีๆ ที่คิดได้ 
พี่เลยกลับมาคุมชักใหม่ได้อีกรอบ

(อาจารย์โยธินประเมินว่า น่าจะเป็นชักหลอก ปนชักจริง) เพราะพี่สั่งหยุดชักได้

อาการน้องออยค่อยๆ รักษาไป พี่คิดว่า กำลังใจผู้ป่วยสำคัญมากนะค่ะ ยิ่งมีอาจารย์เป็นทั้งหมอด้วยอยู่ใกล้ๆ ยิ่งดีด้วยนะค่ะ

หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 11:52 น.

ไม่นะ พี่ว่า ออยเก่งกว่าอีก สามารถเข้าใจโรคลมชักได้ในระยะเวลา เพียง 1 ปีเอง พี่ใช้เวลานานกว่านั้นมาก
ประมาณ 20 ปีมั้ง
พี่อ่านหนังสือ ที่น้องเขียน  ถ้าเราสามารถผ่านจุดที่สุดๆมาแล้ว (ช่วงง่วงนอน) เราจะผ่านได้ สบายๆ
อันนี้จริงๆ พี่ผ่านมาแล้ว (ง่วงกว่า ช่วงเรียนอีก แต่ไม่เครียดเหมือนตอนเรียน ) เพราะ แทบไม่ได้นอนเลย ลูกยังตื่นกลางคืน  อาการที่เคยคุมไม่ได้ กลับทำให้พี่ คิดว่า ต้องหายชักให้ได้ ถ้าจะเลี้ยงเขา
(จริงๆอาจจะมีชักเล็กเหลือหรือเปล่าพี่ไม่ทราบ) แต่อาการมันดีขึ้นเรื่อยๆ (คือตั้งแต่เขาเกิด ชักเหม่อหายไปแล้ว)
อาการง่วงก็ค่อยๆดีขึ้น จนอยู่ตัวแล้ว
พูดช้า กลายเป็นเร็วปรืออออออออ จนคนอื่นพูดไม่ทันใจพี่  ;D
ทุกวันนี้นอนกลางวัน เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า กับเพราะกลางคืนต้องเก็บงานอีก ( เดวผิด) แต่ถ้าไม่นอนก็ได้

โรคซึมเศร้า พี่เคยเป็นช่วงแม่ไม่สบายเป็นมะเร็ง กลับมาชักอีกประมาณ 3-4 เดือน ทุกวัน เศร้ามาก ได้ยินคำว่าแม่ ไม่ได้
จะร้องไห้ โทษตัวเองว่า ทำให้แม่ไม่สบายใจมาตลอดชีวิตบ้าง/ แม่ไม่เคยได้สบายเลย พอพี่หาย แม่ก็ป่วยต่อ

ตอนนั้น หาจิตเวชแล้ว หมอบอกเป็นระยะเริ่มต้น จ่ายพี่  1 พันกว่าบาท
แล้วฝากการบ้าน ก่อนเจอะกันอีกรอบ ว่า "เราได้อะไรบ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้"พี่รู้สึกว่า
1. เสียดายค่ายา 
2. ทะเลาะกันแฟน คนรอบข้าง ร้องไห้ ดุลูก ฯลฯ
3. กลับมาชักเหมือนเดิม (สำคัญที่สุด)
4. ไร้สาระ เสียเวลาพี่มาก (มีอย่างอื่นต้องทำเยอะ)

พี่เดินออกจากห้อง ด้วยอารมณ์เสียดายเงิน  ;D ;D ;D หายชักแล้ว ไม่เอาแล้ว  บายๆๆๆๆ ไม่ขอมาอีกรอบ

อาจารย์ชัยชลบอก ดีๆ ที่คิดได้ 
พี่เลยกลับมาคุมชักใหม่ได้อีกรอบ

(อาจารย์โยธินประเมินว่า น่าจะเป็นชักหลอก ปนชักจริง) เพราะพี่สั่งหยุดชักได้

อาการน้องออยค่อยๆ รักษาไป พี่คิดว่า กำลังใจผู้ป่วยสำคัญมากนะค่ะ ยิ่งมีอาจารย์เป็นทั้งหมอด้วยอยู่ใกล้ๆ ยิ่งดีด้วยนะค่ะ

ไม่หรอกค่ะ ที่ออยเข้าใจง่ายอาจจะเป็นเพราะหนูเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้อยู่กับอาจารย์ เป็นคนไข้ไปด้วย ดูแลคนที่เป็นโรคนี้ไปด้วย พอได้คุยกับคนไข้โดยตรง เห็นอาการ เห็นคลื่นไฟฟ้าสมองตอนที่ชัก เลยทำให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าพี่ต่ายมาอยู่ตรงนี้ก็คงเข้าใจเหมือนออยแหละค่ะ คนไข้บางคนลำบากมาก ต้องตื่นตั้งแต่ตี3-4 แค่ค่ารถ เหมามาจากบ้านนอก(แบบนออออกกกกกก...สุดๆ) เข้ามาในเมืองก็สามพันบาทแล้ว มารอหมอ ตรวจไม่นาน รับยา ต้องรอเบิกอีก เพราะรพ.ชุมชนมียาไม่กี่ตัว คนไข้คุมชักไม่ได้ เลยต้องมารพ.ใหญ่ เพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

แต่การกินยากันชักมีข้อดีอย่างนึงตรงที่ แต่ก่อนออยจะเป็นคนพูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทันเด๋วนี้พูดช้าลงแบบกำลังพอดีๆ หวังว่าจะไม่กลับมาพูดเร็วอีกนะคะ

พี่ได้เจออาจารย์ชัยชนด้วย ดีจัง หนูนับถืออาจารย์มาก อยากเจออาจารย์ตัวจริงซักครั้ง แต่อาจารย์ไปบวชแล้ว ส่วนอาจารย์โยธิน หนูก็เคยเจอค่ะ ใจดีมากๆ

ใช่ค่ะที่อาจารย์บอก อาการชักจริงกับชักหลอกเกิดได้ในคนไข้ลมชักหลายๆคน เพราะพี่ควบคุมอาการตัวเองได้ แต่ปกติอาการชักจริงจะควบคุมไม่ได้ค่ะ ของหนูก็ควบคุมไม่ได้(ที่จริงก้อยากควบคุมได้อยู่นะคะ)

ส่วนโรคซึมเศร้า ก็ยังมีอาการอยู่เรื่อยๆ เป็นๆหายๆ ไม่มีอะไรกระตุ้นเลย อยู่ๆก็หดหู่ ท้อ ร้องไห้ รู้สึกไร้ค่า อยากฆ่าตัวตาย บางทีออยมัวแต่ถามตัวเอง ว่าทำไมออยต้องเป็นโรคนี้ เป็นแค่โรคลมชักยังไม่พออีกหรอ สารสื่อประสาทมันยังแกล้งเราไม่สะใจอีกรึไง แต่เดี๋ยวนี้ออยเลิกถามแล้วค่ะ ปล่อยมันไป เศร้าก็เศร้า พยายามมีสติ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ

พรุ่งนี้หนูต้องไปพบจิตแพทย์แล้วค่ะ จะเป็นยังไงไม่รู้ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 08:17 น.
ไม่หรอกค่ะ ที่ออยเข้าใจง่ายอาจจะเป็นเพราะหนูเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้อยู่กับอาจารย์ เป็นคนไข้ไปด้วย ดูแลคนที่เป็นโรคนี้ไปด้วย พอได้คุยกับคนไข้โดยตรง เห็นอาการ เห็นคลื่นไฟฟ้าสมองตอนที่ชัก เลยทำให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าพี่ต่ายมาอยู่ตรงนี้ก็คงเข้าใจเหมือนออยแหละค่ะ คนไข้บางคนลำบากมาก ต้องตื่นตั้งแต่ตี3-4 แค่ค่ารถ เหมามาจากบ้านนอก(แบบนออออกกกกกก...สุดๆ) เข้ามาในเมืองก็สามพันบาทแล้ว มารอหมอ ตรวจไม่นาน รับยา ต้องรอเบิกอีก เพราะรพ.ชุมชนมียาไม่กี่ตัว คนไข้คุมชักไม่ได้ เลยต้องมารพ.ใหญ่ เพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

แต่การกินยากันชักมีข้อดีอย่างนึงตรงที่ แต่ก่อนออยจะเป็นคนพูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทันเด๋วนี้พูดช้าลงแบบกำลังพอดีๆ หวังว่าจะไม่กลับมาพูดเร็วอีกนะคะ

พี่ได้เจออาจารย์ชัยชนด้วย ดีจัง หนูนับถืออาจารย์มาก อยากเจออาจารย์ตัวจริงซักครั้ง แต่อาจารย์ไปบวชแล้ว ส่วนอาจารย์โยธิน หนูก็เคยเจอค่ะ ใจดีมากๆ

ใช่ค่ะที่อาจารย์บอก อาการชักจริงกับชักหลอกเกิดได้ในคนไข้ลมชักหลายๆคน เพราะพี่ควบคุมอาการตัวเองได้ แต่ปกติอาการชักจริงจะควบคุมไม่ได้ค่ะ ของหนูก็ควบคุมไม่ได้(ที่จริงก้อยากควบคุมได้อยู่นะคะ)

ส่วนโรคซึมเศร้า ก็ยังมีอาการอยู่เรื่อยๆ เป็นๆหายๆ ไม่มีอะไรกระตุ้นเลย อยู่ๆก็หดหู่ ท้อ ร้องไห้ รู้สึกไร้ค่า อยากฆ่าตัวตาย บางทีออยมัวแต่ถามตัวเอง ว่าทำไมออยต้องเป็นโรคนี้ เป็นแค่โรคลมชักยังไม่พออีกหรอ สารสื่อประสาทมันยังแกล้งเราไม่สะใจอีกรึไง แต่เดี๋ยวนี้ออยเลิกถามแล้วค่ะ ปล่อยมันไป เศร้าก็เศร้า พยายามมีสติ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ

พรุ่งนี้หนูต้องไปพบจิตแพทย์แล้วค่ะ จะเป็นยังไงไม่รู้ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ
อ.ชัยชล พี่เองคิดถึงมาก ตอนที่พี่ท้อง อาจารย์รับปากว่า จะดูแลให้ พี่ไม่ต้องทำแท้งนะ (ตอนนั้นยังชักมากอยู่) ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ค่อยมาแก้ปัญหาทีหลัง ทีละเรื่อง
ส่วนอาจารย์โยธิน พี่ไปหาที่ รพ.กรุงเทพ เพื่อทำประวัติใหม่ ตรวจคลื่นกันใหม่อีกที อ.โยธิน อธิบายพี่ดีมากๆ เร็ว แต่ได้ใจความ เป็นหมออีกคนที่พี่รู้สึกว่า ท่านทำงานเพื่อผู้ป่วยอย่างจริงจัง  แม้จะอายุมากแล้ว(น้องออยสังเกตุมั้ย หมอที่อายุมาก จะไม่ค่อยกระตืนรือล้น ไฟไม่แรงเหมือนจบใหม่ๆ)
(ท่านประจำที่ พมก.ด้วย แม้จะเป็นรพ.รัฐ ท่านก็ไม่หงุดหงิด อารมณ์ดี  ยิ้มง่าย  ;D ;D อธิบายเหมือนอยู่ รพ.เอกชน)

พี่ว่านะ บางคนทีรู้สึกเครียดเหลือเกิน น่าจะไปเจอะผู้ป่วยที่โอกาสน้อยกว่าเราบ้าง บางคนเครียดกับเรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่ไม่ได้มองว่า ผู้ป่วยที่มีโอกาสน้อยกว่าเรามีมาก แม้แต่เงินยังไม่มีจะรักษาด้วยซ้ำ
จริงๆ ในเวป พี่ถือว่า ทุกคนโชคดี ที่ยังมีอินเตอเนต เพื่อหาความรู้ ตอนที่พี่เป็น หมอที่รักษา ไม่ยอมรับว่า พี่เป็นลมชัก ไม่รู้จักอาการเหม่อ (แม่พี่ก็เถียงไม่ได้ เพราะไม่รู้จักอาการ ทำให้ช่วงนั้น รักษาลมชักกันแบบตามใจหมอ)
เรื่องกินยามั่วๆ พี่คิดว่า พี่กินมาแล้ว (จำไม่ได้นะ ) เพราะแม่พี่ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก หมอพูดไม่เข้าใจ หมอบางคนบอก มีอะไรก็กินๆไปเหอะ ( จ่ายยาซ้ำมา ) แม่เล่าให้ฟัง พี่จำอะไรไม่ได้เลย (บางคืนต้องส่งฉุกเฉิน)
overdose ก็หาว่า พี่บ้า เป็นโรคจิต แทนที่จะปรับยา (พี่เป็นคนไข้ยังรู้ว่า overdose )

