แบ่งปันความรู้โรคลมชัก

สนทนาได้ความรู้ => แชร์ประสบการณ์โรคลมชัก => ข้อความที่เริ่มโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 08:43 น.

หัวข้อ: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 08:43 น.
รบกวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่มีประสบการณ์แนะนำด้วยนะคะ

ลูกชายตอนนี้อายุ 2.3 ขวบ ค่ะ เพิ่งทราบว่าเป็นลมชักเนื่องจากไปชักที่โรงเรียน จริง ๆ น้องเคยแสดงอาการแล้วแต่คุณแม่ไม่ทราบ เนื่องจากน้องจะชักแบบเหม่อ นิ่ง ค่ะ ประกอบกับคุณแม่ไม่เคยคิดว่าลูกจะเป็น (ไม่มีประวัติในครอบครัว) รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว อ่านประสบการณ์ชักจากแม่ ๆ ท่านอื่น ก็เลยคอยระวังแต่ตอนลูกมีไข้สูง

อาการของลูกที่พบครั้งแรก ตอนประมาณ 2 ขวบ (3-4 เดือนที่แล้ว) ตอนแรกลูกไม่มีอาการป่วยเลยค่ะ พาไปถ่ายรูปที่สตูเพื่อน ลูกก็วิ่งเล่นปกติ เข้าๆ ออกๆ ห้องแอร์ พอตกเที่ยงรู้สึกตัวลูกเริ่มรุ่ม ๆ แต่ก็คุยเล่นร่าเริงปกติ อยู่ ๆ ก็มีอาการนิ่ง ถาม ตอบ ก็ไม่ตอบ (ปกติเค้าจะพูดเก่งค่ะ ถามตอบได้ตลอด) อาการเป็นแบบเหมือน สวิสต์ เปิด ปิด เลยค่ะ คุยอยู่ดี ๆ ก็เป็น ตอนแรกก็ตกใจ เค้ามีอาการหน้าตา ปกติ แต่ตาลอย อ่อนแรงเล็กน้อย มีน้ำลายเยอะไหลออกมา ตอนแรก ก็ตกใจค่ะ ขึ้นรถมานั่งสักพัก เค้าก็พูดขึ้นมา คิดว่าประมาณ 5 นาที นะคะ บวกเวลาซึมอีกสักพัก กลับมาก็ไม่สบาย อาเจียร เราก็เอะใจ แต่ไม่ได้ไปหาหมออะไร ค่ะ คิดว่าเค้าคงรู้สึกไม่สบายตัวก็เลยนิ่งไป หลังจากนั้นก็เป็นไข้อยู่ 3 วันก็หายเป็นปกติ

มาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชักครั้งที่ 2 (เท่าที่เห็นนะคะ) แต่คิดว่าน่าจะแค่ 2 ครั้ง ลูกไม่มีอาการอะไร ไปโรงเรียน ปกติ (แต่ตอนกลางคืนงอแง คิดว่าน่าจะเริ่มเจ็บคอ) คุณครูให้ว่ายน้ำ ตอนสาย ๆ พอมาตอนบ่ายเค้าก็มีอาการ เท่าที่ถามอาการ มีอาการคล้าย ๆ กันคือ นิ่ง เหม่อ อ่อนแรง แต่ครั้งนี้คุณครูบอกว่ามีอาการปากเขียว กัดนิ้วคุณครู (ครูเอานิ้วแหย่เข้าปากลูก) เป็นสักพักก็หาย คุณครูส่ง รพ. ใกล้ ๆ รร. สรุปคือลูกมักจะมีอาการชักตอนที่กำลังเริ่มจะไม่สบายค่ะ แต่ไม่ได้ทุกครั้งนะคะ ไม่เข้าใจการเกิดอาการเหมือนกันค่ะ

จากนั้นคุณแม่ก็ย้ายมาที่พญาไท 3 ค่ะ ลูกมีอาการคอ และปากมีหนอง ก็อยู่ รพ. 3 วัน ไข้สูง ไม่มีอาการชักเพิ่มอีก พร้อมกับ ตรวจคลื่นสมอง เพิ่งทราบผลเมื่อวานค่ะ คุณหมอสรวิศ อ่านผลบอกว่าลูกผิดปกติ เป็นแบบบางส่วน เป็นที่สมองด้านหน้าขวา พอคุยเสร็จแม่ก็ร้องไห้เลยค่ะ สงสารลูกมาก เคยเข้ามาอ่านที่นี่ก่อนทราบ ก็กลัวเรื่องทานยา กลัวเรื่องผลข้างเคียงมากค่ะ ยาที่คุณหมอให้ทานคือ Depakine ชนิดน้ำ ทานครั้งละ 0.25 cc 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ทาน 0.5 cc รบกวนสอบถามคำถามนะคะ


1. จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจซ้ำ (second opinion) รึเปล่าค่ะ กลัวว่าลูกไม่ได้เป็น แต่ให้ทานยา
2. รบกวนแนะนำหมอที่เชี่ยวชาญให้หน่อยค่ะ
3. เคยมีว่าเป็นแล้วหายหรือเปล่าค่ะ พอดีมีเพื่อนเค้าเป็น ทานยามา 2 ปี กลับไปตรวจซ้ำก็ไม่หาย
4. จากการทานยาจริง ผลที่ได้น่ากลัวรึเปล่าค่ะ ตับน้องจะรับได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ

ขอบคุณมากๆ ล่วนหน้านะคะ

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 11:33 น.
1. จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจซ้ำ (second opinion) รึเปล่าค่ะ กลัวว่าลูกไม่ได้เป็น แต่ให้ทานยา
2. รบกวนแนะนำหมอที่เชี่ยวชาญให้หน่อยค่ะ
3. เคยมีว่าเป็นแล้วหายหรือเปล่าค่ะ พอดีมีเพื่อนเค้าเป็น ทานยามา 2 ปี กลับไปตรวจซ้ำก็ไม่หาย
4. จากการทานยาจริง ผลที่ได้น่ากลัวรึเปล่าค่ะ ตับน้องจะรับได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ
4. จากการทานยาจริง ผลที่ได้น่ากลัวรึเปล่าค่ะ ตับน้องจะรับได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ
เมื่อก่อนตัวเองก็เคยกังวล ถามเภสัช เขาตอบว่า "ตัวเราต้องรักษาอาการเฉพาะหน้าก่อน อนาคตยังมองไม่เห็น"


3. เคยมีว่าเป็นแล้วหายหรือเปล่าค่ะ พอดีมีเพื่อนเค้าเป็น ทานยามา 2 ปี กลับไปตรวจซ้ำก็ไม่หาย
มีทั้งหายและไม่หายค่ะ แล้วแต่คน ส่วนตัวเอง หายไปแล้ว 3 ปี กลับมาชักใหม่
พอไปปรึกษาจิตแพทย์รักษาอาการซึมเศร้า(ทราบมาว่า แม่เป็นมะเร็ง ก็เลยเครียดมาก) ก็หายชักค่ะ นับมา ตอนนี้ก็ราวๆ ปี กว่า ที่ไม่ชักค่ะ

