แบ่งปันความรู้โรคลมชัก

สนทนาได้ความรู้ => แชร์ประสบการณ์โรคลมชัก => ข้อความที่เริ่มโดย: Sampan Navadej ที่ วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2011 เวลา 11:48 น.

หัวข้อ: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: Sampan Navadej ที่ วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2011 เวลา 11:48 น.
ลูกชายคนโตผมก็เป็นโรคลมชักตอนอยู่อนุบาล 2 (ปี 2550) ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้จักโรคนี้ครับ
พาไปหาหมอคลีนิคประจำที่ใช้บริการอยู่ หมอก็แจ้งว่าน่าจะเป็นโรคติก เดี๋ยวก็หายเอง
แต่อยู่มา 1 อาทิตย์ก็ยังไม่หาย เลยพาไปอีก 2 คลีนิค ก็ยังไม่หาย ชักวันละประมาณ 30-50 ครั้ง
ครั้งละประมาณ 30 - 45 วินาที บางครั้งชักกันติด ๆ เลย แต่บางครั้งก็หายไปเลย 2 - 3 ชั่วโมงไม่ชัก
ใช้วิธีการรักษาหลายแนวทางครับ เช่น รักษาที่โรงพยาบาลก็ใช้วิธีการรักษาเหมือนกับคนอื่น ๆ
กินยามาหมดทุกตัวแล้วครับ ลดตัวนั้น เพิ่มตัวนี้ และมากินพร้อมกัน 4 ตัวเลยครับ และหยุดชักไปเกือบ
1 ปี และกลับมาชักอีก ซึ่งหมอบอกว่าน่าจะดื้อยาเสียแล้ว ก็เลยหาแนวทางรักษาอื่น ๆ เช่น ฝังเข็ม
ก็ฝังหลายครั้ง และหลายที่เหมือนกันก็ยังไม่หยุดชัก เลยรักษาให้กินยาสมุนไพรหลายตัวก็ยังไม่หยุดชัก
มารู้จักหมอแกน (www.morgangaiyasit.com) ก็ใช้ทฤษฏีนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน (หยุดกินยา)
ก็หยุดชักไปพักหนึ่ง และกลับมาชักอีก พอดีมีคนแนะนำให้ปรึกษากับนักโภชนาการก็เลยจัดให้กินวิตามิน
จำนวน 1 ชุดครับ และตอนนี้หยุดยาแล้วครับ และอาการชักก็ไม่ค่อยเห็นแล้วครับประมาณ 3 เดือนมาแล้วครับ ซึ่งผมเองก็พยายามหาแนวทางรักษาหลาย ๆ แนวทางอยู่เหมือนกันครับ หรือถ้าหากว่าท่านใดมีวิธีการอื่น ๆ ก็ร่วมแจ้งข่าวกันด้วยก็ดีนะครับ เพื่อเป็นทางเลือก

ขอบคุณมากครับ
สัมพันธ์ นาวาเดช
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: Jen ที่ วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 2011 เวลา 09:31 น.
สวัสดีครับคุณสัมพันธ์ ผมชื่อเจนครับ

ลูกชายคุณสัมพันธ์ ตอนนี้น่าอายุประมาณ 7 ขวบ อ่านดูแล้วลองมาหลายวิธีมากเลย แล้วตอนนี้พัฒนาการเป็นอย่างไรบ้างครับ

เท่าที่ผมอ่านของลูกชายคุณสัมพันธ์ ผมว่าการกินยาก็ถือว่าได้ผลนะครับ
เพราะจากชักวันละ 30-50 ครั้ง จนหยุดชักไปเป็นปี นี่ผมถือว่าได้ผลเลย ที่นี้กลับมาชักใหม่ อาจจะมีปัจจัยอื่นมากระตุ้น
เมื่อหมอบอกว่าดื้อยา แล้วหมอปรับการรักษายังไงครับ ทำไมคุณสัมพันธ์ถึงเปลี่ยนแนวการรักษาไปเลย

ปัจจุบันผมก็ใช้วิธีการกินยาอยู่ ซึ่งลูกชายผมยังมีอาการชักอยู่เมื่อมีไข้ แต่ผมยังเชื่อแนวทางนี้มากที่สุด จึงอยากรู้ว่าที่คุณสัมพันธ์
ลองมาหลายแนวทาง อยากให้ช่วยแชร์รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเป็นความรู้กับเพื่อนๆครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 2011 เวลา 10:27 น.
สวัสดีค่ะ คุณสัมพันธ์