น้องออยเป็นหมอ จะได้เข้าใจผู้ป่วย ว่าเป็นอย่างไร คนรอบข้างผู้ป่วยทุกข์แค่ไหน

แต่ปัจจุบันจุฬาไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วนะ พี่เห็น หมอจบใหม่ตะคอกผู้ป่วย ว่า ชักทำไม เพราะอะไร (ผู้ป่วยก็ตอบไม่รู้สิ) ถ้าไม่ใส่ชุดกราวด์ พี่ไม่คิดว่า เขาเป็นหมอ (เขาเคยนั่งเรียนไปกับ อ ชัยชน พี่จำหน้าได้)
เสียงดังจนพี่ต้องหันไปว่า มีเรื่องทะเลาะอะไรกัน


ออยกินยากันชักแล้วพูดช้าลง แต่พี่เป็นไรไม่รู้อะ เดวนี้ พี่พูดเร็วมาก  จนคนฟังไม่ทัน คลื่นชักก็มาจากด้านซ้ายทั้งแถบ (เกี่ยวกับการพูด/ภาษา)   และด้านหลังทั้งหมด (อันนี้ไม่รู้ว่า เกี่ยวกับอะไร) พี่ถึงบอกว่า ตอนเห็นคลื่นชักตัวเอง ยังถอดใจหน้าเสีย (อาจารย์โยธิน บอกว่า พี่นะจะชักช่วงหลับ ไม่น่าจะหยุดชักไปได้นานหลายปีขนาดนี้)

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยลองอ่านตรงนี้หรือยัง http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,692.0.html

ไม่รู้สินะ พี่เชื่อในพระพุทธคุณ (ออยเคยได้ยินเรื่อง หลวงพี่จรัญคอหักแล้วไม่ตายมั้ย มีความเห็นว่าอย่างไรคะในฐานะแพทย์)


ส่วนโรคซึมเศร้า รักษาไปตามที่จิตเวชบอกแล้วลองอ่านอันนี้ดู http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,741.0.html

วิธีคิด/ปฎิบัติของจิตเวชแนะนำ ยังไม่ละเอียดเท่าที่พระพุทธเจ้าสอน

ถ้าออยสรุปเรื่องว่า เป็นไตรลักษณ์  อย่าลืมคำสุดท้าย ว่า อนัตตา
ทุกอย่างไม่มีตัวตน บังคับไม่ได้ (ข้อที่ 6) ข้อนี้ละ พี่ว่า เข้าใจยากที่สุด แต่ถ้าเข้าใจและปฎิบัติได้ จะแทบไม่เหลือความทุกข์เลย (พี่ยังทำไม่ได้หมดนะ มักจะเผลอยึดติดในตัวตนอยู่ ยิ่งเวลาโกรธจะเป็นมาก)

 
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 17:21 น.
น้องออยเชิญกระทู้เลยค่ะ
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=762.msg6825;topicseen#msg6825

พี่น้องติดต่อไปหรือยังคะว่า ขอหนังสือเพื่อแจกในงานนะค่ะ น้องออยจะได้ไม่ต้องแจกทีละคนๆ (เฉพาะในกรุงเทพ) แล้วน้องออยกะอาจารย์สมศักดิ์   และเพื่อนคนไข้อื่นจะมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ  welcome!
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 17:56 น.

อ.ชัยชล พี่เองคิดถึงมาก ตอนที่พี่ท้อง อาจารย์รับปากว่า จะดูแลให้ พี่ไม่ต้องทำแท้งนะ (ตอนนั้นยังชักมากอยู่) ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ค่อยมาแก้ปัญหาทีหลัง ทีละเรื่อง
ส่วนอาจารย์โยธิน พี่ไปหาที่ รพ.กรุงเทพ เพื่อทำประวัติใหม่ ตรวจคลื่นกันใหม่อีกที อ.โยธิน อธิบายพี่ดีมากๆ เร็ว แต่ได้ใจความ เป็นหมออีกคนที่พี่รู้สึกว่า ท่านทำงานเพื่อผู้ป่วยอย่างจริงจัง  แม้จะอายุมากแล้ว(น้องออยสังเกตุมั้ย หมอที่อายุมาก จะไม่ค่อยกระตืนรือล้น ไฟไม่แรงเหมือนจบใหม่ๆ)
(ท่านประจำที่ พมก.ด้วย แม้จะเป็นรพ.รัฐ ท่านก็ไม่หงุดหงิด อารมณ์ดี  ยิ้มง่าย  ;D ;D อธิบายเหมือนอยู่ รพ.เอกชน)

พี่ว่านะ บางคนทีรู้สึกเครียดเหลือเกิน น่าจะไปเจอะผู้ป่วยที่โอกาสน้อยกว่าเราบ้าง บางคนเครียดกับเรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่ไม่ได้มองว่า ผู้ป่วยที่มีโอกาสน้อยกว่าเรามีมาก แม้แต่เงินยังไม่มีจะรักษาด้วยซ้ำ
จริงๆ ในเวป พี่ถือว่า ทุกคนโชคดี ที่ยังมีอินเตอเนต เพื่อหาความรู้ ตอนที่พี่เป็น หมอที่รักษา ไม่ยอมรับว่า พี่เป็นลมชัก ไม่รู้จักอาการเหม่อ (แม่พี่ก็เถียงไม่ได้ เพราะไม่รู้จักอาการ ทำให้ช่วงนั้น รักษาลมชักกันแบบตามใจหมอ)
เรื่องกินยามั่วๆ พี่คิดว่า พี่กินมาแล้ว (จำไม่ได้นะ ) เพราะแม่พี่ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก หมอพูดไม่เข้าใจ หมอบางคนบอก มีอะไรก็กินๆไปเหอะ ( จ่ายยาซ้ำมา ) แม่เล่าให้ฟัง พี่จำอะไรไม่ได้เลย (บางคืนต้องส่งฉุกเฉิน)
overdose ก็หาว่า พี่บ้า เป็นโรคจิต แทนที่จะปรับยา (พี่เป็นคนไข้ยังรู้ว่า overdose )

น้องออยเป็นหมอ จะได้เข้าใจผู้ป่วย ว่าเป็นอย่างไร คนรอบข้างผู้ป่วยทุกข์แค่ไหน

แต่ปัจจุบันจุฬาไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วนะ พี่เห็น หมอจบใหม่ตะคอกผู้ป่วย ว่า ชักทำไม เพราะอะไร (ผู้ป่วยก็ตอบไม่รู้สิ) ถ้าไม่ใส่ชุดกราวด์ พี่ไม่คิดว่า เขาเป็นหมอ (เขาเคยนั่งเรียนไปกับ อ ชัยชน พี่จำหน้าได้)
เสียงดังจนพี่ต้องหันไปว่า มีเรื่องทะเลาะอะไรกัน


ออยกินยากันชักแล้วพูดช้าลง แต่พี่เป็นไรไม่รู้อะ เดวนี้ พี่พูดเร็วมาก  จนคนฟังไม่ทัน คลื่นชักก็มาจากด้านซ้ายทั้งแถบ (เกี่ยวกับการพูด/ภาษา)   และด้านหลังทั้งหมด (อันนี้ไม่รู้ว่า เกี่ยวกับอะไร) พี่ถึงบอกว่า ตอนเห็นคลื่นชักตัวเอง ยังถอดใจหน้าเสีย (อาจารย์โยธิน บอกว่า พี่นะจะชักช่วงหลับ ไม่น่าจะหยุดชักไปได้นานหลายปีขนาดนี้)

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยลองอ่านตรงนี้หรือยัง http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,692.0.html

ไม่รู้สินะ พี่เชื่อในพระพุทธคุณ (ออยเคยได้ยินเรื่อง หลวงพี่จรัญคอหักแล้วไม่ตายมั้ย มีความเห็นว่าอย่างไรคะในฐานะแพทย์)


ส่วนโรคซึมเศร้า รักษาไปตามที่จิตเวชบอกแล้วลองอ่านอันนี้ดู http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,741.0.html

วิธีคิด/ปฎิบัติของจิตเวชแนะนำ ยังไม่ละเอียดเท่าที่พระพุทธเจ้าสอน

ถ้าออยสรุปเรื่องว่า เป็นไตรลักษณ์  อย่าลืมคำสุดท้าย ว่า อนัตตา
ทุกอย่างไม่มีตัวตน บังคับไม่ได้ (ข้อที่ 6) ข้อนี้ละ พี่ว่า เข้าใจยากที่สุด แต่ถ้าเข้าใจและปฎิบัติได้ จะแทบไม่เหลือความทุกข์เลย (พี่ยังทำไม่ได้หมดนะ มักจะเผลอยึดติดในตัวตนอยู่ ยิ่งเวลาโกรธจะเป็นมาก)

ใช่ค่ะ หมอสมัยนี้ หนูก้เคยเห้น รุ่นพี่บางคนพูดกับคนไข้ไม่ดีมากๆ แต่คนไข้บางคนก็เข้าใจดี ว่าหมอก็เหนื่อย ตรวจคนไข้เยอะ แต่หนูว่า เป็นคนไข้ มันเหนื่อยกว่าเป็นหมอหลายเท่าเลย(จากประสบการณืที่เป็นทั้ง นศ.พ. และคนไข้) หมอก็น่าจะใจเย็นๆกับคนไข้หน่อย เค้าอยากหายทุกข์ หายทรมาน เจอหมอแบบนี้ยิ่งเครียดไปใหญ่

หนูเคยเจอ อ.โยธิน หลายครั้ง ใจดีมาก เป็นอาจารย์ของพี่ชายหนูที่ วพม. ด้วย ที่นั่นคลินิกลมชักเค้าดีมาก(พี่เล่าให้ฟัง) พาคนไข้ทำกิจกรรมด้วย คุณหมอก็ดูแลคนไข้ดี เหมือน อ.สมศักดิ์ ที่หนูรักษาอยู่ อาจารย์ดูแลหนูดีมาก เวลามีปัญหาเรื่องเรียน(เพราะชักบ่อย) แล้วต้องดรอป อาจารย์ก็ช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ มีปัญหาอะไรก็ช่วยทุกอย่างเลย ขนาดเรื่องหนัังสือ ทุนที่จัดพิมพ์ตอนแรกมันเป็นทุนวิจัยค่ะ แต่อาจารย์บอกว่างานวิจัยเยอะแล้ว พิมพ์หนังสือน่าจะเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่า ก็เลยพิมพ์ให้หนูเลยค่ะ

แต่อาจารย์ที่จิตเวช คนแรกที่ดูแลหนู แรกๆก็ฟังหนูเยอะพอสมควรแต่อาจารย์ชอบถามมากกว่า และถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกว่า ต้องการคำตอบจากเรา บางทีมันบอกไม่ถูก เรื่องที่อยากบอกหมอก็ไม่มีโอกาสได้พูด ล่าสุดไม่ได้ฟังอะไรเลย ถามแค่ว่าดีขึ้นมั้ย แล้วก็สั่งยาอย่างเดียว ไม่ดูอาการ ไม่ปรับยา ทั้งๆที่หนูอยากเล่าให้ฟังว่าเดือนที่แล้วหนูซึมเศร้ามากจนแทบเรียนไม่ได้ หนูเบื่อตัวเองมาก อยากจะหนีจากภาวะอารมณ์นี้ จนเกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว2ครั้ง ถ้าหนูไม่ได้ไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกัน(อยู่กรุงเทพ)ซะก่อน หนูก็อาจจะทำไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีอาการหดหู่ ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไร เบื่ออาหาร นอนเยอะ ฝืนเรียนแทบไม่ไหวแล้ว หนูเลยไปปรึกษาอาจารย์จิตแพทย์ท่านอื่นเลย ซึ่งท่านก็ฟังหนูดีมากๆ แถมคุยกันก็ชอบปล่อยมุขให้คลายเครียดบ้าง อาทิตย์หน้านัดมาคุยกันอีกด้วย มันรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ

ส่วนเรื่องหลวงพ่อจรัญ หนูเคยอ่านเจอในหนังสือของศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ว่าตอนที่หลวงพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วคอหัก เค้าบอกว่าท่านหายใจทางท้อง ใช้วิธี ยุบหนอ พองหนอ เหมือนเวลานั่งสมาธิ หนูไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในความจริงแล้วท้องเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอ็อกซิเจนได้(เปลี่ยนจากเลือดดำ เป็น เลือดแดง) ถ้าไม่มีออกซิเจน มันก็จะเอาไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้ เพราะเซลล์ทุกชนิดในร่างกายต้องการออกซิเจนในการทำงาน หนูว่าหลวงพ่อรอดมาได้เพราะว่า
1.คอที่หักอาจเป็นเฉพาะส่วนกระดูก หรือหลอดลม ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ หรือก้านสมอง ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ
2.ท่านสร้างบุญบารมีไว้เยอะ ทำให้อวัยวะที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เกิดการบาดเจ็บมาก
3.การเจริญสติ ยุบหนอ พองหนอ ของท่าน ทำให้จิตใจสงบ ส่วนใหญ่คนที่ได้รับอุบัติเหตุจะตกใจ สติกระเจิงหมด ซึ่งจะมันมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน การเต้นของหัวใจ และระบบประสาทsympathetic ทำให้สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง เช่น ความดันตก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เลือดออกเร็วขึ้น และเสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะจิตของท่านอยู่กับตัวท่านเิอง จึงสามารถควบคุมสติได้ค่ะ

ตามหลักทางการแพทย์ และข้อมูลที่ได้มา ก็อธิบายได้เท่านี้ หมั่นสร้างบุญกุศลไว้เยอะๆ แล้วชีวิตจะมีความสุขสงบค่ะ 
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2013 เวลา 20:21 น.