ส่วนอื่นๆ คงต้องให้คุณพ่อแม่ ท่านอื่น ที่เชี่ยวชาญเลี้ยงลูกเล็ก มาตอบให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 18:18 น.
สวัสดีครับคุณ nongluk ผมหมูพ่อน้องเยลลี่ครับ

เอาคร่าวๆก่อนนะครับ
1.คงไม่ต้องทำซ้ำถ้าตรวจ eeg แล้วจอคลื่นชักก็คงชัวร์แล้วครับ ของเยลลี่หลังจากเริ่มทานยาประมาณ 2 อาทิตย์หมอนัดมาตรวจ eeg ซ้ำ เพื่อดูว่าหลังจากทานยาคลื่นสมองดีขึ้นมั๊ย แล้วก็ตรวจมาเรื่อยๆครับ มกรา 54 จะเป็นการทำ eeg ครั้งที่ 6 แล้วครับ
2.แนะนำหมอกุมารเวชด้าน neuro ก็คุณหมอมนตรี แสงภัทราชัย รพ กรุงเทพครับ ถ้าไม่สะดวก เดวรอเพื่อนๆท่านอื่นมาแนะนำครับ
3. ใจเย็นๆครับ คงมีทั้งเคสที่หายเป็นปกรติ และก็อาจมีเคสที่ต้องดูแลกันนานหน่อยครับ ขึ้นอยู่กับเราจะปรับตัวรับมือใช้ชีวิตอยู่กับมันยังไงครับ
4.เด็กแต่ละคนมี side effcet ของยาแต่ละชนิดไม่เหมือนกันครับ ยังไง หมอจะสั่งตรวจค่าตับ sgot sgpt ammonia เป็นระยะอยู่แล้วครับ ตลอดช่วงของการทานยา
depakine เรียกว่าเป็นยาสามัญของโรคลมชักเลยครับ side effect น้อยครับ ที่หมอเคยบอกคือ ทำให้ทานจุครับ  ;D
เอาคร่าวๆก่อนนะครับ ลูกสาวผม รักษามา 1 ปีครึ่งแล้วครับ ตอนนี้อายุ3.4 ขวบครับ

ขอให้โชคดีเจอหมอเก่งๆครับ จะได้หายเร็วๆ

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: popja ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 21:03 น.
สวัสดีครับคุณNonglak kulwaikowit 

ผมป๊อปพ่อน้องเทรนด์ครับ
อาการเปิดปิดสวิต (ที่บ้านก็เรียกอย่างนี้เหมือนกัน) น้องเทรนด์เคยมีอาการแบบนั้นครับ
บางทีกำลังเล่นอยู่แล้วก็ค้างไปแป๊ปนึง เหมือนเหม่อนิ่งไปเฉยๆ ไม่ตอบสนอง บางทีก็ 30 วินาทีบ้าง 1 นาทีบ้าง แต่ไม่เคยเกิน 2 นาทีครับ
ของน้องเทรนด์มีอาการปากเขียวด้วย ต้องให้ อ๊อกซิเจน

เท่าที่อ่านมา คิดว่า อาการเหมือน้องเทรนด์ตอนชักแบบเหม่อนิ่ง ยังไงถ้าไม่แน่ใจลองตรวจซ้ำอีกได้ครับ จะได้สบายใจ
และควรรีบหน่อยน๊ะครับ เพราะถ้าเป็นบ่อยๆจะไม่ดีครับ

เรื่องตับ คุณหมอตรวจเป็นระยะๆอยู่แล้วครับคิดว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้

ยังไงเป็นกำลังใจให้คุมชักได้และเจอหมอเก่งๆครับ สู้ๆ


 
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 22:58 น.
ขอบคุณ คุณThanks คุณหมู และคุณป๊อปมากเลยค่ะ ตอนนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดค่ะ ยังไม่กล้าให้น้องทานยาเลยค่ะ ไปพบหมอมาเมื่อวันเสาร์ กะว่าจะให้เริ่มทานยาพรุ่งนี้ (วันจันทร์)ค่ะ ใจหนึ่งก็อยากตรวจซ้ำ แต่ก็สงสารลูกค่ะ กลัว รพ.ไปหมดแล้ว น้องเทรนด์มีอาการคล้ายโฮชิ เลยอยากจะสอบถามคุณป๊อปคร่าวๆ ว่าน้องมีอาการยังไงค่ะ มีโอกาสที่ลูกชายจะเป็นมากขึ้นรึเปล่า ปกติแก่จะเป็นก่อนที่จะไม่สบาย แต่ไม่ทุกครั้งนะคะ ต้องขอโทษนะคะ คุณป๊อปอาจจะเคยเล่าแล้ว พอดีตอนนี้รีบอ่านก็เลยไล่อ่านได้นิดเดียวค่ะ แล้วเรื่อง อ๊อกซิเจน จำเป็นต้องมีติดบ้าน หรือติดตัว (ไม่ทราบมีหรือเปล่า) เอาไว้เลยรึเปล่าค่ะ

รบกวนถามคุณหมูด้วยค่ะว่า ตอนนี้คลื่นน้องเยลลี่เป็นยังไงบ้างค่ะ หลังจาก 2 ปีสามารถหยุดยาได้เลยหรือเปล่าค่ะ ของก้อยคุณหมอนัดตรวจเลือดอีกทีปลาย มค.เลยค่ะ ไม่ได้พูดถึงการตรวจ eeg ซ้ำเลย การนัดคุณหมอมนตรียากหรือเปล่าค่ะ คิดว่าอาจจะไปปรึกษาคุณหมอค่ะ ในกรณีนี้ต้องขอผลการตรวจจากที่เก่าไปหรือเปล่าค่ะ หรือคุณหมอจะให้ทำใหม่เลย

ตอนนี้รักษาอยู่กับคุณหมอ สรวิศ วีรวรรณ ค่ะ ที่พญาไท 3 ปกติหมอประจำอยู่ศิริราช (ทางด้านประสาท) ค่ะ ควรจะยังไงดีค่ะ รักษาต่อเนื่องหรือพอหมอที่เชี่ยวชาญเลยดีค่ะ

ปัจจุบันนี้พัฒนาการลูกเหมือนเด็กทั่วๆ ไปค่ะ พูดคุยได้ปกติ ซนร่าเริง ถามตอบเก่งค่ะ การเป็นโรคนี้จะทำให้ถดถอยทุกกรณีเลยรึเปล่าค่ะ (ไม่รู้คำถามฟังดูตลกหรือเปล่าค่ะ) และควรมีแนวทางต่อไปยังไงดีค่ะ ตอนนี้เรื่องกลุ้มอีกเรื่องคือให้ลูกเข้าเรียนแล้วค่ะ (เนื่องจากไม่ทราบก่อนว่าลูกมีโรคประจำตัว) เสียดายค่ำเทอมค่ะ จำเป็นต้องหยุดเรียนเลยหรือเปล่าค่ะ เพราะไปเรียนก็เสี่ยงต่อการป่วยบ่อยๆ ที่คุณแม่คิดว่าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการชักอะค่ะ