ก็ใช้ทฤษฏีนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน (หยุดกินยา)ก็หยุดชักไปพักหนึ่ง และกลับมาชักอีก  

อ่านคำว่า หยุดกินยาแล้วค่อนข้าง ตกใจนะค่ะ 

เพราะตอนแรกที่ต่ายกินยา แล้วก็หยุดเพราะยาหมด( เนื่องจาก หมอไม่บอกว่า ยากันชักต้องกินต่อเนื่อง)  ต่าย ก็กลับมาชักอีก

จนได้ไปคุยกับหมอข้างบ้าน (หมอรักษาเด็ก)  เขาถึงบอกว่า ยากันชักต้องกินต่อเนื่อง ห้ามหยุดเอง  เลยค่อยถึงบ้างอ้อ


แม้กระทั่งตอนนี้ คุมชักได้แล้ว ยังต้องกินยาอยู่เลยค่ะ


ต่ายเคยรักษามาหลายอย่าง  แต่ไม่กล้าหยุดยากันชักเอง (หมอเคยลด โดสยา แล้ว กลับมาชัก แบบ ลมบ้าหมู )  เลยไม่กล้าหยุดยาเลย


ต่ายไม่รู้ว่า เด็กดื้อยา หรือ ยาคุมชักยังไม่ได้ผลจริง หรือ มีปัจจัยอื่นๆ กระตุ้นหรือเปล่า

อย่างต่ายอยู่ในเคสที่ดื้อยา (ตอนนั้นหมอบอก) คือเป็นลักษณะ กินยามาเกือบครบ กินมามั่ว กินมานาน  และไม่รับการรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรกๆ

คุณหมอถึงจัดอยู่ประเภทดื้อยานะค่ะ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: Sampan Navadej ที่ วันศุกร์ที่ 01 เมษายน 2011 เวลา 17:20 น.
ขอบคุณมากครับ คุณเจน
ใช่ครับ ช่วงกินยาก็หยุดชักไป แต่ก็กลับมาชักอีกครับ อาการก็คล้าย ๆ อาการเดิมครับ
ที่ผมหาวิธีการอื่นรักษาเพราะว่า คุณหมอแจ้งว่าต้องให้มาฉีดสีและอาจจะต้อง
ทำการผ่าสมอง ผมก็เลยเรียนคุณหมอไปว่าผมลองหาวิธีการอื่น ๆ รักษาดูก่อนครับ
ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าดีจะได้ช่วย ๆ กัน หลังจากนั้นก็พาลูกไปรับพลังจิตจากผู้ให้พลังจิต
อยู่ประมาณ 1 เดือน ควบคู่กับการกินวิตามิน (เพราะคุณหมอเคยบอกว่า 
?หมอรักษาแนววิทยาศาสตร์ให้ และคุณพ่ออาจจะลองรักษาไสยศาสตร์ด้วยก็ได้)
ซึ่งช่วงหยุดยานั้นเกิดขึ้นตอนที่ผมใช้วิธีการรักษาดื่มน้ำผักผลไม้ ซึ่งเป็นช่วงที่แสนทรมาน
ที่สุดในชีวิต เพราะรู้ว่ายาที่กินนั้นไม่สามารถหยุดโดยฉับพลันได้ครับ แต่ก็ต้องหยุด
เพราะเปลี่ยนวิธีการรักษา ซึ่งการหยุดกินยา 2 มือแรก หัวใจแทบสลาย เพราะว่าอาการ
ของลูกที่ขาดยาแย่มาก ๆ เช่น เหงื่อแตก ตัวสั่น ไม่ยอมทานข้าว ก็เลยต้องยอมให้ทานยาต่อ
เพราะทนดูสภาพลูกไม่ไหว ก็เลยเปลี่ยนมาค่อย ๆ ลดลงแต่ละมื้อ จนกระทั่งหยุดได้ครับ 
ซึ่งในตอนนั้นก็มีคนบอกให้กิน "ไส้เดือน" "ดื่มน้ำปัสสวะ" เพราะรักษาลมชักได้ ผมลองหาข้อมูลใน www.ก็มีข้อมูลจริงครับ แต่ผมก็ยังไม่กล้าลองครับ และในช่วงนั้นบังเอิญไปเจอ
ยาสมุนไพรของพระ วัดอยู่แถวนนทบุรี เลยโทรฯ ติดต่อไป ท่านก็ส่งยามาให้
แต่ก็ไม่กล้ากินเหมือนกันครับ