ใช่ค่ะ หมอสมัยนี้ หนูก้เคยเห้น รุ่นพี่บางคนพูดกับคนไข้ไม่ดีมากๆ แต่คนไข้บางคนก็เข้าใจดี ว่าหมอก็เหนื่อย ตรวจคนไข้เยอะ แต่หนูว่า เป็นคนไข้ มันเหนื่อยกว่าเป็นหมอหลายเท่าเลย(จากประสบการณืที่เป็นทั้ง นศ.พ. และคนไข้) หมอก็น่าจะใจเย็นๆกับคนไข้หน่อย เค้าอยากหายทุกข์ หายทรมาน เจอหมอแบบนี้ยิ่งเครียดไปใหญ่

หนูเคยเจอ อ.โยธิน หลายครั้ง ใจดีมาก เป็นอาจารย์ของพี่ชายหนูที่ วพม. ด้วย ที่นั่นคลินิกลมชักเค้าดีมาก(พี่เล่าให้ฟัง) พาคนไข้ทำกิจกรรมด้วย คุณหมอก็ดูแลคนไข้ดี เหมือน อ.สมศักดิ์ ที่หนูรักษาอยู่ อาจารย์ดูแลหนูดีมาก เวลามีปัญหาเรื่องเรียน(เพราะชักบ่อย) แล้วต้องดรอป อาจารย์ก็ช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ มีปัญหาอะไรก็ช่วยทุกอย่างเลย ขนาดเรื่องหนัังสือ ทุนที่จัดพิมพ์ตอนแรกมันเป็นทุนวิจัยค่ะ แต่อาจารย์บอกว่างานวิจัยเยอะแล้ว พิมพ์หนังสือน่าจะเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่า ก็เลยพิมพ์ให้หนูเลยค่ะ

แต่อาจารย์ที่จิตเวช คนแรกที่ดูแลหนู แรกๆก็ฟังหนูเยอะพอสมควรแต่อาจารย์ชอบถามมากกว่า และถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกว่า ต้องการคำตอบจากเรา บางทีมันบอกไม่ถูก เรื่องที่อยากบอกหมอก็ไม่มีโอกาสได้พูด ล่าสุดไม่ได้ฟังอะไรเลย ถามแค่ว่าดีขึ้นมั้ย แล้วก็สั่งยาอย่างเดียว ไม่ดูอาการ ไม่ปรับยา ทั้งๆที่หนูอยากเล่าให้ฟังว่าเดือนที่แล้วหนูซึมเศร้ามากจนแทบเรียนไม่ได้ หนูเบื่อตัวเองมาก อยากจะหนีจากภาวะอารมณ์นี้ จนเกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว2ครั้ง ถ้าหนูไม่ได้ไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกัน(อยู่กรุงเทพ)ซะก่อน หนูก็อาจจะทำไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีอาการหดหู่ ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไร เบื่ออาหาร นอนเยอะ ฝืนเรียนแทบไม่ไหวแล้ว หนูเลยไปปรึกษาอาจารย์จิตแพทย์ท่านอื่นเลย ซึ่งท่านก็ฟังหนูดีมากๆ แถมคุยกันก็ชอบปล่อยมุขให้คลายเครียดบ้าง อาทิตย์หน้านัดมาคุยกันอีกด้วย มันรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ


หมอจิตเวชที่รักษาโรคสมาธิสั้นลูกพี่ ยังบ่นเหนื่อย และย้ำคำว่า "หมอไม่มีเวลาค่ะ คนไข้เยอะ"  แสดงสีหน้านิดๆ
ทั้งๆที่จบทำงานด้านนี้โดยตรง
และพี่ก็หานอกเวลา ไม่ได้ฟรีด้วย

ความรู้สึกเดียวกันว่า หมอต้องการคาดคั้น ต้องการคำตอบ (ซึ่งพี่คิดว่า คนมาหาจิตเวช เพราะหาคำตอบให้ไม่ได้ต่างหาก)
ซึ่งพี่บอกปัดไปเลยว่า "สรุปว่า คนไข้ลมชักนิสัยไม่ดี เครียดเลยพาลคนอื่นค่ะ ทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้น"  (ได้ข้อสรุปแล้ว เลยไม่ถามอะไรพี่ต่อ)
พี่ไม่ได้ต้องการให้ถามเรื่องพี่เลย เพราะผ่านจุดนั่นมานานมากแล้ว

ส่วนลูกพี่ ก็มองแบบผ่านๆ ไม่คุ้มราคาเลย ฟังเร็วพูดเร็ว นัดผิดวัน   และหมอก็บอกว่า คงสื่อสารกันผิด


พี่ถึงอยากให้น้องออยรักษาตัวเองมากกว่า ในด้านจิตใจ (ยาก็กินไป) แต่พี่เชื่อว่า การที่เราหัดดูกายดูใจตัวเอง ได้ผลที่สุด เท่าที่พี่ผ่านมา  ไม่ว่าจะหาจิตเวชซักกี่คน

พี่เคยมีน้องสาวที่รู้จักคนนึง การรักษาก็เหมือนที่ออยเล่า  ฟัง แล้วก็จ่ายยา (พี่ไม่ค่อยรู้กระบวนการทางจิตเวชนักว่า ต้องใช้ความอดทนซักเท่าไหร่ /แค่ไหน เพื่อ รักษาใจคนไข้)

ส่วนหมอโยธิน เป็นแพทย์ที่พี่รู้สึกเซอร์ไพรมาก ครั้งแรกที่เห็น  ;D ;D
ไม่คิดว่า หมอจะยิ้มหวานขนาดนี้ ยิ้มด้วยตา ดูใจดีมากๆ 
-พี่คิดว่า คงเป็นเพราะ หมออยู่เอกชน สบาย  เลยยิ้มหวาน  เพราะราคาแพง

พอไปหา หมอโยธินที่ พมก. คนเยอะ ร้อน คุณหมอก็ยิ้มเหมือนเดิม อธิบายชัดเจน เต็มใจตอบทุกคำถาม  ไม่ได้ต่างกันเพราะราคาเลย

เสียดายตอนที่อยู่เทียนส่องใจ พี่กลับไม่เคยรักษากับท่าน หรือเห็นหน้าท่านเลย
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2013 เวลา 20:32 น.

ส่วนเรื่องหลวงพ่อจรัญ หนูเคยอ่านเจอในหนังสือของศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ว่าตอนที่หลวงพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วคอหัก เค้าบอกว่าท่านหายใจทางท้อง ใช้วิธี ยุบหนอ พองหนอ เหมือนเวลานั่งสมาธิ หนูไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในความจริงแล้วท้องเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอ็อกซิเจนได้(เปลี่ยนจากเลือดดำ เป็น เลือดแดง) ถ้าไม่มีออกซิเจน มันก็จะเอาไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้ เพราะเซลล์ทุกชนิดในร่างกายต้องการออกซิเจนในการทำงาน หนูว่าหลวงพ่อรอดมาได้เพราะว่า
1.คอที่หักอาจเป็นเฉพาะส่วนกระดูก หรือหลอดลม ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ หรือก้านสมอง ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ
2.ท่านสร้างบุญบารมีไว้เยอะ ทำให้อวัยวะที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เกิดการบาดเจ็บมาก
3.การเจริญสติ ยุบหนอ พองหนอ ของท่าน ทำให้จิตใจสงบ ส่วนใหญ่คนที่ได้รับอุบัติเหตุจะตกใจ สติกระเจิงหมด ซึ่งจะมันมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน การเต้นของหัวใจ และระบบประสาทsympathetic ทำให้สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง เช่น ความดันตก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เลือดออกเร็วขึ้น และเสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะจิตของท่านอยู่กับตัวท่านเิอง จึงสามารถควบคุมสติได้ค่ะ

ตามหลักทางการแพทย์ และข้อมูลที่ได้มา ก็อธิบายได้เท่านี้ หมั่นสร้างบุญกุศลไว้เยอะๆ แล้วชีวิตจะมีความสุขสงบค่ะ

เรื่องหลวงพ่อจรัญเป็นเรื่องที่ดังที่สุดในการใช้ การเจริญสติปฎิฐาน 4 เพื่อเอาชีวิตรอด
และถ้าจำไม่ผิด กระดูกท่านยังขยับติดกันได้อีก ตอนที่เข็นเตียงสะดุด (อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ)

เพื่อนพี่บอกว่า พี่น่าจะเขียนเรื่องนี้บ่อยๆ เผื่อคนไข้อื่นอยากใช้ในการรักษาบ้าง
พี่เองก็ทำมาแล้ว ตอนที่อาการไม่ดีนัก สิ่งกระตุ้นพร้อมกันเยอะมากๆ

และอาจารย์โยธินพูดถูกค่ะ พี่น่าจะชักเวลาหลับ  (กว่าจะสรุปได้ หลายเดือนค่ะ ) เพราะหมอไม่ใช่พระ และพระไม่ใช่หมอ
เลยไม่รู้จะบอกใครนอกจาก ตอนปรึกษาญาติธรรมว่า เกิดอะไรขึ้น ฝันหรือเปล่า ฯลฯ

เลยบอกตัวเองว่า ตื่นมาไม่ปวดตัว ทำงานต่อได้ ถือว่า เจ้ากันไป ไม่รู้เรื่อง   

หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 23 เมษายน 2013 เวลา 18:50 น.
น้องออยเชิญกระทู้เลยค่ะ
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=762.msg6825;topicseen#msg6825

พี่น้องติดต่อไปหรือยังคะว่า ขอหนังสือเพื่อแจกในงานนะค่ะ น้องออยจะได้ไม่ต้องแจกทีละคนๆ (เฉพาะในกรุงเทพ) แล้วน้องออยกะอาจารย์สมศักดิ์   และเพื่อนคนไข้อื่นจะมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ  welcome!

เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอังคารที่ 23 เมษายน 2013 เวลา 18:53 น.
เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ

ค่ะ ถ้าจัดงานจริงๆ คงต้องเชิญมาด้วยนะค่ะ ทั้งอาจารย์และน้องออย  แต่พี่ไม่รู้ว่าจะมีงานหรือเปล่านะ เพราะกระทู้ที่ตั้ง เงียบมาก มากกว่าปีที่แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: apantri choomkote ที่ วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2013 เวลา 13:43 น.
หลังจากที่ได้รับ และอ่านหนังสือ ของน้องออย...ร้องไห้ก่อน อันดับแรก และ มีแรงฮึดสู้ เป็นอันดับสอง...เข้าใจน้องภูริมากขึ้น บอกยาย และคนในครอบครัว ให้อ่านจะได้เข้าใจ และรัก โรคลมชัก มากขึ้น  ตอนนี้ สงบขึ้น นิ่งขึ้น ภูริ ก็มีอาการดีขึ้น ยาย หัวเราะได้ ดีใจที่ความจำหลาน ค่อย ๆ ดีขึ้น จากที่ไม่พูด ไม่จา ตอนนี้ เริ่มจำชื่อคุณยาย คุณตา เพื่อนบ้าน ได้เกือบทุกคน และพูดยังช้าอยู่ ภาษาต่างด้าว ก็มีบ้าง ทุกคำจะลงท้ายด้วยคำว่า "เหรอ"
อันนี้คุณแม่กบเหรอ....ได้หัวเราะกันทั้งบ้าน ...ขอบคุณน้องออยอีกครั้งนะคะ  หมอนัดอีกที วันที่  18/05/56  จะซื้อขนมอร่อยที่สุด ในอุดรไปฝากค่ะ...ผ่านทางพี่โก้ เหมือนเดิม จะสะดวกไม๊คะ ..
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2013 เวลา 23:31 น.
เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ

ค่ะ ถ้าจัดงานจริงๆ คงต้องเชิญมาด้วยนะค่ะ ทั้งอาจารย์และน้องออย  แต่พี่ไม่รู้ว่าจะมีงานหรือเปล่านะ เพราะกระทู้ที่ตั้ง เงียบมาก มากกว่าปีที่แล้วค่ะ

ถ้าได้แล้วรีบแจ้งมานะคะ บางช่วงออยก็ยุ่งๆ อาจจะไปไม่ได้ค่ะ แต่อยากไปจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2013 เวลา 23:37 น.
หลังจากที่ได้รับ และอ่านหนังสือ ของน้องออย...ร้องไห้ก่อน อันดับแรก และ มีแรงฮึดสู้ เป็นอันดับสอง...เข้าใจน้องภูริมากขึ้น บอกยาย และคนในครอบครัว ให้อ่านจะได้เข้าใจ และรัก โรคลมชัก มากขึ้น  ตอนนี้ สงบขึ้น นิ่งขึ้น ภูริ ก็มีอาการดีขึ้น ยาย หัวเราะได้ ดีใจที่ความจำหลาน ค่อย ๆ ดีขึ้น จากที่ไม่พูด ไม่จา ตอนนี้ เริ่มจำชื่อคุณยาย คุณตา เพื่อนบ้าน ได้เกือบทุกคน และพูดยังช้าอยู่ ภาษาต่างด้าว ก็มีบ้าง ทุกคำจะลงท้ายด้วยคำว่า "เหรอ"
อันนี้คุณแม่กบเหรอ....ได้หัวเราะกันทั้งบ้าน ...ขอบคุณน้องออยอีกครั้งนะคะ  หมอนัดอีกที วันที่  18/05/56  จะซื้อขนมอร่อยที่สุด ในอุดรไปฝากค่ะ...ผ่านทางพี่โก้ เหมือนเดิม จะสะดวกไม๊คะ ..