สุดท้ายติดใจเรื่องการทานยาค่ะ คิดว่าการทานจะมีผลได้ผลเสียดีกว่าการไม่ทานหรือเปล่า กลัวเรื่อง side effect เรื่องเลือด และตับ หรือถ้าไม่ทานยาแต่ระวังเรื่องการเจ็บป่วยพอจะเป็นไปได้หรือเปล่าค่ะ ตอนที่ไปถามคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าแล้วแต่เราว่าจะทานหรือไม่อย่างไร ก็เลยลังเลนิดนึงอะค่ะ

ขอบคุณทุกท่าน ทุกคำปรึกษาล่วงหน้านะคะ

ก้อยแม่น้องโฮชิ

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010 เวลา 23:47 น.
ไปไล่อ่านเรื่องน้องเยลลี่แล้วค่ะ ดีใจจังเลยค่ะ น้องโฮชิก็เรียนที่ เด่นหล้า เพชรเกษม เหมือนกันค่ะ ตลกเรื่องที่คุณหมอให้ปรับพฤติกรรมอะค่ะ คุณพ่อน้องโฮชิก็ถามค่ะว่าร้องไห้ทำให้ลูกชักหรือเปล่า คุณหมอเด็กเหมือนรู้ทัน ก็เลยบอกว่าไม่เกี่ยวกันค่ะ ย้ำว่าให้เลี้ยงเหมือนเด็กปกติทั่วไป นี่ก็กะว่าจะไปแจ้งคุณครูไว้ เพราะอาจจะต้องฝากเรื่องทานยา โฮชิไม่มีปัญหาเรื่องการเดินค่ะ ก็กะจะบอกให้คุณครูแค่คอยดูเค้าถึ่หน่อย อาจจะให้นั่งในที่ ๆ เห็นได้ชัดเจน และคอยระวังเมื่อมีอาการค่ะ

พรุ่งนี้ว่าจะโทรนัดที่ รพ.กรุงเทพ ดูค่ะ คุณหมูเป็นแรงบันดาลใจ ตอนนี้เลยค่ะ อยากให้ลูกหายเป็นปกติ น่ารักเหมือนน้องเยลลี่

ขอให้ผลบุญจากการให้คำปรึกษาเป็นวิทยาทานของคุณหมู ส่งผลให้น้องเยลลี่หายเป็นปกติ 100 เปอร์เซ็น เลยค่ะ

แต่แปลกใจค่ะ น้องโฮชิชักวันจันทร์ ตรวจ eeg วันพุธ ทั้งที่ไม่มีอาการชัก แต่ก็ยังพบคลื่นชัดเจนอยู่เลยค่ะ

ถ้ามีโอกาสอาจจะหวังว่าจะได้เจอน้องเยลลี่ที่โรงเรียนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 00:34 น.
น้องเทรนด์หล่อ + น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 00:39 น.
น้องเทรนด์ หล่อ + น่ารักมากๆ เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่ นะคะ น้องโชคดีมากค่ะ ที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่เข้มแข็ง ใส่ใจและ รักเค้ามากก  ขอให้น้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับนะคะ ดูแล้วน้องดูปกติมาก ๆ เลยค่ะ แถมหล่อด้วยค่ะ คุณพ่อ สู้สู้นะคะ เข้าใจถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่เลยค่ะ ถ้าแลกสุขภาพลูกได้ก็คงจะทำ ขอให้มีปาฎิหารย์ในทุก ๆ วันนะคะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: popja ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 07:52 น.
เรื่องการรักษา ถ้ายังไม่แน่ใจแนวทางการรักษา รีบไปพบคุณหมอมนตรีที่คุณหมูแนะนำให้เร็วที่สุดน๊ะครับ
เพราะถ้ารอนานไป ยังไม่ได้ทานยาคุมชักอาจจะมีอาการมากขึ้น ปล่อยไว้ไม่ดีครับ
เพราะทุกครั้งที่น้องเทรนด์ชัก แกจะถอยหลังไปครับ ไม่มากก็น้อย

อาการน้องเทรนด์ชักครั้งแรกตอน 4 เดือน เป็นชักกระตุกทั้งตัว ครั้งที่ 2-4 เป็นตอน 8 เดือน นอน รพ.อยู่เดือนกว่าๆ ตอนนั้นทานยาเยอะมาก
อาการช่วง 8 เดือน แรกๆ ก็ชักเกร็งทั้งตัว พอหลังๆเริ่มเปลี่ยนอาการชักเป็นแบบเหม่อ (อาการชักเปลี่ยนได้ครับ ถ้ายังคุมไม่ได้)
คืออย่างที่คุณ Nonglak บอกว่า ปิดสวิตนั่นแหละครับ แกจะเหม่อ หน้าซีด ปากม่วงปากเขียว คือขาดอ๊อกซิเจนครับ
บางครั้งก็เหม่ออย่างเดียวปากไม่ม่วงก็มี อาการก็คือ ทำอะไรอยู่แกก็นิ่งไปเฉย(ปิดสวิต) ซักพักก็เริ่มรู้สึกตัว
ยังไงต้องลองสังเกตดูว่ามีปากม่วงบ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ คงต้องรีบเร่งพบคุณหมอเพื่อรักษาได้เร็วขึ้น
ที่บ้านผมซื้อถังอ๊อกซิเจนติดไว้ เพราะช่วงที่ชักแบบขาดอ๊อกซิเจนนี่แหละครับ ผมกับแฟนก็เลยตัดสินใจซื้อติดบ้านไว้เลย
หลังจากหยุดชักช่วง 8 เดือนไป น้องก็มีอาการ สำลักง่าย คือประมาณว่าระบบภายใจแกไม่แข็งแรงเลย
ทานนมก็สำลักง่าย ตัวก็อ่อน (เข้าใจว่ายังชักข้างในอยู่ แต่เราไม่รู้)
จนมาชักอีกครั้งตอนช่วง 11 เดือน เป็นเหมือนเดิมคือเหม่อนิ่ง หน้าซีด ปากม่วง ช่วงนี้ก็ดูแกหนักมากเหมือนกัน
admit อยู่ประมาณ 10 กว่าวัน จนทานอาหารคุมชัก ketogenic diet ร่วมกับทานยา น้องจึงเริ่มแข็งแรงขึ้น
(อาหารคุมชัก ช่วยคุม 50% อีก 50% ต้องใช้ยาคุม เพราะน้องทานยาหลายตัวแต่ก็ยังคงมีชักอยู่ จึงใช้อาหารคุมชักช่วยด้วยครับ)
ช่วงชักที่ผ่านมา แกชักโดยไม่มีไข้ครับ

ล่าสุดพึ่งจะมาชักเมื่อวันพ่อพอดี แกติดเชื้อไวรัส มีไข้สูง อาการชั้กเป็นแบบเกร็งกระตุกทั้งตัว admit ไป อาทิตย์พอดี (ตอนหลังออกผื่น คงเป็นส่าไข้ครับ)
เป็นครั้งแรกที่มีไข้แล้วชัก ต่อไปต้องระวังเรื่องไข้แล้วหละครับ

ผมถามคุณหมอว่า ชักแบบไหนแรงกว่ากัน คุณหมอว่า ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว แรงกว่าแบบเหม่อ แต่ก็ไม่ดีทั้ง 2 อย่าง
แบบทั้งตัว คลื่นจะออกมาทั่ว ส่วนแบบเหม่อจะออกมาเฉพาะจุดครับ