ขอบคุณมากครับ
สัมพันธ์ นาวาเดช
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: popja ที่ วันอังคารที่ 12 เมษายน 2011 เวลา 21:27 น.
ผมมีอีกวิธีนึงครับ

คือ พ่อแม่ ต้องไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาสม่ำเสมอ จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบาได้ครับ
ค่อยๆทำไป เป็นการชดใช้หนี้กรรมของทั้งพ่อแม่ และของลูก ให้ค่อยๆหมดไปครับ
ครูที่สอน บอกว่า เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค่อยๆดีขึ้นเร็วที่สุดครับ
การไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำกรรมฐาน ก็เป็นการชดใช้หนี้กรรมอย่างหนึ่งครับ ครูที่สอนว่าอย่างนี้ครับ

ผมป๊อป พ่อน้องวินครับ
หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันพุธที่ 13 เมษายน 2011 เวลา 18:22 น.
อย่างที่คุณพ่อป๊อปว่านะค่ะ
และต้อง แผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร ที่เกี่ยวกับที่เราไปทำเขาไว้ด้วย
การเจ็บป่วยแบบเรื้อรัง  เขาว่า มาจากการ ทรมานสัตว์ไว้
เวลา เราอุทิศส่วนกุศล ก็ระบุ ให้เขาด้วย ขอโทษเขาด้วยนะค่ะ (เช่นน้องๆ ทั้งหลาย คุณพ่อแม่ ก็บอกว่า เราเป็นตัวแทนของลูก ขออุทิศบุญตรงนี้แทนลูก)

ตอนต่ายนั่งพิมพ์อยู่นี่ ต่ายนั่งอยู่ที่ รพ. มาเฝ้าพ่อ ต่ายนั่งสมาธิมา เป็นวันที่ 4 แล้ว อุทิศให้เขา ช่วยกันๆ ทั้ง แม่ พี่น้อง
เรื่องอย่างนี้ บางครั้ง มันพูดยาก  บางทีกลายเป็นเรื่อง เพ้อเจ้อไป

แต่พ่อ อาการดีขึ้น พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่ว่า จะจากยาหมอ หรือ อะไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งนั้น


 

หัวข้อ: Re: ประสบการณ์การรักษาโรคลมชัก
เริ่มหัวข้อโดย: withmysimplelife ที่ วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2020 เวลา 13:11 น.
ผมมีอีกวิธีนึงครับ

คือ พ่อแม่ ต้องไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาสม่ำเสมอ จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบาได้ครับ
ค่อยๆทำไป เป็นการชดใช้หนี้กรรมของทั้งพ่อแม่ และของลูก ให้ค่อยๆหมดไปครับ
ครูที่สอน บอกว่า เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค่อยๆดีขึ้นเร็วที่สุดครับ
การไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำกรรมฐาน ก็เป็นการชดใช้หนี้กรรมอย่างหนึ่งครับ ครูที่สอนว่าอย่างนี้ครับ

ผมป๊อป พ่อน้องวินครับ

ช่วงที่รักษากับหมอแผนไทย ก็ใช้วิธีนี้ค่ะ ตอนแรกเราสวดชินณบัญชรแล้วฝันร้าย
หมอให้สวดแค่พวกนะโม และจบที่อิติปิโส พร้อมแผ่เมตตาก็พอ มันจะมีบทแผ่บทหนึ่งที่แผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร
ให้กล่าวถึงโรคที่เป็นด้วยว่าได้สั่งสมบุญมาเท่านี้และจะสั่งสมให้ต่อไปนะ ขอให้ออกไปอย่ามาจองกรรมกันเลย

คือเหมือนดูงมงายนะคะ แต่ว่ามันทำให้จิตใจสงบได้ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็นั่งสมาธิ
พาน้องสวดมนต์นะคะ