โอ้ว... ขนาดนั้นเลยหรอคะพี่กบ หนูเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่อ่านเรื่องที่พี่โพสมาแล้วหนูยิ่งดีใจมากๆเลยค่ะที่ได้ทำให้น้องมีความสุข และพี่กบมีกำลังใจมากขึ้น ครอบครัวเข้าใจกันดี น้องมีอาการดีขึ้น ยินดีด้วยนะคะ สำหรับเรื่องหนังสือ หนูไม่ขออะไรมาก ขอแค่ทำให้คนที่ได้อ่าน และคนรอบข้างมีความสุขก็พอ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ขนมไม่ต้องเอามาฝากก็ได้ค่ะ รบกวน(เกรงใจอ่าค่ะ) พี่กบตอบมาแบบนี้หนูก็มีความสุขแล้วค่ะ ;D ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 09 พฤษภาคม 2013 เวลา 08:07 น.
นี่น้องออย ทำไม ไม่อัพอาการ หรือ เล่าอะไรเพิ่มละ กระทู้จะตกไปอีกหน้าแล้วนะ วันนี้อุตส่าห์เข้ามา :D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: apantri choomkote ที่ วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2013 เวลา 16:15 น.
น้องออย ดังใหญ่แล้วคร่า
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2013 เวลา 21:26 น.
โทษทีนะคะ ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาค่ะ

ไม่ดังขนาดนั้นหรอกค่ะพี่กบ ;D หนูยังไม่เก่งเท่าไหร่ ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าใครได้ดูรายการของออยแล้วเค้าจะรู้เรื่องมั้ย(หนูพูดวกไปวนมา ตะกุกตะกักมากๆ แทบไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ)

ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นพอสมควร ช่วงก่อนหน้านี้ออยซึมเศร้าไปนาน ตอนนี้ไปปรึกษาอาจารย์จิตแพทย์อีกท่านนึงเลยได้เปลี่ยนยาลดอาการซึมเศร้า(เพราะตัวเก่ากินตั้งนาน ไม่หายซะที หดหู่ทั้งวัน) อาจารย์ที่รักษาโรคลมชักบอกว่าอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยา keppra เลยว่าจะเปลี่ยน แต่ก็กลัวจะคุมอาการชักไม่ได้ เลยเปลี่ยนยาแก้ซึมเศร้าก่อน ตอนนี้ดีขึ้นมากๆ แล้วค่ะ เลยไม่ต้องเปลี่ยนยาลมชักแล้ว :D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2013 เวลา 06:56 น.
นั่นสิ พี่ก็ว่า น่าจะซึมเศร้าจนเขียนไม่ออก เดาเอานะค่ะ
เพราะจากที่เขียนตอนแรก ดูร่าเริง แต่อยู่ๆ เงียบไปเลย
น้องออย พี่ว่า โรคซึมเศร้าอยู่ที่ใจเราด้วยนะ(คือพี่เคยเป็นแต่แค่ระยะเริ่มต้นตอนแม่ป่วย ตอนนั้นสติเริ่มดีแล้ว คิดได้ )
ส่วนที่ผ่านมา ตอนที่ยังคุมชักไม่ได้ อันนั้นน่าจะหนัก เพราะอยากฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง เก็บตัว ร้องไห้ ฯลฯ แต่ไม่ได้สนใจรักษา เพราะคุมอาการชักสำคัญกว่า และหมอที่รักษาก็ไม่ได้สนใจอาการเหล่านั้นด้วย พี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

 แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป This too will pass   ท่องไว้น้อง  ;D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2013 เวลา 22:41 น.
ใช่ค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หลังจากกินยาลดอาการซึมเศร้าแล้วเริ่มมีสติมากขึ้น

อาจารย์ที่เป็นจิตแพทย์บอกหนูว่าน่าจะเกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ทำให้หนูไม่มีความสุข หดหู่ ทำยังไงก็ไม่มีความสุข เพราะสารตัวที่ทำให้เกิดความสุขมันผลิตน้อยไป เพราะอยู่ๆหนูก็ซึมเศร้าขึ้นมาเองไม่มีสาเหตึ ช่วงที่เป็นหนักๆ หนูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่พอใจใครก็ด่า เหวี่ยงใส่พ่อแม่ พอสุดท้าย ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ในเมื่อเราไม่มีความสุข เลยเกือบจะกินยาทั้งถุงในคืนเดียวซะแล้ว แต่มีคนมาช่วยไว้ก่อนเลยรอดมาได้

อาจารย์บอกว่าช่วงนี้คงต้องกินยาแก้ซึมเศร้าไปก่อนซักระยะหนึ่ง ปรับสารสื่อประสาทให้ใกล้เคียงสมดุลมากที่สุด แล้วจะค่อยๆลดยาลงค่ะ ตอนนี้อาจารย์ทั้งสองท่านก็ช่วยกันดูแล ทั้งโรคลมชักและซึมเศร้า พี่เภสัชคอยตรวจสอบเรื่องยาและผลข้างเคียงให้(เพราะกินทั้งยากันชัก ยาแก้วิตกกังวล ซึมเศร้า ยานอนหลับ) หลายคนก็ช่วยหนูขนาดนี้ แค่นี้ก็สบายใจขึ้นเยอะแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2013 เวลา 11:15 น.
ไม่พอใจใครก็ด่า เหวี่ยงใส่พ่อแม่ พอสุดท้าย ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ในเมื่อเราไม่มีความสุข
อาการตรงนี้พี่เคยผ่านมาแล้ว หลายคนไม่ให้อภัย แม้จะรับรู้ว่าพี่เป็นลมชัก พอดีพี่เพิ่งนึกออก เพราะว่า เพิ่งได้คุยกับพ่อแม่เด็กที่จิตเวช พาลูกเป็นลมชักแล้วมารักษา เรื่องนี้
พี่บอก พี่ก็เคยเป็น
น้องคนนั้นโชคดีกว่าพี่เสียอีก ที่ พี่ชายให้อภัย (พี่แค่ด่า ไม่ได้ทำร้าย ) ของพี่ ทุกวันนี้ยังไม่ให้อภัยพี่เลย
ยิ่งเข้ากับเพื่อนไม่ได้ด้วย เพื่อนรับไม่ได้ (อันนี้ คนไข้ลมชักทุกคนน่าจะเคยเจอ)

พ่อแม่น้องคนนั้นถามพี่ว่า แล้วพี่ทำไง/จะสอนลูกยังไงดี 
 "บอกลูกว่า ตอนมาก็มาตัวเปล่า ตอนไป     บุญและกรรมเท่านั้นที่เอาไปได้  " เพื่อนก็ไม่ได้ตายตามเราไปด้วย เวลาชักก็ไม่ได้มาชักตามเรา   ค่ายาก็ต้องจ่ายเองเพื่อนคงไม่มาช่วย
อย่าไปแคร์คนอื่นมากจนเราไม่มีความสุข แค่ลมชักก็ทุกข์จะแย่อยู่แล้ว ต้องเอาปัญหาคนรอบข้างมาคิดอีกยิ่งเพิ่มความเครียด  โทษตัวเอง โทษตัวโรค ไม่หายกันพอดีถ้ามัวแต่ไปคิดโทษนั่นนี่  เอาเวลามาให้กำลังใจตัวเองดีกว่า

พี่ต่ายพูดประมาณนี้นะค่ะ

ถ้าน้องออยบอกว่า ไม่รู้จะอยู่ ทำไม พี่ต่ายตอบว่า

..อยู่เพื่อเรียนรู้ความทุกข์ค่ะ เป็นบททดสอบว่า เราจะผ่านมั้ย ถ้าผ่าน step ถัดไปก็ยากขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่เราได้รับ คือ ความอดทน การปล่อยวาง ฯลฯ ที่มากกว่าคนอื่น
และทำให้เรารู้ว่า ความสุข(แม้เพียงน้อยนิด) มีค่าแค่ไหน  ;D

หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2013 เวลา 10:57 น.
เมื่อวาน รร. เรียกผู้ปกครองเพื่อ เชิญลูกพี่ออกจาก รร.นะค่ะ
ลูกพี่เป็นเด็กพัฒนาการช้า เพราะช่วงแม่ท้อง พี่อาการหนักชักหนักมากและสมาธิสั้น จิตเวชเองก็เพิ่งจ่ายยา เมื่อ เมษายนที่ผ่านมานี้เอง
ไป รร.ได้ 1 อาทิตย์ รร.เชิญลูกพี่ออกเลย (แต่อนุโลมให้เป็นปีหน้า )

พี่ งง เป็นไก่ตาแตก เพราะก่อนหน้าที่จิตเวชจะจ่ายยาให้ลูก รร.กลับบอกว่า ลูกพี่เรียนค่อนข้างดี ไม่มีปัญหา และไม่น่าจะเป็นสมาธิสั้นด้วย (พี่ตามผล มาตั้งแต่เขาอยู่ อนุบาล)
ก่อนจะหาหมอ ทาง ครู ยังให้ความร่วมมือดี สังเกตุอาการ และบอกว่า ลูกพี่เรียนได้  แต่มีปัญหาเรื่องเขียนช้ากว่าเพื่อน (ลูกพี่เพิ่งจับดินสอเขียนได้นานๆ หลังจากเพิ่งกินยา )ซึ่ง พี่คิดว่า มาจากกล้ามเนื้อมัดเล็กเขาไม่ดี กระตุ้นยังไงก็ไม่ได้ผลเสียที
แต่พอกินยา  กลับบอกให้เตรียมหา รร.ใหม่ได้แล้ว

พี่ร้องไห้ออกมา  นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เรียน ม.ปลาย ที่ทาง รร.ชื่อดัง พูดทำนองนี้ ว่าพี่เป็นตัวถ่วง ทำให้ รร.ขายหน้า ห้องคิงเสียชื่อ   ฯลฯ   จนพี่ขอเซ็นใบลาออกละกันจะได้จบเรื่อง

ลักษณะเดียวกันกับลูกพี่เลย เพราะว่า ทำให้  รร. ที่กำลังแข่งขันผลการเรียนถ้ามีลูกพี่อยู่ซัก 1 คน คงทำให้ รร. เกรดตกไป

เรื่องนี้ที่ต่ายนำมาเขียน อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมีปัญหาเรื่องการเรียนลูกจะได้รับมือได้ทัน
(http://image.ohozaa.com/i/939/llSlH9.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wRlIYjMmyvePkd1H)