ตอนนี้น้องเทรนด์ก็อยู่ช่วงปรับยาอยู่

น้องเทรนด์จะมีคลื่นชักออกมาตอนหลับ ตอนเคลิ้ม คือหลับเมื่อไหร่แกจะมีอาการกระตุกแขนขา ตาส่ายไปส่ายมา
คุณหมอว่า อาการอย่างนี้ เป็นบ่อยไม่ดี ตอนนี้ก็ปรับยาอยู่ครับ

พัฒนาการลูกคุณ Nonglak ดูดีน๊ะครับ ยังไงรีบพบคุณหมอเร็วหน่อยน๊ะครับ
เดี๋ยวคงได้เจอน้องเยลลี่ที่โรงเรียน ได้เพื่อนใหม่แล้ว

การไม่ชักแต่มีคลื่น เป็นไปได้ครับ

น้องเทรนด์ด้านการรับรู้ผมว่าดูดีครับ แต่ด้านกล้ามเนื้อจะมีปัญหา

ขอให้คุณ Nonglak ได้เจอคุณหมอเก่งๆครับ
สู้ๆ
ขอบคุณกำลังใจน๊ะครับ แบ่งกำลังใจให้กันและกัน

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: kedy ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 15:29 น.
สวัสดีค่ะ ชื่อเกด แม่น้องเอินเอินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก แต่น่าจะรู้จักกันที่อื่นเนอะ ลูกจะได้ไม่เป็นโรคนี้

ตามที่อ่านคุณหมอสรวิศ ก็รักษาน้องๆในเว็บบนี้อยู่ ก็รักษาอาการได้ดีนะค่ะ ลูกสาวรักษาที่ศิริราชเหมือนกันค่ะ กับอ.สุรชัย ตอนนี้ก็คุมชักได้ค่ะ แต่เราต้องระวังหลายๆอย่างประกอบด้วยค่ะ ทั้งเรื่องไข้ ตัวกระตุ้นต่างๆ ลูกสาวจะเป็นชักเกร็งทั้งตัวค่ะ คล้ายๆน้องแทรนด์ค่ะ แต่ไม่เหม่อ พอหยุดชักพัฒนาการก็ปกติดี ส่วนน้องโฮชิ พัฒนาการเลยไปเยอะแล้วถือว่าโชคดีมากๆ ลูกสาวยังมีพูดช้าบ้างเพราะตอนชัก กำลังหัดพูดพอดีค่ะ

1. จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจซ้ำ (second opinion) รึเปล่าค่ะ กลัวว่าลูกไม่ได้เป็น แต่ให้ทานยา
-----จริงๆแล้วถ้าหมอตรวจเจอคลื่น คงต้องทานยาน่ะค่ะ อย่างลูกสาว ตรวจ MRI,EEG น้ำไขสันหลัง ไม่เจอสาเหตุ ยังต้องทานยาเลยค่ะ ไม่อยากให้ลูกชักค่ะ น่ากลัวค่ะ

2. รบกวนแนะนำหมอที่เชี่ยวชาญให้หน่อยค่ะ
-----อ.สรวิศ ก็เป็นหมอระบบประสาทโดยตรงนะค่ะ และไปรักษาที่รพ.พญาไท น่าจะสะดวกกว่า ลูกสาวรักษาคลีนิคปกติค่ะ ไปหาวันพฤหัส หมอก็ดูแลดี แต่หากจะลองไปหาหมอที่อื่น ก็ได้ค่ะเพื่อความสบายใจ ตอนลูกสาวชักยังไม่หยุด ก็อยากไปหาที่อื่น แต่ก็มีหลายคนบอกว่าที่เดิมดีอยู่แล้ว จะได้ต่อเนื่องค่ะ

3. เคยมีว่าเป็นแล้วหายหรือเปล่าค่ะ พอดีมีเพื่อนเค้าเป็น ทานยามา 2 ปี กลับไปตรวจซ้ำก็ไม่หาย
-----เรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจเหมือนกันค่ะ เพราะลูกสาวเป็นแบบไม่ทราบสาเหตุ คงแล้วแต่ดวงแล้วหล่ะค่ะ บางคนหาย ยังชักซ้ำ

4. จากการทานยาจริง ผลที่ได้น่ากลัวรึเปล่าค่ะ ตับน้องจะรับได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ
-----เรื่องกินยา หมอก็จะนัดตรวจเรื่องค่าตับตลอดน่ะค่ะ ยังไงลองดูก่อนมั๊ย กินเพื่อไม่ให้มีอาการดีกว่าน่ะค่ะ

ยังไงเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ตอนลูกเราชักครั้งแรก เราก็แทบบ้าค่ะ หาข้อมูลทุกอย่างๆ ตอนนี้ก็เน้นทำบุญ ขอให้เค้าหายจากโรคนี้ค่ะ สู้ๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Jen ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 18:17 น.
สวัสดีครับ ผมเจนครับ เพื่อนๆ ตอบไปหลายคนแล้ว แต่อยากเล่าประสบการณ์เรื่องการเริ่มยาที่เคยเจอมา

อาการเริ่มชักของน้องคล้ายๆ กับลูกชายผม คือมักชักตอนไม่สบาย ไข้ไม่ต้องสูงมาก แต่พอชักแล้วไข้ไปต่ออีก
ไม่ได้เป็นบ่อย แต่ทุกครั้งที่มีไข้มักจะชัก ห่างประมาณ 1-3 เดือน ตามประสาเด็กเริ่มไปโรงเรียน
อาการชักเป็นแบบกระตุกทั้งตัว เกร็ง หน้าตา ปากเขียว น้ำลายไหล

เข้าในคุณเลยเรื่องไม่อยากให้เริ่มยา เพราะเป็นเหมือนกัน ผมเริ่มหาหมอตอนลูกชักได้ 3 ครั้งแต่ยังไม่เริ่มยา เพราะตรวจหาคลื่นไม่เจอ
จนกระทั่งชักครั้งที่ 6 ไปตรวจคลื่นถึงเจอ แต่หมอยังบอกว่าถ้ายังไม่อยากเริ่มยา ให้ดูอาการไปก่อนอีกสักครั้งก็ยังได้ จนกระทั่งชักอีกครั้งที่ 8
ตัดสินใจเลยว่าต้องให้ยาในการรักษา กินยาแล้วไม่ได้หายเลย กินมาปีกว่า ก็ยังต้องปรับยาอยู่เพราะเมื่อไม่สบายก็ยังมีชัก แต่โชคดีที่พัฒนาการ OK