น้องออย ถ้าพี่ไม่เข้าทางธรรมนะ พี่คงทุกข์กว่านี้เยอะมาก

น้ำตาหยุดไหลกันแบบสนิท สติกลับมา อารมณ์ดีเลย เพราะเมื่อเช้าเปิดเฟซ เจอะคำว่า "ไม่เพ่ง ไม่เผลอ"
 :) พี่ค่อยนึกได้ เมื่อวาน พี่ต่ายเผลอทั้งวัน !!  ;)  กินข้าวจานแรก ตอน 2 ทุ่ม
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2013 เวลา 14:38 น.
ตั้งสติได้แล้วคิดก่อนนะคุณต่าย ยังมีเวลา น้องกายอาจจะปรับตัวทัน หรือคุณต่ายอาจหา รร.ที่เหมาะสมให้ได้ สู้ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2013 เวลา 07:01 น.
ตั้งสติได้แล้วคิดก่อนนะคุณต่าย ยังมีเวลา น้องกายอาจจะปรับตัวทัน หรือคุณต่ายอาจหา รร.ที่เหมาะสมให้ได้ สู้ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่น้อง ตอนนี้สติกลับมาแล้วค่ะ โทรกลับไปหาแม่เลย
ต่าย "ปกติแล้ว ซำบายๆๆ แม่ไม่ต้องห่วงแล้ว "
แม่ งง นิด เกิดไรขึ้น (เล่าให้แม่ฟัง ) หลังจากเพิ่งได้ยินต่ายร้องไห้เมื่อวาน ดันโทรมาอีกที ร่าเริงแล้ว
      แม่เคยคิดว่า ถ้าตอนนั้นต่ายไม่เรียนมากอย่างนั้น อาการอาจจะไม่หนักขนาดนั้น (แม่ไม่ได้บังคับต่ายเรียน) ต่ายเลือกที่จะบีบคั้นตัวเอง เลือกทุกอย่าง ทั้งๆที่แม่บอกให้พอเสียที ต่ายไม่เคยมีวันหยุด ยังไม่ทันหมดคอร์สนี้ จะหาคอร์สต่อแล้ว    ต่ายดีใจที่ พ่อแสดงสีหน้าภูมิใจที่เห็นสมุดต่าย ตั้งแต่จำความได้  พ่อยิ้ม-ชมเสมอ
ยิ่งชม ต่ายยิ่งเรียน (แต่ไม่เหมือนแม่ที่ไม่เคยมาสนใจเรื่องเรียน) 
ตอนพ่อรู้ว่าต่ายเริ่มมีปัญหา พ่อก็เริ่มเครียดและไม่พูดอะไร (เหตุการณ์จะคล้ายๆกับน้องออย)

แชร์ให้ฟังบ้างว่า   วิธีที่ทำให้ต่ายไม่ง่วงมีหลายแบบ ทั้งจิกผม/กัดมือ /โขกหัว  ไม่รู้สึกตาสว่างเสียที ต้องใช้วิธี กินมะนาวเกลือ(จนทุกวันนี้ ต่ายไม่รับรส เปรี้ยวกับเค็ม) / วาซาบิ /อมลูกอมตลอดจนฟันผุไปหมด  ...แต่ไม่เคยหายง่วง อ่านแล้วก็ลืมอีก

แต่วิธีทำร้ายตัวเอง หายไปเมื่อต่ายได้ย้าย รร. ไปเรียนพานิชใกล้บ้าน แก้เซ็ง  เพราะยังไม่ถึงเวลาจะเข้าราม (ระหว่างกำลังตัดสินใจว่า จะเลิกเรียนไปเลยดีมั้ย)


แม่กลับมีความเห็นเหมือน รร.น้องกาย กลับสร้างความทุกข์ให้เด็กในอนาคตเปล่าๆ  ช่วงประถม อ่านออกเขียนได้พอแล้ว กลับรักษาโรคให้ดีน่าจะดีกว่า ยังมีโอกาสหาย แต่ถ้าเด็กทุกข์อาจจะไม่หาย
 
แม่บอก ผ่านมาได้ยังไงโดยไม่ต้องจบ รร.ดังหรือเอ็นติด  ลองกลับไปทบทวนดู  ทุกวันนี้น่าภูมิใจกว่าอีกหลายคน
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพุธที่ 05 มิถุนายน 2013 เวลา 21:05 น.

ไป รร.ได้ 1 อาทิตย์ รร.เชิญลูกพี่ออกเลย (แต่อนุโลมให้เป็นปีหน้า )

พี่ งง เป็นไก่ตาแตก เพราะก่อนหน้าที่จิตเวชจะจ่ายยาให้ลูก รร.กลับบอกว่า ลูกพี่เรียนค่อนข้างดี ไม่มีปัญหา และไม่น่าจะเป็นสมาธิสั้นด้วย (พี่ตามผล มาตั้งแต่เขาอยู่ อนุบาล)
ก่อนจะหาหมอ ทาง ครู ยังให้ความร่วมมือดี สังเกตุอาการ และบอกว่า ลูกพี่เรียนได้  แต่มีปัญหาเรื่องเขียนช้ากว่าเพื่อน (ลูกพี่เพิ่งจับดินสอเขียนได้นานๆ หลังจากเพิ่งกินยา )ซึ่ง พี่คิดว่า มาจากกล้ามเนื้อมัดเล็กเขาไม่ดี กระตุ้นยังไงก็ไม่ได้ผลเสียที


เรื่องโรงเรียน ยังมีปัญหาอยู่เยอะค่ะ บางทีรับเข้าเรียน แต่เด็กมีปัญหากับเพื่อน เวลาชักเพื่อนจะกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ บางคนก็ถูกล้อ ถูกแกล้ง จนเด็กไม่อยากไปโรงเรียนแม้ครูจะดูแลอย่างดี

หนูว่า ควรจะเริ่มที่คุณครูก่อน ให้ความรู้กับครูมากขึ้น เพื่อจะได้สอนนักเรียนได้ ช่วยเหลือเมื่อเด็กมีอาการชักเป็น พอครูยอมรับเด็กที่เป็นลมชักแล้ว ก็ทำให้เด็กยอมรับเพื่อนที่เป็นลมชักมากขึ้น สามารถช่วยเหลือเพื่อนได้ และไม่เข้าใจผิดว่าเป็นโรคที่น่ากลัว หรือน่ารังเกียจ

แต่ตอนนี้ก็มีโรงเรียนหลายแห่งที่สนใจเรื่องนี้ค่ะ เพราะเด็กเป็นกันเยอะ มาขอหนังสือที่หนูเขียนไปเยอะด้วย คุณครูอ่านแล้วก็เข้าใจมากขึ้นค่ะ แค่นี้หนูก็ดีใจแล้ว

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 9 ได้มาสัมภาษณ์หนูและอ.สมศักดิ์ เกี่ยวกับโรคลมชัก(เพราะพี่นักข่าวได้หนังสือหนูเลยสนใจ) และถ่ายฉากที่เล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันเล็กน้อย มีตอนไปเรียนกับเพื่อน ตรวจคนไข้ ทำเป็นสกู๊ปรายงานข่าวสั้นๆ ประมาณ3-5นาทีค่ะ หนูหวังว่าอย่างน้อยคงทำให้คนที่ได้ดูเข้าใจมากขึ้นว่าเป็นโรคลมชักก็สามารถเรียนได้ อาจจะช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น แต่ยังไม่ทราบค่ะว่ารายการจะออกเมื่อไหร่ ถ้าทราบแล้วจะแจ้งวันและเวลาอีกทีค่ะ

ฝากประชาสัมพันธ์ด้วยนะคะว่าหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" พิมพ์ครั้งที่2 จำนวน 2000เล่ม เสร็จแล้วนะคะ เนื้อหาข้างในเหมือนเดิมค่ะ ใครยังไม่ได้ หรือได้แล้วแต่อยากได้เพิ่มไปแจกผู้อื่น โรงเรียน หรือโรงพยาบาล ขอมาได้นะคะ ยินดีจัดส่งให้ฟรีเหมือนเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 05 มิถุนายน 2013 เวลา 23:41 น.
เรื่องโรงเรียน ยังมีปัญหาอยู่เยอะค่ะ
พี่เข้าเรื่องลูก (ลูกพี่เป็นสมาธิสั้น กับพัฒนาการช้าค่ะ) ไม่จัดอยู่ในพิการ
ยังถูกให้ออก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กเป็นลมชัก ตรงนี้พี่เห็นว่า ไม่เป็นธรรม
(ยังไม่รวม พี่ที่เป็น ผู้ใหญ่ ก็ให้พูดทำนองว่า เราเป็นตัวถ่วง)
ซึ่งพี่ออกความเห็นในกระทู้น้องออยละกัน
การที่แพทย์ออกบัตรคนพิการให้ผู้ป่วยลมชักในเด็ก  เพื่อผลประโยชน์ตรงนี้หรือเปล่า  ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเบี้ยเลี้ยงอย่างเดียว (รวมถึงด้านกฎหมายคุ้มครองผู้พิการด้วย)
ซึ่งแน่นอนว่า กว่า 90เปอร์เซนต์ของผู้ป่วย ไม่มีทางเลือกสถานศึกษาได้ เนื่องจากค่าเล่าเรียนโรงเรียนบูรณาการหรือเฉพาะทางเอกชนแพงมาก ปีละ แสนกว่าบาท

หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน 2013 เวลา 09:01 น.
พี่เข้าเรื่องลูก (ลูกพี่เป็นสมาธิสั้น กับพัฒนาการช้าค่ะ) ไม่จัดอยู่ในพิการ
ยังถูกให้ออก แล้วนับประสาอะไรกับเด็กเป็นลมชัก ตรงนี้พี่เห็นว่า ไม่เป็นธรรม
(ยังไม่รวม พี่ที่เป็น ผู้ใหญ่ ก็ให้พูดทำนองว่า เราเป็นตัวถ่วง)
ซึ่งพี่ออกความเห็นในกระทู้น้องออยละกัน
การที่แพทย์ออกบัตรคนพิการให้ผู้ป่วยลมชักในเด็ก  เพื่อผลประโยชน์ตรงนี้หรือเปล่า  ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเบี้ยเลี้ยงอย่างเดียว (รวมถึงด้านกฎหมายคุ้มครองผู้พิการด้วย)
ซึ่งแน่นอนว่า กว่า 90เปอร์เซนต์ของผู้ป่วย ไม่มีทางเลือกสถานศึกษาได้ เนื่องจากค่าเล่าเรียนโรงเรียนบูรณาการหรือเฉพาะทางเอกชนแพงมาก ปีละ แสนกว่าบาท

ลืมบอกไปค่ะ ถ้าน้องมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อมัดเล็กและสมาธิสั้น แนะนำให้ลองเรียนดนตรีหรือศิลปะดูค่ะ

ถ้าปีนี้ยังเข้าโรงเรียนไม่ได้ หนูว่าให้น้องลองไปฝึกดูก็ดีค่ะ เพราะเวลาเล่นดนตรีหรือวาดรูป จะได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กอยู่แล้ว เค้าจะได้ไม่รู้สึกว่ากำลังถูกฝึก แต่จะทำให้รู้สึกว่าได้ทำอะไรซักอย่าง ทำได้ก็ดีใจ อย่างหนูตอนเล่นเปียโนเพลงแรกได้ ง่ายๆ แต่ก็ภูมิใจมาก กลับบ้านไปเล่นให้แม่ฟัง ถ้าน้องทำได้หนูว่าก็น่าจะสร้างความมั่นใจในตัวเองได้มากขึ้นค่ะ

แต่ก็ขึ้นกับคุณครูด้วยค่ะ ยังไงก็ต้องแจ้งคุณครูว่าน้องมีปัญหาพัฒนาการ กล้ามเนื้อมัดเล็กและสมาธิสั้น ถ้าครูเข้าใจจะได้ไม่กดดัน ไม่เร่งน้องเค้าค่ะ หนูเคยไปดูครูศิลปะที่โรงเรียนเด็กพิเศษ(คือเด็กออทิสติก ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ มีปัญหาด้านอารมณ์หรือพัฒนาการ) บางคนฝึกได้แล้วมีสมาธิวาดรูปเก่งกว่าคนปกติอีกค่ะ

ถ้าจะเรียนดนตรีหนูแนะนำให้เรียนกับ คุณครูตรีรัตน์ ที่สอนหลักสูตร 1 to 5 piano ทำให้การเล่นเปียโนเป็นเรื่องง่ายไปเลย เค้าเคยสอนเด็กสมาธิสั้น ออทิสติก และคนไข้จิตเภทด้วย แนวดนตรีบำบัด ได้ผลดีมาก เพราะดนตรีมีผลช่วยปรับคลื่นสมอง ซึ่งครูก็จะเข้าใจเด็กที่มีปัญหาด้วย ลองเข้าไปดูได้ค่ะ http://www.1to5piano.org/

ส่วนเรื่องเรียนตามหลักสูตรนั้นก็อาจจะต้องรอให้น้องพร้อมก่อนจริงๆค่ะ ถ้าน้องมีพัฒนาการช้า ตามเพื่อนไม่ทัน ถึงไปโรงเรียนได้ก็จะมีปัญหากับเพื่อนอีก

อย่างน้องชายหนู ตอนเด็กๆพัฒนาการช้า ถูกเพื่อนแกล้งทุกวัน เคยถูกเพื่อนดึงแขนจนกระดูกร้าว แม่เลยให้ย้ายโรง ย้ายไปก็ดีขึ้น แต่ไม่มีเพื่อนเลย ไม่สนใจเรียน เล่นคนเดียว อยู่บ้านก็เล่นแต่เกมส์ สอบได้อันดับท้ายๆมาตลอด แต่ก็ดีที่คุณครูเข้าใจ ทั้งพ่อ แม่ ครู ก็ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ ให้เรียนกีต้าร์ ว่ายน้ำ เทนนิส มาเรื่อยๆ เพิ่งมาดีขึ้นตอน ม.3 เพราะค้นพบความถนัดของตัวเอง คือด้านการคำนวน เรียนเลข ฟิสิกส์เก่งมาก (แต่ภาษาไทย สังคมศึกษา วิชาท่องจำ ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม) ตอนม.ปลายเลยได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก นี้เรียนวิศวะอิเล็กทรอนิกส์ สอบได้ทุนไปเรียน ป.โท ต่อที่ญี่ปุ่น (มาเจอเพื่อนตอนเด็กๆอีกที ทุกคนงงเลย ไม่มีใครคิดว่าจะเก่งขนาดนี้)

ที่จริงในทางการแพทย์แล้วไม่ถือว่าโรคลมชักถือเป็นความพิการ ถ้าช่วงที่ไม่ชักทำอะไรได้ปกติ ไม่มีปัญหาทางจิต ตอนนี้น้องอายุยังน้อย กระตุ้นพัฒนาการยังทันค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 มิถุนายน 2013 เวลา 20:55 น.
ตอนนี้ได้ รร.ใหม่แล้วค่ะ เขาให้ซ้ำชั้นดีกว่า เพราะพัฒนาการช้า บวกกับช่วงที่เขาซน(ยังไม่ยา) เขาเรียนได้ แต่ไม่เขียน ก็ถือว่า เรียนได้ไม่ครบ (แต่ รร.เก่า กลับให้ลูกพี่ผ่านขึ้นมาได้ และชมว่า ลูกเรียนเก่ง แต่ไม่ยอมเขียน บางทีครูจับไปช่วยสอนเพื่อนด้วย)
รร.รับได้ค่ะ แต่เพราะรร.เก่าเป็น รร.ใหญ่ มีชื่อเสียง พี่ย้ายเข้า รร.เล็กใกล้บ้าน

คิดว่า ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ รู้ปัญหาแล้ว (รร.ใหม่จะช่วยแก้ในเรื่องที่ขาด เพราะเขาชำนาญกว่า )
ช่วงนี้พี่ยอมรับว่าเหนื่อยค่ะ ตามเรื่องลูกทุกวัน  เช้ามาเปิดคอมหาข้อมูล ยกหูโทรไปถามคนนั้นคนนี้ (ทั้งปรึกษาความเห็น ทั้งคนที่มีประสบการณ์)

พี่หาข้อมูลในเวปสมาธิสั้น คนอื่นๆ จะมองว่า คนสมาธิสั้นเป็นคนโง่บ้าง ฯลฯ  ตรงนี้พี่เคยพูดอ้อมๆกับจิตเวชลูกค่ะ แต่ไม่ตรงถึงกับขนาดว่า ถ้าใครมีปัญหาโรคประจำตัว จะถูกมองอย่างนั้นจริงๆ (อย่างพี่ต่ายเป็นต้น) พี่คิดว่า จิตเวชไม่เข้าใจปัญหาตรงนี้มากกว่า เขาถามพี่ว่า ทำไมคิดว่า โรคลมชักเป็นปัญหามากขนาดนั้น 
น้องออย มีคำตอบกับประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วใช่มั้ย ถ้าใครถาม คงเรียบเรียงกันให้ไม่หมด ทีเดียว
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันศุกร์ที่ 07 มิถุนายน 2013 เวลา 10:25 น.
น้องออย  ได้เคยแจ้งขอหนังสือไปแล้ว รบกวนดูให้ด้วยค่ะ  พี่อยู่นครศรีธรรมราชค่ะ  หาหนังสือทางด้านนี้อ่านไม่ได้เลยค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kedy ที่ วันศุกร์ที่ 07 มิถุนายน 2013 เวลา 11:01 น.
สวัสดีค่ะ น้องออย

ลูกสาวพี่ก็เป็นโรคลมชักค่ะ ขอหน้งสือ 1 เล่มนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

แม่เกด (น้องเอิร์น)
ที่อยู่ เดี๊ยว pm ไปหานะค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 09 มิถุนายน 2013 เวลา 09:31 น.
สวัสดีค่ะ น้องออย

ลูกสาวพี่ก็เป็นโรคลมชักค่ะ ขอหน้งสือ 1 เล่มนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

แม่เกด (น้องเอิร์น)
ที่อยู่ เดี๊ยว pm ไปหานะค่ะ ขอบคุณค่ะ

ได้ค่ะ เด๋วส่งให้นะคะ

ใช่คุณ ณพวุฒิ หรือเปล่าคะ เห็นส่งที่อยู่มาอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แวะมาทัก ที่ วันอาทิตย์ที่ 09 มิถุนายน 2013 เวลา 21:52 น.
อยากได้หนังสื่อส่งให้หน่อยได้ไหมคะ อยู่ไกลที่สระบุรีค่ะ กาญจนา  นิ่มสุนทร 60/1 ม.6 ต.ม่วงงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี 18160 ถ้าไม่ลำบากเกินไปขอความกรุณาส่งให้หน่อยค่ะ แต่ถ้าลำบากมากก็ไม่เป็นไรค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2013 เวลา 15:21 น.
อยากได้หนังสื่อส่งให้หน่อยได้ไหมคะ อยู่ไกลที่สระบุรีค่ะ กาญจนา  นิ่มสุนทร 60/1 ม.6 ต.ม่วงงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี 18160 ถ้าไม่ลำบากเกินไปขอความกรุณาส่งให้หน่อยค่ะ แต่ถ้าลำบากมากก็ไม่เป็นไรค่ะ

ได้ค่ะ เด๋วส่งให้นะคะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่2มาแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2013 เวลา 16:15 น.
ไม่ทราบว่า น้องออยได้ทีอยู่ที่ช่วยขอให้ส่งหนังสือหรือยัง  อยู่เลขที่ 170/67 ม.สยามนครธานี  ถ.อ้อมค่าย  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  80000 ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2013 เวลา 12:18 น.
ไม่ทราบว่า น้องออยได้ทีอยู่ที่ช่วยขอให้ส่งหนังสือหรือยัง  อยู่เลขที่ 170/67 ม.สยามนครธานี  ถ.อ้อมค่าย  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  80000 ขอบคุณมากค่ะ

พี่ชื่ออะไรนะคะ เด๋วลองหาให้ หนูมีรายชื่อที่ส่งไปทุกคนอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2013 เวลา 08:26 น.
สมพรค่ะ  พี่ส่งไปที่ box ของน้องออยค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bpe ที่ วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2013 เวลา 23:06 น.
ลูกเป็นลมชักกระทู้ของน้องอรรถตกไปแล้วค่ะ ขอหนังสือ 1 เล่มช่วยส่งให้ด้วย ขอบคุณค่ะ
วรรณี จันทราประเสริฐ 2/3 ม.1 ต.นายายอาม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี 22160
ตอนนี้น้อง2.10ขวบ ยังพูดไม่ได้ ยืนและเดินเองยังไม่ได้ต้องจับมือจูงเดิน รักษาที่รามากับอ.อนันต์นิตย์
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2013 เวลา 09:01 น.
ลูกเป็นลมชักกระทู้ของน้องอรรถตกไปแล้วค่ะ ขอหนังสือ 1 เล่มช่วยส่งให้ด้วย ขอบคุณค่ะ
วรรณี จันทราประเสริฐ 2/3 ม.1 ต.นายายอาม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี 22160
ตอนนี้น้อง2.10ขวบ ยังพูดไม่ได้ ยืนและเดินเองยังไม่ได้ต้องจับมือจูงเดิน รักษาที่รามากับอ.อนันต์นิตย์

ได้ค่ะ เด๋วส่งให้แล้วจะแจ้งอีกทีนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2013 เวลา 09:10 น.
สมพรค่ะ  พี่ส่งไปที่ box ของน้องออยค่ะ

อ่อ เห็นแล้วค่ะแต่พี่พิมพ์แต่ที่อยู่เอาไว้ ไม่ได้พิมพ์ชื่อนามสกุลค่ะ บางคนถ้าข้อมูลยังไม่ครบ ออยยังไม่ได้ส่งให้ค่ะเพราะกลัวส่งผิด เดี๋ยวส่งให้รอบนี้แน่ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันพุธที่ 19 มิถุนายน 2013 เวลา 09:59 น.
ขอบคุณมากค่ะ  พี่ปรึกษาน้องออยนิดหนึ่ง  เมือวานนี้ประมาณ 2 ทุ่ม  ลูกพี่มีอาการเหมือนกับอาเจียน แล้วเค้าพยายามกลืนน้ำลาย ในที่สุดก็ไม่อาเจียน  พี่ถามลูกว่า มีอาการใช่มั๊ย  เค้าพยักหน้าว่า ใช่  ก่อนหน้านี้ ก็มีอาการทำนองนี้  แต่อาเจียนออกมา เค้าก็บอกว่า มีอาการ (คล้ายกับมีสัญญาณบอก) ซักพักก็เป็นปกติ  เหมือนไม่มีอะไร  อย่างนี้เรียกว่า คุมไม่อยู่รึเปล่า  น้องกินยา keppra เช้า 1 เม็ด  เย็น 1 เม็ดครึ่งค่ะ 
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2013 เวลา 14:52 น.
ขอบคุณมากค่ะ  พี่ปรึกษาน้องออยนิดหนึ่ง  เมือวานนี้ประมาณ 2 ทุ่ม  ลูกพี่มีอาการเหมือนกับอาเจียน แล้วเค้าพยายามกลืนน้ำลาย ในที่สุดก็ไม่อาเจียน  พี่ถามลูกว่า มีอาการใช่มั๊ย  เค้าพยักหน้าว่า ใช่  ก่อนหน้านี้ ก็มีอาการทำนองนี้  แต่อาเจียนออกมา เค้าก็บอกว่า มีอาการ (คล้ายกับมีสัญญาณบอก) ซักพักก็เป็นปกติ  เหมือนไม่มีอะไร  อย่างนี้เรียกว่า คุมไม่อยู่รึเปล่า  น้องกินยา keppra เช้า 1 เม็ด  เย็น 1 เม็ดครึ่งค่ะ

อาจจะเป็นไปได้ค่ะ แต่ก็อาจเกิดจากโรคอื่นก็ได้ ถ้าน้องเคยมีอาการชักแบบนี้ พอทานยากันชักแล้วอาการหายไปช่วงนึง แล้วอยู่ๆก็กลับมามีอาการแบบนี้บ่อยๆ ก็น่าจะเป็นอาการชักที่ยังควบคุมไม่ได้ค่ะ แต่โรคลมชักในเด็ก อาการจะเปลี่ยนไปได้ง่าย ถึงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ก็อาจจะเป็นอาการชักได้เหมือนกัน

หนูคิดว่าน่าจะปรึกษาคุณหมอค่ะ ถ้าไม่สบายใจจะไปก่อนนัดก็ได้ จะได้ตรวจเพิ่มเติมค่ะ ถ้าหมอให้ตรวจEEGก็จะช่วยยืนยันได้ว่าเป็นอาการชัก แต่ถ้าไม่ใช่ก็อาจจะมีสาเหตุอื่น ซึ่งหมอจะพิจารณาต่อไปว่าควรตรวจอะไรต่อ