ถ้าน้องเป็นเฉพาะตอนไม่สบาย ก็แสดงว่าไม่น่าจะถี่มาก จะลองหาความเห็นที่สองหรือตัดสินใจหาข้อมูลก่อนผมว่าได้เหมือนกัน
Depakine เป็นยาหลัก กินง่ายแม้รสชาติไม่ดีเพราะปริมาณมันน้อย มีผลกระทบกับตับแน่นอน แต่ยังไงเมื่อกินก็ต้องไปเจาะเลือดตรวจระดับยาเป็นระยะ
ซึ่งก็สามารถตรวจหาค่าเอนไซด์เพื่อดูการทำงานของตับไปด้วย เพื่อเปลี่ยนแปลงยาหรือวิธีการหากค่าตับไม่ดี
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2010 เวลา 20:44 น.
ขอบคุณ คุณป๊อป คุณเจน และคุณเกด มากเลยนะคะ ตอนนี้ได้นัด คุณหมอมนตรี แล้วค่ะ พุธบ่าย วันนี้มีปรึกษาพี่ที่ทำงานท่านหนึ่ง ลูกสาวชักตอน 7 ขวบ ชักรุนแรงค่ะ ประมาณว่านอนก็ยังชัก พี่เค้าเล่าว่าคุณหมออัดยาจนลูกกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา พอฟื้นขึ้นมาก็ผิดปกติไปเลยค่ะ ทั้งที่ก่อนชักยังเล่นตีแบตอยู่ พี่เค้ามีการศึกษานะค่ะ แต่แนะนำ และสนับสนุนให้ก้อยหาแพทย์ทางเลือก (หมอจีน หรือ หมอแมะ) นะคะ ตอนนี้เค้าก็ไม่ได้หาหมอแผนปัจจุบันแล้ว เค้าเล่าว่าพอทานยาน้องก็มีผลข้างเคียง อ่อนแรง ซึม ไม่เหมือนเดิมค่ะ ถ้าย้อนได้เค้าคงมาแนวหมอจีนตั้งแต่แรก พี่เค้าบอกว่ายาจีนจะช่วยปรับสมดุลในร่างกาย เป็นการแก้ที่ต้นเหตุค่ะ ไม่เหมือนยาแผนปัจจุบัน ที่รักษาปลายเหตุ กดอาการ

ยิ่งฟังยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียดค่ะ คิดไปสารพัดค่ะ ตอนนี้ก็ยังสับสนอยู่ว่าจะไปแนวไหนดีค่ะ มีท่านไหนเคยมีประสบการณ์ แพทย์จีนบ้างหรือเปล่าค่ะ

ตอนนี้ที่แย่น่าจะเป็นแม่ค่ะ เล่าเรื่องลูก คิดถึงลูกก็ร้องไห้ เข้าใจ และเห็นใจหัวอกพ่อแม่ในนี้ได้อย่างดีเลยค่ะ ตอนนี้นอกจากหาหมอแล้วก็อยากไหว้พระทำบุญค่ะ ปกติก็คิดอยากทำนะคะ แต่ไม่เคยให้ความสำคัญก่อนเลย

ไว้วันพุธพบคุณหมอแล้วจะมา update นะคะ

ขอบคุณทุกท่านค่ะ สู้สู้กันนะคะ

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2010 เวลา 09:22 น.
น้องจ้ำม่ำจังครับ

ตอนนี้ล่าสุดที่ตรวจ eeg เมื่อประมาณสิงหา ยังมีคลื่นชักอยู้แต่น้อยมากครับ คุณหมอนัด ปลายมกรา 54 ทำ eeg อีกรอบ ถ้าดีขึ้นอีกก็ลดยา ถ้ายังไม่ดีก็ทานต่อไปครับ
มิถุนา 54 ก็จะครบ 2 ปีของการรักษาครับก็ยังหวังอยู่ว่าจะหายขาดอะครับ ตั้งแต่ทานยาครั้งแรกก็หยุดชัก พัฒนาการก็ค่อยๆดีขึ้นมาเรื่อยๆครับ แต่ถ้าเทียบกับเด็กวัยเดียวกับเยลลี่ ถือว่าเยลลี่ยังช้าอยู่ครับ ในเรื่องพูด กับการทรงตัว เช่นการกระโดด การวิ่งครับ แต่ภาพรวม ถือว่าไม่ชักก็ดีที่สุดแล้วครับ ถึงแม้ยังมีคลื่นหลงเหลืออยู่

หมอเคยบอกว่าตอนนี้เราไม่ห่วงคลื่นแล้ว แค่ดูว่าไม่ชักเท่านั้นอะครับ ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ เพราะทำ eeg มา 5 รอบ คลื่นยังมีเหลืออยู่แต่ก็น้อยมากแล้ว  

เรื่องพัฒนาการถดถอย เพราะถ้าเป็นเคส infantile spasms จะเกิดในช่วงอายุเด็กทารกอายุ แรกเกิด 3 เดือนถึง 1ขวบอะครับ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงของการพัฒนาการทางด้านต่างๆของเด็กครับ
ถ้าชักตั้งแต่ช่วงเล็กๆ โอกาสที่พัฒนาการจะหดหายนี่เต็มๆเลยครับ เช่น เรื่องคว่ำ สบตา คอแข็ง คว้าของ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ยิ้ม ทุกอย่างเลยอะครับที่เรียกว่าพัฒนาการ
หลังจาก 1 ขวบขึ้นไป ถ้ายังคุมชักไม่ได้ รูปแบบการชักอาจจะเปลี่ยนอะครับ เช่นเป็นชักเกร็ง กระตุก เหม่อ และอีกหลายๆแบบครับ

อย่างเยลลี่มาชักช่วง ใกล้ขวบ เป็นแบบ infantile ครับ  ก็มาหยุดเรื่องการพูด การเดินครับ พอหยุดชัก พัฒนาการก็ค่อยๆ เริ่มกลับมา ( เค้าเคยทำได้มาก่อน แต่มาหยุดไป แต่ถ้าเด็กที่ยังไม่เคยทำได้เลยเช่นเด็กทารก แล้วมาชัก โอกาสพัฒนายิ่งช้าไปอีกเท่าตัวเลยครับ)

คร่าวๆนะครับ เดวมาตอบอีก

เพิ่งเห็นว่าโฮชิเรียนเด่นหล้าเหรอครับ เยลลี่อยู่ ต.อ.11 ครับ แวะมาได้เลย  ;D ;D  ลองไปคุยกับเยลลี่ดูครับ แล้วโฮชิอยู่ชั้นไหนครับ
นัหมอมนตรีแล้วเหรอครับ ดีจัง เจอหมอเก่งอยู่แล้วครับไม่ต้องห่วง เรื่องทานยา ถ้า depakine ไม่ต้องกังวลครับ sabril ว่าหนัก เยลลี่ซัดมาเกือบปีครับ ก็ไม่มีอะไรครับ อย่าชัก ดีที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2010 เวลา 09:33 น.
อยู่สีเหลืองค่า มาเป็นเพื่อนกัน โฮชิ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Thanks-Epi ที่ วันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2010 เวลา 09:39 น.
ยิ่งฟังยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียดค่ะ คิดไปสารพัดค่ะ ตอนนี้ก็ยังสับสนอยู่ว่าจะไปแนวไหนดีค่ะ มีท่านไหนเคยมีประสบการณ์ แพทย์จีนบ้างหรือเปล่าค่ะ


ส่วนตัวแล้ว  หามาทุกอย่าง เกือบครบแล้วนะค่ะ เข้าทรง กินน้ำมนต์ ดูดวง หมอไทย จีน ยาหม้อ ฯลฯ

สรุปปปปปปปปป  ไม่หาย  กินยาแพทย์ปัจจุบัน ก็ไม่หาย  สาเหตุก็ไม่เจอะ ทำให้ผ่าตัดไม่ได้

มาหาย ไปขาดเลย ตอนคลอดลูก ความสนใจ ไปอยู่ที่ลูกแทน ทั้งหมด ทุกอย่างทำเพื่อลูก (จนลืมชัก)  ;D  ;D

สรุปเอง ว่า เป็นเรื่องของ เวรกรรม

ปัจจุบันนี้พัฒนาการลูกเหมือนเด็กทั่วๆ ไปค่ะ พูดคุยได้ปกติ ซนร่าเริง ถามตอบเก่งค่ะ การเป็นโรคนี้จะทำให้ถดถอยทุกกรณีเลยรึเปล่าค่ะ (ไม่รู้คำถามฟังดูตลกหรือเปล่าค่ะ) และควรมีแนวทางต่อไปยังไงดีค่ะ ตอนนี้เรื่องกลุ้มอีกเรื่องคือให้ลูกเข้าเรียนแล้วค่ะ (เนื่องจากไม่ทราบก่อนว่าลูกมีโรคประจำตัว) เสียดายค่ำเทอมค่ะ จำเป็นต้องหยุดเรียนเลยหรือเปล่าค่ะ เพราะไปเรียนก็เสี่ยงต่อการป่วยบ่อยๆ ที่คุณแม่คิดว่าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการชักอะค่ะ


ส่วนตัวนั้น ตอนที่ชักอยู่ช่วงวัยรุ่น เรียนหนัก นอนน้อย เครียด  เดินออกไปหน้าชั้น ขอลาออก แล้วเดินออกไปหาธุรการเซ็นใบเลยค่ะ แล้วสอบเทียบ จบราม สบายๆ ไม่เครียดด้วย

แต่เด็ก ยังต้องเรียนอยู่ภาคบังคับ คุณแม่ ไม่ต้องกังวลหรอก เมื่อก่อน ต่ายก็ไม่ค่อยจะเหมือนคน เท่าไหร่  เดินก็ไม่ตรง สมองก็ไม่สั่ง ทำงาน ที่ไหน  ถูกไล่ออกที่นั่น   ;D

แต่ทุกวันนี้ "ขอบคุณที่เป็นลมชัก"  แหม...ทำให้ อดเป็นมนุษย์เงินเดือนเลย   ;D  ;D  ;D

แต่ที่จะมีปัญหา คือ ง่วงนอน ตลอดเวลา เวลาเรียน  นั่นละ ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง   คุณแม่ ก็เฉยๆ เถอะค่ะ  ชีวิตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนเท่านั้น  อย่าไปเรียนพวก รร. ที่มีการแข่งขันสูง ห้องคิง หรือ ฟัง คนอื่นมากไป (เปรียบเทียบการเรียนลูกเรา)

ทุกวันนี้ลูกต่าย ก็พัฒนาการช้า เพราะแม่ชักตลอด ตอนที่ตั้งครรภ์ ก็เฉยๆ เวลาคนมาทักลูกเรา (ก็ได้แค่นี้อะ ทำไง)   ไม่ได้มาช่วยเลี้ยง  อย่าพูดมาก (คิดในใจค่ะ พูดไม่ได้ 5555)

อ่านกระทู้นี้ยังเอ่ย  http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=142.0



หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010 เวลา 00:34 น.
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกท่าน

วันนี้เข้ามา update หน่อยนะคะ อาจจะช้าหน่อย หลัก ๆ ก็คือเหนื่อยสะสมจากการเฝ้าลูก และอยากพักค่ะ บางทีพออ่าน หรือหาข้อมูลมากไปก็เครียดค่ะ

เริ่มจากไปพบคุณหมอมาเมื่อวันพุธค่ะ ไปสายค่ะ เนื่องจากต้องทำงาน ต้องขอโทษคุณหมอจริง ๆ  ก็เล่ารายละเอียดให้คุณหมอฟัง และนำผล EEG ไปให้คุณหมอมนตรีดูค่ะ คุณหมอจะออกแนวพูดตรง ๆ นะคะ เริ่มจากผลคุณหมอก็บอกรักษากับ อาจารย์ สรวิศก็ดีอยู่แล้วไง แนวว่ามาทำไม  ;D เราก็เล่าถึงอาการ และรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟัง เล่าว่าไม่อยากทานยาแนว ๆ นี้นะคะ

คุณหมอก็ถามว่าลูกมีปานแดง ปานดำ อะไรหรือเปล่า สงสัยจังค่ะว่าเกี่ยวอะไร พอดีคุณหมอคุยต่อเนื่องก็เลยลืมถามค่ะ พอเล่ารายละเอียดคุณหมอก็บอกอาการไม่ชัดเจน เพราะทุกครั้งที่เกิดอาการจะตามมาด้วยการไม่สบายมีไข้ ระหว่างที่คุย เราก็จะถามวน ๆ นะคะ คุณหมอก็จะย้ำว่าให้ดูลูกเรา อย่าไปคิดก่อน ให้อยู่กับปัจจุบัน มีสติเวลาลูกมีอาการ ปฐมพยาบาลให้ดีก็พอ พร้อมกับให้คู่มือมาอ่าน ไม่รู้ทำไมค่ะ เราหายเครียดไปเยอะเลย ตอนท้ายคุณหมอก็เรียกน้องมาดู เอาค้อนแพทย์มาเคาะ ๆ ค่ะ แล้วก็สรุปให้ว่ายังไม่ต้องทานยา ถ้ามีอาการอีกค่อยมา แต่เราก็ถามย้ำอีก คุณหมอก็เลยนัดให้มาทำ EEG อีกรอบ โดยเน้นว่าให้หลับเองไม่ต้องทานยานอนหลับ

คุณหมอถามเรื่องการทำ eeg ครั้งแรกว่ามีทานยาไหม เราก็ตอบว่ามีค่ะ ไม่แน่ใจว่าการทานยาคล้าย ๆ ยานอนหลับจะมีผลต่อการตรวจหรือเปล่า
พอมาวันเสาร์ก็ให้ลูกอดนอนค่ะ นัดคุณหมอ 11 โมง แต่ลูกไม่นอนค่ะ ก็เลยเลื่อนมาเป็นบ่าย 2 ทำเสร็จ 2.45 ก็รีบไปพบคุณหมอค่ะ คุณหมอออก บ่าย 3 คุณหมอก็ตำหนิเรื่องเวลานิดหนึ่งค่ะ และอ่านผลสัก 1 นาที ก็บอกว่าปกติไม่ต้องทานยา ไว้ถ้ามีอาการอีกค่อยมาพบค่ะ ก้อยก็ไม่กล้าถามมากค่ะ ก็ถามคุณหมอว่าจริงหรอค่ะ  ;D