นอกจากนี้อาจจะมีสิ่งกระตุ้นมากขึ้น ถ้าเป็นอาการชักจริง แต่ก่อนเคยควบคุมได้ แล้วอยู่ๆก็ควบคุมไม่ได้ ทั้งๆที่กินยาเท่าเดิมตลอด ไม่เคยลืม ก็มักจะมีอะไรมากระตุ้นค่ะ ลองถามน้องดูก็ได้ค่ะว่าช่วงนี้น้องมีเรื่องกังวล เครียด ทะเลาะกับเพื่อนหรือไม่ เล่นจนเหนื่อยไปหรือเปล่า นอนหลับดีมั้ย ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับจิตใจก็ปรึกษาจิตแพทย์เด็กได้ค่ะ (หนูเองก็มีเรื่องเครียดบ่อยๆ คุมอาการชักไม่ได้เป็นปี ปรับยาจนเยอะก็ยังชักอยู่ หมอเลยให้ลองไปหาจิตแพทย์ดู ปรากฏว่าพอได้กินยาลดอาการซึมเศร้าและทำจิตบำบัด ควบคุมอาการชักได้ดีขึ้นมาก หมอไม่ต้องเพิ่มยากันชักให้เลยค่ะ)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bpe ที่ วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน 2013 เวลา 22:37 น.
เจอแล้วกระทู้น้องตอนนี้อยู่หน้า5 ขอบคุณค่ะจะรอรับหนังสือ จะเก็บเอาไว้อ่านให้น้องฟังตอนโต กังวลเหมือนกันว่าจะเป็นปมด้อยจะทำให้เก็บกด เท่าที่สังเกตุ
เวลาอยู่บ้านร่าเริงดี ตอนพาออกนอกบ้านชอบเที่ยวจะดีใจ แต่บางทีก็หงอยคนชอบทักว่าง่วงนอนหรือป่วยหรือ ทุกวันนี้คิดว่าลูกคงจะเรียนหนังสือไม่ได้ เพราะ
3ขวบแล้วพัฒนาการยังไปไม่ได้มากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2013 เวลา 11:00 น.
ต้นเดือนตุลา 55 (ประมาณวันที่ 8 ต.ค 55)  น้องไปตรวจคลื่นไฟฟ้าที่ศิริราช ไม่พบสิ่งผิดปกติค่ะ  ก่อนหน้านั้นประมาณเดือนมกรา 54 ที่เริ่มมีอาการ  ตรวจทั้งเลือด คลื่นไฟฟ้า และ MRI แต่ก็ไม่พบความผิดปกติค่ะ  หมอหาสาเหตุไม่ได้ค่ะ
ส่วนการไปพบจิตแพทย์  เคยคุยกับเค้าแล้ว เค้าไม่ยอมไปค่ะ  เค้าเป็นคนร่าเริง พูดคุยเรื่องที่โรงเรียนทุกวัน ดูแล้วไม่น่าจะมีอาการซึมเศร้าแต่พี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ   เหมือนคนปกติ แต่เวลาพี่สังเกตว่า เค้ามีอาการ และนั่งเฝ้า  เค้าจะแอนตี้ และพูดว่า นั่งเฝ้า อย่างกับเค้ากำลังจะตาย 
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2013 เวลา 19:50 น.
ต้นเดือนตุลา 55 (ประมาณวันที่ 8 ต.ค 55)  น้องไปตรวจคลื่นไฟฟ้าที่ศิริราช ไม่พบสิ่งผิดปกติค่ะ  ก่อนหน้านั้นประมาณเดือนมกรา 54 ที่เริ่มมีอาการ  ตรวจทั้งเลือด คลื่นไฟฟ้า และ MRI แต่ก็ไม่พบความผิดปกติค่ะ  หมอหาสาเหตุไม่ได้ค่ะ
ส่วนการไปพบจิตแพทย์  เคยคุยกับเค้าแล้ว เค้าไม่ยอมไปค่ะ  เค้าเป็นคนร่าเริง พูดคุยเรื่องที่โรงเรียนทุกวัน ดูแล้วไม่น่าจะมีอาการซึมเศร้าแต่พี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ   เหมือนคนปกติ แต่เวลาพี่สังเกตว่า เค้ามีอาการ และนั่งเฝ้า  เค้าจะแอนตี้ และพูดว่า นั่งเฝ้า อย่างกับเค้ากำลังจะตาย 

ถ้าตรวจครั้งล่าสุดปีที่แล้ว แต่ตอนนี้มีอาการมากขึ้นก็น่าจะไปตรวจใหม่ค่ะ

ถ้ายังคุมชักไม่ได้ก็อาจจะต้องเพิ่มยา หรือเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น บางทีอาจจะต้องเจาะเลือดดูระดับยาในเลือดว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่า หนูก็เคยกินยาตัวนึง อาการชักไม่ลดลงเลย ทั้งๆที่เพิ่มยาแล้ว พอไปเจาะระดับยาแล้วมันต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เลยได้เปลี่ยนยาค่ะ คุมอาการได้ดีขึ้นมากเลยค่ะ

ส่วนเรื่องไปพบจิตแพทย์ก็คงต้องแล้วแต่น้องค่ะ ตอนแรกหนูเองก็ไม่ยอมไป แต่คุณหมอที่รักษาโรคลมชักคุยจนหนูยอมรับ เลยไปค่ะ อย่างแรกคือต้องให้น้องเข้าใจตัวเองก่อน และคิดว่าอยากจะเปลี่ยนไหม ถ้ายอมรับได้ว่าบางอย่างมันเกิดจากปัญหาจิตใจ เค้าก็จะเต็มใจที่จะพบจิตแพทย์ และให้ความร่วมมือในการรักษาดี ลองให้คุณหมอที่รักษาลมชักประเมินก่อนก็ได้ค่ะว่ามีปัญหาความเครียดหรือกังวลหรือเปล่า อาจจะต้องปล่อยให้เค้าคุยกับหมอเอง คุณแม่ออกไปรอข้างนอก บางเรื่องเค้ากลัวแม่ไม่สบายใจ ก็จะไม่ยอมให้แม่รู้ค่ะ(ตอนหนูไปพบอาจารย์จิตแพทย์ครั้งแรก ไปเองคนเดียว ไม่บอกให้ใครรู้เลยค่ะ)
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2013 เวลา 09:01 น.
หมอบอกว่า ยา keppra ตรวจดูระดับยาจากเลือดยังไม่ได้ค่ะ  พี่ไม่รู้ว่า โรงพยาบาลอื่นตรวจได้รึเปล่า  ถ้ามีช่วยบอกด้วยค่ะ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2013 เวลา 00:15 น.
หมอบอกว่า ยา keppra ตรวจดูระดับยาจากเลือดยังไม่ได้ค่ะ  พี่ไม่รู้ว่า โรงพยาบาลอื่นตรวจได้รึเปล่า  ถ้ามีช่วยบอกด้วยค่ะ  ขอบคุณค่ะ

ตอนนี้ในประเทศไทยยังไม่มีการทดสอบที่ใช้ตรวจระดับยา keppra ค่ะ มีเฉพาะ lab เมืองนอก แต่ยารุ่นเก่าอย่าง dilantin, phenobarb, carbamazepine, depakine จะตรวจระดับได้ที่รพ.หลายแห่งค่ะ(นึกว่าน้องกินยารุ่นเก่าด้วยค่ะขอโทาที)

งั้นคงต้องลองคุยกับคุณหมอว่าถ้ายังคุมชักไม่ได้ วางแผนที่จะรักษาต่ออย่างไร เพราะบางคนกินยาแล้วยังมีอาการเตือนบ้างแต่ไม่ชัก บางคนก็ชักลดลง เหลือแต่เหม่อช่วงสั้นๆ ถ้าไม่รบกวนชีวิตประจำวันหมอก็อาจจะไม่เพิ่มยาให้ค่ะ ยากินมากไปก็ไม่ค่อยดี มีผลข้างเคียง ทำลาย ตับ ไต ได้ ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูค่ะว่าถ้าให้ยาไปแล้วได้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากันค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2013 เวลา 11:27 น.
ขอบคุณค่ะน้องออยที่เข้ามาตอบ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2013 เวลา 13:44 น.
น้องออย ดำเนินการให้ด้วยค่ะ

นิศานาถ สาคร [27|มิ.ย. 01:19 PM]:   อยากได้หนังสือลมชัก.. ฉันรักเธอคะ รบกวนขอ 1 เล่มให้คุณแม่คะ ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปกรุณาส่ง คุณนิศานาถ สาคร 151 ชั้น 3 ถนนนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 ขอบพระคุณมากคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 01 กรกฎาคม 2013 เวลา 20:42 น.
ตอนนี้ออยได้ส่งหนังสือไปแล้วบางส่วนนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่ช้าเพราะช่วงนี้ออยค่อนข้างยุ่งค่ะ

หนังสือที่ส่งวันที่ 25 มิ.ย. 26 ตามรายชื่อและที่อยู่ดังนี้นะคะ

ศรินพร  ลาเขียว
5/125 ม.16 หมู่บ้านลลิลกรีนวิลล์ ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540

ศานิต คงศักดิ์
67/3 สุขุมวิท 53 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110

ทัศนันท์ แขอุดม
27 ม. ภาณุวิลล่า ซ. สิรินธร9
ถ. สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด
กทม. 10700

ปรนัย ปัญญวัฒนกิจ  111 / 187 เดอะคลาสสิคเพลส ซ. 3 ถ.โพธิ์แก้ว ข.นวมินทร์ ข.บึงกุ่ม กทม  10240

ประภาศรี เเสงอุไร 17/2 หมู่5 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110

นายณพวุฒิ บุญถนอม 
บ้านเลขที่251/46หมู่บ้านสัมากร ซอย 51 รามคำแหง112. เขตสะพานสูง. กรุงเทพ10240.

กาญจนา  นิ่มสุนทร 60/1 ม.6 ต.ม่วงงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี 18160

โสภณา นวลเจริญ
102/22 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11140 

นายอัครวัฒน์ สิริเพ็ญโสภา 
39/209 ยูเพลส ห้อง201 ซ.รัชดาภิเษก32 ถ.รัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900

และอันนี้เป็นข้อมูลของบางท่านที่ยังไม่ครบ ออยยังไม่ได้ส่งให้นะคะ เพราะกลัวส่งไปแล้วผิดพลาด รบกวนแจ้งชื่อที่อยู่ให้ถูกต้องชัดเจนด้วยค่ะ

คุณสมพร
170/67  ม.สยามนครธานี  ถ.อ้อมค่าย ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 80000
(ยังไม่ได้ใส่นามกลุลค่ะ)

330/33 the kris 4  ซอย อินทามระ 45 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
(ยังไม่มีชื่อ-สกุล ค่ะ)


ใครได้แล้ว รบกวนตอบกลับด้วยนะคะ ในกระทู้นี้ หรือทางช่องข้อความก็ได้ค่ะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ รอหน่อยนะคะ จะส่งให้ภายในอาทิตย์นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gssanit ที่ วันเสาร์ที่ 06 กรกฎาคม 2013 เวลา 23:49 น.
ได้แล้วครับ อ่านจบเล่มแล้ว เขียนได้ดี เก่งมากครับ
ขอเป็นกำลังใจช่วยให้น้องออยประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจนะครับ
ศานิต
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอาทิตย์ที่ 07 กรกฎาคม 2013 เวลา 22:48 น.
ได้แล้วครับ อ่านจบเล่มแล้ว เขียนได้ดี เก่งมากครับ
ขอเป็นกำลังใจช่วยให้น้องออยประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจนะครับ
ศานิต

ขอบคุณค่ะ จะพยายามสู้ต่อไปค่ะ  :D
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2013 เวลา 20:37 น.
ขอโทษจริงๆค่ะที่ช่วงนี้ออยยังไม่ได้ไปส่งหนังสือเลย พอดีเพิ่งย้ายมาอยู่วอร์ดเด็กที่รพ.ศ.ขอนแก่นค่ะ คนไข้เยอะมากๆ มีเด็กที่เป็นลมชักหลายคนเลย บางคนชักไม่หยุด ไม่รู้สึกตัวมาหลายวันแล้ว อยากให้น้องๆหายไวๆ(พี่หมอจะได้ว่างขึ้นด้วย หุหุ) ตอนนี้หนังสือที่บ้านออยหมดเกลี้ยงเลยค่ะ แต่ยังเหลืออีก อยู่ที่รพ.ศรีนคริทร์ เดี๋ยวจะไปเอามาเพิ่มอีก แล้วจะทยอยส่งให้ทุกคนที่ขอมาเลยนะคะ

ฝาก page หนังสือ "ลมชัก..ฉันรักเธอ" ด้วยนะคะ เข้าไปกด like กันเยอะๆนะคะ ใครอยากได้หนังสืออีกขอทาง page ได้เลยค่ะ คลิกเลย https://www.facebook.com/Epilepsyiloveyou

ขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่มอบกำลังใจ และสนับสนุนให้หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น หวังว่าจะช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: จอย ที่ วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2013 เวลา 09:18 น.
อยากได้ค่ะคุณหมอ...แต่ไม่รู้ว่าจะไปรับได้อย่างไร...จะเอามาไว้ที่โรงบาลด้วยอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2013 เวลา 17:40 น.
อยากได้ค่ะคุณหมอ...แต่ไม่รู้ว่าจะไปรับได้อย่างไร...จะเอามาไว้ที่โรงบาลด้วยอ่ะค่ะ