หา second opinion แล้วแต่ก็ยังไม่มั่นใจค่ะ สงสัยว่าตัวเองคงเป็นพวกวิตกจริตค่ะ แต่ก็คงพอก่อน และเฝ้าดูอาการลูกก่อนนะคะ เท่าที่สังเกตุลูกจะมีอาการตอนก่อนไม่สบาย และบวกกับเล่นอะไรเหนื่อย ๆ นะคะ กะว่าโตกว่านี้สักหน่อยคงให้เล่นกีฬาเยอะหน่อยค่ะ

ขอบคุณทุกคำแนะนำมากเลยนะคะ

ปล.เมื่อวันพฤหัสมีงานสายใยค่ะ ก็คอยมองหาน้องเยลลี่แล้วก็ได้เจอน้องด้วยค่ะ น้องน่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010 เวลา 01:38 น.
เข้ามาอีกทีเนื่องจากมีข้อสงสัย ไม่สบยใจจริง ๆ ค่ะ จะรบกวนพี่ๆ เพือน ๆ ช่วยด้วยนะคะ
1. ไม่เข้าใจค่ะเนื่องจากครั้งแรกทำไมน้องตรวจแล้วมีคลื่น แต่ครั้งที่ 2 พบว่าปกติ อยู่ ๆ คลื่นสามารถหายไปเองได้หรือค่ะ
2. การมีปานมีผลหรือบอกอะไรได้เกี่ยวกับโรคลมชักค่ะ
3. การทานยานอนหลับ หรือยาทำให้ซึมมีผลกับการตรวจคลื่น หรือเปล่าค่ะ ครั้งแรกที่เจอคลื่นน้องทานยานอนหลับ แต่ครั้งที่ 2 หลับธรรมชาติค่ะ
4. การตัดสินใจไม่ทานยา ควรแจ้ง อ.สรวิศ หรือเปล่าค่ะ เนื่องจาก อ. นัดปลายเดือนหน้า เกรงใจ อ.มากค่ะ แล้วถ้ากลับไปจะดูไม่เหมาะหรือเปล่าค่ะ
5. ควรจะขอผลที่ รพ.กรุงเทพ ไปให้ อ.สรวิศ ดูด้วยหรือเปล่าค่ะ การขอผลจะเป็นการเสียมารยาท กับ อ.มนตรี หรือเปล่าค่ะ
6. จำเป็นต้องทำ MRI หรือเปล่าค่ะ

ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ คำถามอาจดูวกวน แต่ก้อยก็สับสนจริง ๆ ค่ะ เนื่องจากคิดว่าการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งจะมีผลกับลูกต่อไป ก็เลยไม่อยากปล่อยผ่านนะคะ ต้องรบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ

อ่านเรื่องเด็ก ๆ แล้ว ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีค่ะ กะว่าจะทำบุญให้มาก ๆ จะสวดมนต์เผื่อน้อง ๆ ทุกคนนะคะ ปกติไม่เคยสวดมนต์เลยค่ะ ตั้งใจว่าจะสวดชินบัญชร ทำบุญก็น้อยมาก ขอให้น้องหายดีวันดีคืน กันทุกคนนะคะ ขอพลังให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ สู้ ๆ นะคะ นับถือ พ่อแม่ทุกคนในนี้จริง ๆ ค่ะ

รบกวนขอข้อมูลเรื่องการทำบุญให้ผู้ป่วยลมชักด้วยนะคะ ขอบคุณทุก ๆ ท่านค่ะ

คุณพ่อน้องเยลลี่ค่ะ น้องโฮชิอยู่ K1E ค่ะ วันนั้นเจอน้องเยลลี่ด้วย ก็เรียกน้องนะคะ แต่ไม่กล้าเรียกดังกลัวน้องตกใจค่ะใครก็ไม่รู้ โฮชิอยู่สีแดงค่ะ ไปโรงเรียนร้องไห้ทุกวัน แม่ละกลุ้ม ตอนนี้เริ่มคิดว่าจะ drop เรียนน้องไว้ก่อนดีหรือเปล่า แต่ปรึกษา อ.มนตรี ท่านก็บอกยังไงน้องก็ต้องเรียนอยู่ดี ก็เลยกะว่าจะรอดูจนจบเทอมก่อนค่ะ ถ้ามีโอกาสเจอน้องอีกจะเข้าไปคุยนะคะ 
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: chapter ที่ วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010 เวลา 05:30 น.
ขอตอบเท่าที่พอจะตอบได้ดังนี้นะครับ

1. ไม่เข้าใจค่ะเนื่องจากครั้งแรกทำไมน้องตรวจแล้วมีคลื่น แต่ครั้งที่ 2 พบว่าปกติ อยู่ ๆ คลื่นสามารถหายไปเองได้หรือค่ะ
    การตรวจคลื่นสมอง เป็นแค่การ screen ว่าช่วงที่ตรวจอยู่เจอคลื่นชักหรือไม่ ครั้งนี้เจอ ครั้งหน้าอาจจะไม่เจอก็ได้  แต่ที่สำคัญคืออยู่ที่คนอ่านผลครับว่าจะแปลอย่างไร คลื่นบางตัวหน้าตาคล้ายคลื่นชักแต่ไม่ใช่คลื่นชัก โดยเฉพาะคลื่นตอนหลับ บางครั้งหน้าตาคล้ายคลื่นชักมากแต่ที่จริงเป็นคลื่นหลับปกติ มีหมอบางคนอ่านพลาดมาเยอะ แต่ไม่ได้บอกว่าคุณหมอสรวิศอ่านพลาดนะครับ แค่จะบอกว่าคลื่นหลับบางครั้งมันหน้าตาคล้ายคลื่นชักจริงๆ ทั้งนี้นอกจากจะขึ้นกับหลักการทางทฤษฏีแล้วยังขึ้นกับประสบการณ์ของคนอ่านแต่ละคนครับ  นอกจากนี้คนปกติสามารถพบคลื่นชักได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคลมชักเสมอไปครับ คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาเองว่าเข้าข่ายโรคลมชักหรือไม่ โดยดูจากประวัติเป็นหลักครับ คลื่นสมองเป็นแค่ตัวเสริม ...ประวัติสำคัญที่สุดครับ

2. การมีปานมีผลหรือบอกอะไรได้เกี่ยวกับโรคลมชักค่ะ
    ปานผิวหนังบางชนิด จะสัมพันธ์กับโรคทางสมอง แต่คนปกติก็มีปานได้ครับ อย่ากังวลมาก..อีกนั่นแหล่ะหมอที่เค้ามีประสบการณ์ก็มักจะต้องถามคนไข้ทุกคนว่ามีปานอะไรบ้างหรือเปล่า เผื่อว่าจะสัมพันธ์กับโรคลมชักบางประเภท ถ้าคุณหมอตรวจให้แล้วบอกว่าไม่น่าจะมีอะไร ก็ไม่น่าจะมีอะไรครับ

3. การทานยานอนหลับ หรือยาทำให้ซึมมีผลกับการตรวจคลื่น หรือเปล่าค่ะ ครั้งแรกที่เจอคลื่นน้องทานยานอนหลับ แต่ครั้งที่ 2 หลับธรรมชาติค่ะ
    ยานอนหลับส่วนใหญ่จะมีผลกับคลื่นสมอง ทำให้มีคลื่นรบกวนจนบางครั้งแปลผลยาก หรือ ยาบางชนิดสามารถสร้างคลื่นหน้าตาคล้ายๆ คลื่นชักได้