เขียนชื่อสกุล-ที่อยู่ ไว้เลยค่ะ เดี๋ยวส่งไปให้ค่ะ



แจ้งถึงสมาชิกท่านอื่นที่ขอหนังสือมาแต่ออยยังไม่ได้ส่งให้ ต้องขอโทษจริงๆเพราะเดือนที่ผ่านมายุ่งมากๆ ออยไปอยู่วอร์ดเด็ก รพ.ศูนย์ขอนแก่น คนไข้เยอะมาก มีเด็กเป็นลมชักกับไข้ชักเยอะแยะเลย ออยจะสอบเสร็จวันศุกร์นี้ ว่างเมื่อไหร่จะรีบไปส่งให้ทันทีเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bpe ที่ วันอังคารที่ 03 กันยายน 2013 เวลา 22:23 น.
วันนี้ไดัรับหนังสือแล้ว ขอบคุณมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้น้องออย สู้ๆ ค่ะ
วรรณี จันทราประเสริฐ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2013 เวลา 11:28 น.
ได้รับใบสีชมพูจากไปรษณีย์ทิ้งไว้ที่ดู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  แต่ไม่รู้ว่าเป็นจดหมายอะไร  พอดีเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมายุ่งกับการสอบของลูกและประชุมผู้ปกครอง  เลยยังไม่ได้ไปรับ  วันนี้เลยตัดสินใจลางานไปไปรษณีย์  เพิ่งไปรับหนังสือเมื่อเช้านี้ค่ะ  ดีใจมากที่น้องออยส่งมาให้ค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ  จะอ่านเองก่อน เมื่อลูกสอบเสร็จสัปดาห์หน้าจะให้เค้าอ่านเองค่ะ  แล้วจะมาแจ้งผลนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันอังคารที่ 01 ตุลาคม 2013 เวลา 21:55 น.
วันนี้ไดัรับหนังสือแล้ว ขอบคุณมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้น้องออย สู้ๆ ค่ะ
วรรณี จันทราประเสริฐ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ได้รับใบสีชมพูจากไปรษณีย์ทิ้งไว้ที่ดู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  แต่ไม่รู้ว่าเป็นจดหมายอะไร  พอดีเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมายุ่งกับการสอบของลูกและประชุมผู้ปกครอง  เลยยังไม่ได้ไปรับ  วันนี้เลยตัดสินใจลางานไปไปรษณีย์  เพิ่งไปรับหนังสือเมื่อเช้านี้ค่ะ  ดีใจมากที่น้องออยส่งมาให้ค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ  จะอ่านเองก่อน เมื่อลูกสอบเสร็จสัปดาห์หน้าจะให้เค้าอ่านเองค่ะ  แล้วจะมาแจ้งผลนะคะ
ค่า... ขอโทษอีกครั้งที่ส่งไปให้ช้ามากๆ อ่านแล้วเป็นไง comment ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2013 เวลา 17:01 น.
พี่ขอโทษ  พี่โพสต์ผิดช่อง  เลยขอ copy มาไว้ที่นี่ด้วยค่ะ  น้องออยคะ พี่อ่านหนังสือที่น้องส่งมาให้จบแล้วค่ะ ดีมากๆ เลย ขณะที่อ่านบางตอน ใจพี่ก็คิดว่า น่าให้ลูกอ่านจัง(อายุ 15 ปี แล้วค่ะ) แต่พออ่านบางตอน ก็คิดอีกว่า สมควรให้ลูกอ่านมั๊ย บอกตามตรง ใจหนึ่งก็กลัวลูกท้อแท้ หมดกำลังใจ เพราะเค้ากำลังมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าเตรียมฯ ปีนี้ค่ะ (ช่วงนี้ เค้ามีอาการเหมือนสัญญาณเตือนว่า จะเกิดอาการ สักประมาณ 1 นาทีเห็นจะได้ค่ะ 2 วันต่อเนื่อง) อาจมีความเครียดและนอนดึกด้วย พี่สองจิตสองใจอยากให้เค้าอ่าน เพราะมีประโยชน์มาก อย่างน้อยเค้าก็มีความฝันอยากเรียนหมอเหมือนน้องออย และอาจเป็นตัวอย่างของคนเป็นโรคนี้ น้องออยมีความเห็นว่า ยังไงบ้าง ในฐานะที่อายุน่าจะใกล้เคียงมากที่สุด (วัยรุ่นเหมือนกัน) ในเว็บนี้
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2013 เวลา 07:32 น.
ขออนุญาตตอบแทนน้องออยอีกซักความเห็นค่ะ
   หนังสือของน้องออย ดีมากๆนะค่ะ (รวมทั้งหนังสือของหมอสมศักดิ์ด้วย) เหตุการณ์ในนั้นต่ายผ่านมาแทบทั้งหมด แต่ไม่เหมือนเท่านั้นเอง อารมณ์ความรู้สึกเรียกว่า เกินบรรยาย (เพียงแต่ยังไม่มีสำนักพิมพ์ที่ไหนเห็นแววติดต่อมาค่ะ  ;D ;D)

   คุณแม่บอกว่า กลัวลูกจะท้อ เพราะหนังสือ แล้วถ้าไปเกิดกับชีวิตจริงจะไม่ท้อหรือคะ?
- คนไข้ลมชักซักกี่คนที่จะกล้าออกมาเล่าเรื่องเลงร้ายที่เกิดขึ้นจากการที่เป็นโรค
- คนไข้เพิ่งเริ่มเป็น จะรู้ไหมอะไรที่จะเกิดขึ้น(บ้าง) ทั้งนี้แต่ไม่ได้หมายถึงทั้งหมดของหนังสือนะคะ 

ต่ายเขียนลงกระทู้มักเขียนในมุมบวกเสมอ เพราะเป็นกำลังใจกับคนไข้ทั่วไป
แต่ อย่าลืมว่า ทุกอย่าง มีด้านดีและด้านลบ เสมอค่ะ

ทำไมไม่คิดว่า อ่านเพื่อเก็บด้านดีไว้เป็นกำลังใจ
                 หรือ อ่านเพื่อใช้ด้านลบเป็นเกราะป้องกัน

ไม่งั้นคงไม่ปิ๊งกับชื่อ user name นี้หรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2013 เวลา 10:42 น.
ขอบคุณค่ะ ใจจริงอยากให้ลูกอ่านค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่า จะเริ่มคุยกับเค้าก่อนยังไงดี  เพื่อให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของเราในการให้เค้าอ่านหนังสือเล่มนี้  เลยมาถูกใจกับคำพูดของคุณต่ายที่ว่า  "อ่านเพื่อเก็บด้านดีไว้เป็นกำลังใจ" และ "อ่านเพื่อใช้ด้านลบเป็นเกราะป้องกัน" จะเอาไปพูดให้เค้าฟังค่ะ  ขอบคุณมากๆๆๆๆ  อีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2013 เวลา 10:19 น.
ขอบคุณค่ะ ใจจริงอยากให้ลูกอ่านค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่า จะเริ่มคุยกับเค้าก่อนยังไงดี  เพื่อให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของเราในการให้เค้าอ่านหนังสือเล่มนี้  เลยมาถูกใจกับคำพูดของคุณต่ายที่ว่า  "อ่านเพื่อเก็บด้านดีไว้เป็นกำลังใจ" และ "อ่านเพื่อใช้ด้านลบเป็นเกราะป้องกัน" จะเอาไปพูดให้เค้าฟังค่ะ  ขอบคุณมากๆๆๆๆ  อีกครั้งค่ะ
คุณแม่เองต้องเข็มแข็งกว่าลูกนะค่ะ การที่เราจะปลอบใจหรือเลี้ยงดูใคร เราต้องเข็มแข็งกว่าเค้า ทั้งกายทั้งใจ
อีกข้อที่ต่ายอยากจะฝาก (แต่คงเป็นไปไม่ได้หมด) คนรอบข้างผู้ป่วย ต้องรู้จักใช้คำพูดค่ะ

ต่ายเองเจอะคำพูดไม่ตั้งใจมาเยอะ ต่ายเสียใจ ก็หาว่าคิดมาก (คือ ตัวเราป่วย กำลังใจ/คิดลบอยู่เสมอค่ะ)

บอกลูกว่า แม้ลูกจะไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรทั้งสิ้น แต่โลกของความจริง มีเรื่องมากมายให้เราต้องประสบและแก้ปัญหาปรับตัวอยู่ตลอด  เดวนี้ คนถึงมาสนใจและพัฒนาอีคิว(Emotional Quotient)กันมากว่าไอคิว (Intelligence Quotient ) ค่ะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: porn ที่ วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2013 เวลา 09:02 น.
ขอบคุณมากค่ะที่เตือนสติ บางครั้งความกังวลของเราก็แสดงออกมาให้ลูกเห็นโดยไม่ตั้งใจ  ต่อไปต้องพยายามมากกว่านี้ ที่จะไม่ให้ลูกรู้สึก
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2014 เวลา 17:43 น.
ขอโทษค่ะที่ออยไม่ได้เข้ามาตอบ(นานมากๆเลย)

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ

ออยเชื่อว่า ชีวิตทุกๆคนก็ต้องเจอทั้งเรื่องดี และเรื่องร้าย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับเรื่องร้ายนั้นอย่างไร หนังสือของออยอาจจะพูดถึงในมุมลบบ้าง แต่อยากให้เข้าใจว่ามันคือความจริง ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน ถ้ามันเกิดกับเราแล้ว เราก็ต้องยอมรับมันค่ะ

หนังสือเล่มแรกของออยจบแบบ happy ending แต่ชีวิตจริงยังไม่จบค่ะ ที่ผ่านมาก็มีเรื่องราว อุปสรรคอีกมากมาย กำลังเขียนเล่ม2อยู่ค่ะ แต่ยังไม่ถึงไหน ออยใกล้สอบแล้ว อีกไม่นานจะได้เป็น extern นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายแล้วนะคะ

สู้ๆนะคะทุกคน
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2014 เวลา 09:55 น.
หนังสือเล่มแรกของออยจบแบบ happy ending แต่ชีวิตจริงยังไม่จบค่ะ ที่ผ่านมาก็มีเรื่องราว อุปสรรคอีกมากมาย กำลังเขียนเล่ม2อยู่ค่ะ

ชีวิตจริงยังไม่จบค่ะน้องออย อิอิ ขนาดพี่ต่ายคุมชักได้ ทำงานหาตังได้  เลี้ยงลูกที่เป็นเด็กพิเศษได้
ยังต้องเจอะอะไรอีกเยอะแยะค่ะ สำหรับคนลมชัก
คุมชักได้ไวๆ จะได้เถียงได้เร็วๆแบบพี่ต่ายละกัน 555
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanisa ที่ วันเสาร์ที่ 01 มีนาคม 2014 เวลา 19:13 น.
ลืมมาตอบตั้งนาน

จะบอกว่าพี่ต่ายเก่งมากเลย

ปล.ตอนนี้หนังสือหมดเกลี้ยงนะคะ รอพิมพ์อีกรอบพร้อมเล่ม2เลยค่ะ

แต่!!... น้องออยติดสอบยังไม่ได้เขียนต่อซะทีอ่าค่ะ :(
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: janisa ที่ วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2014 เวลา 23:19 น.
เข้ามาขอบคุณว่าที่คุณหมอออยค่ะ ขอบคุณสำหรับหนังสือ ขอบคุณหนังสือเรื่องลมชักให้มา จำได้ว่าช่วงแรกที่รู้ว่าน้องเป็นลมชัก ตอนอายุได้ 2 อาทิตย์กว่า หัวใจแม่มีแต่น้ำตา หาๆๆๆๆข้อมูลจากเน็ต และคำๆนึงที่ก้องอยู่ในใจตลอดคือ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอค่ะ ขอให้ทุกๆคนหายจากลมชักนะคะ
หัวข้อ: Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pim_OoO_Pim ที่ วันอาทิตย์ที่ 08 มิถุนายน 2014 เวลา 20:42 น.
สวัสดีค่ะน้องออย และพี่ๆทุกท่าน
พิมไม่ได้เข้ามานานเลยเพราะป่วยๆ(เริ่องโรคหัวใจแต่หลุดมาห้องนี้ได้ 55)

อยากจะเข้ามาขอบคุณอีกครั้งสำหรับหนังสือ และกำลังใจจากทุกคนเลยค่ะ
ตอนนี้พิมพ์ผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่ง้ป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วที่หมอจะทำ
แล้วใส่เครื่องแถวหน้าอก (คนปกติจะใส่แถวไหปลาร้า) แต่พิมเล่น violinค่ะเลยใส่ตำแหน่งนี้ไม่ได้
แถมยังสอนviolinด้วย หมอเลยต้องย้ายตำแหน่งเพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม

อยู่แต่บนเตียงมา10วันแล้วค่ะ หมอแนะนำให้พัก1เดือน
และงดเล่นviolin 2เดือนก่อน
แต่พอพิมคิดถึงเด็กอยากไปสอน ทั้งผู้ปกครองและคนรู้จักก็จะดุ หาว่าดื้อ ไม่ห่วงตัวเอง 555
ตอนนี้เลยขุดหนังสือทุกเล่มมาอ่าน รวมทั้งหนังสือของน้องออย "ลมขัก ฉันรักเธอ"
 ได้มาอ่านอีกรอบ แต่ได้ความรูสึกที่ต่างกัน
ตอนนี้เหมือนมีประสบการณ์ร่วม ตอนที่อ่านถึงตอนที่dropการเรียนไว้ แถมยังเล่นดนตรีเหมือนกันอีก และประโยคที่โดนใจ เหมือนโดนแทงเข้าหัวใจ
คือตรงที่อ.สอนว่า "เราต้องจัดลำดับความสำคัญ ว่าอะควรมาอันดัยหนึ่ง อันดับสอง"
เลยทำให้เตือนตัวเองได้

ขอบคุณน้องออยมากๆนะ สำหรับประสบการณ์
พี่เองก็ไม่รู้ว่าผ่าตัดครั้งนี้จะทำให้พี่กลับไปเหมือนเดิมได้มั๊ย แต่ในเมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้ว
ก็ทำได้เพียงเดินต่อไป และกังวลไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะยังต้องอยู่แต่บนเตียงอยู่ดี
เลยอ่านหนังสือ เล่นเปียโน ปรับตัวกับเจ้าเครื่องน้อยๆในตัวต่อไป

ขอบคุณมากๆค่าา