4. การตัดสินใจไม่ทานยา ควรแจ้ง อ.สรวิศ หรือเปล่าค่ะ เนื่องจาก อ. นัดปลายเดือนหน้า เกรงใจ อ.มากค่ะ แล้วถ้ากลับไปจะดูไม่เหมาะหรือเปล่าค่ะ
    อันนี้ผมว่าแล้วแต่ความสบายใจของคุณแม่อ่ะครับ ลองปรึกษากับแฟนดูนะครับ

5. ควรจะขอผลที่ รพ.กรุงเทพ ไปให้ อ.สรวิศ ดูด้วยหรือเปล่าค่ะ การขอผลจะเป็นการเสียมารยาท กับ อ.มนตรี หรือเปล่าค่ะ
    น่าจะลองโทรไปแจ้งกับพยาบาลเผื่อขอผลคลื่นสมองได้ครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ที่สำคัญคือ เอาผลไปแล้ว อ.สรวิศจะเชื่อรึป่าวอ่ะครับ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ หมอบางคนก็ไม่ได้ใจกว้างเหมือนหมอคนอื่น อันนี้ก็ต้องตัดสินใจเองนะครับ

6. จำเป็นต้องทำ MRI หรือเปล่าค่ะ
     แล้วคุณหมอสรวิศ กับ คุณหมอมนตรี ท่านว่าอย่างไรอ่ะครับ ควรหรือเปล่า หรือว่ารอได้ ผมว่าคุณหมอน่าจะให้คำตอบคุณแม่ไว้แล้วมั้งครับ แต่ถ้าวิตกกังวลมากก็ทำเหอะครับ จะได้สบายใจ ค่าใช้จ่ายก็น่าจะประมาณสองหมื่นต้นๆ แล้วแต่สถานที่อ่ะครับ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010 เวลา 13:25 น.
หวัดดีครับคุณก้อย

คุณ chapter ตอบหมดแล้ว  ;D ;D ;D
งั้นเอาส่วนตัวผมละกันเท่าที่มีประสบการณ์มาครับ

1. EEG อาจเจอช่วงที่ไม่ชักขึ้นอยู่กับว่าทำนานแค่ไหนครับ ปกติทำครึ่ง ชม โอกาสเจอคลื่นอาจจะน้อยกว่าครับ

2.เรื่องปาน ตอนเยลลี่หมอก็ถามครับ มารู้ภายหลังว่ามันก็สำคัญครับ โดยเฉพาะปานสีขาวจะสัมพันธ์กับโรคทางพันธุกรรมชื่อว่า tuberous sclerosis
ซึ่งปานสีขาวเป็นหนึ่งใน criteria ครับ ซึ่งจะมีอาการของลมชักด้วย หมออธิบายว่าสมองกับผิวหนังสร้างมาพร้อมกันครับ มันจะกลายพันธ์ก็ตอนนั้น ประมาณนั้นนะครับ

http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2009/11/N8567678/N8567678.html

ลูกคนเล็กผมมีปานสีขาวครับ ตอนแรกก็แทบบ้าเลย พอไปตรวจแบบส่องไฟ woodlight และก็ทำ EEG ก็ถึงค่อยสบายใจขึ้นมาครับ เลยว่าทั้งเยลลี่กับจีบันก็เป็นเคสของหมอมนตรีเลย  :D

3.ทานยานอนหลับก็มีผลครับ ต้องให้ี่พี่น้องอธิบายครับ คราวก่อนเยลลี่ทานยาไดมีแทบให้ง่วงครับ ครั้งหน้า มกรา 54 หมอบอกว่าให้หลับธรรมชาตครับ งานหนักเลย ;D ;D

4.โรคลมชักควรรักษาต่อเนื่องโดยคุณหมอท่านใดท่านหนึ่งอะครับ เพราะแนวทางการรักษาคงไม่เหมือนกัน ทั้งการอ่านกราฟ การอ่าน MRi การเพิ่ม-ลดยา การเลือกชนิดยา
อันนี้สำคัญ ผมว่าคงต้องตัดสินว่าจะไปทางไหนอะครับ ข้อนี้ตัดสินใจยากมากๆๆๆ ก็แล้วแต่นะครับ

5.อันนี้ต้อง private พูดกลางแจ้งเดวเป็นเรื่องครับ  ;D ;D

6.ถ้าไม่ลำบาก ก็ควรทำครับ จะได้ชัวร์ไปเลยว่าสมองลูกเราปกติ ทั้งนี้ทั้งนั้น หมอต้องเป็นคนอ่านให้ฟังนะครับ ของเยลลี่ทำเสร็จหมอก็มาชี้จุดอธิบายให้ฟังครับ จบ

เอาเท่าที่ประสบการณ์ตัวเองนะครับ  ;D ;D ;D เดวไว้แวะไปหาโฮชิมั่ง
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2010 เวลา 16:32 น.

2.3 ขวบผมว่าเร็วไปอะครับเรื่องเข้าเรียน ยิ่งเรียน k1 ด้วย เรียนหนักนะครับ (ค่าเทอมก็หนัก  ;D ;D)
เยลลี่เข้าเรียนตอนประมาณ 2.8 ขวบ อะครับ โตหน่อย พอจะรู้เรื่อง
นี่เทอมสองที่ผ่านมาครูให้ซ้ำ เพราะตามเพื่อนไม่ทันครับ เพื่อนขึ้นไปเรียนชั้นสอง เหลือเยลลี่อยู่ข้างล่างคนเดียว แถมโดนลดไปอยู่ ตอ.11 อีกครับ เรียนร่วมกับเด็กเล็กสุดเลย ประมาณ 2.4 กว่าครับ
เรียกว่าเป็นพี่ใหญของ ตอ.11 เลยแหละครับ

ถ้าน้องไม่ไหวจริงๆ ผมว่า รอไปเรียนช่วง summer ก็ดีนะครับ เรียนสบายๆ ค่อยๆปรับตัว ถึงตอนนั้นน่าจะโตกว่านี้อีกหน่อย
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2011 เวลา 20:36 น.
ขอบคุณคุณ chapter และคุณหมูมากนะคะ

วันนี้ตัดสินใจได้ว่าจะขอผลที่รพ.กรุงเทพ แล้วนำไปให้คุณหมอสรวิศอ่านอีกทีค่ะ อาจจะปรึกษาเรื่องการทำ MRI. ด้วยค่ะ

กลัวคุณหมอไม่พอใจเหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องยอม

ไม่อยากปล่อยผ่านค่ะ กลัวเสียใจภายหลัง

ช่วงนี้คุณครูชอบบ่นว่าโฮชิดื้อ และซน สงสัยจริงๆ เรื่องความสัมพันธ์กับโรคลมชัก

แต่ก้อยเห็นด้วยกับคุณหมูที่ตอบไว้ที่กระทู้คุณขวัญนะคะ

ไม่รู้โรงเรียนที่เรียนอยู่เหมาะกับลูกหรือเปล่า สับสนเพราะโฮชิก็ชอบให้อ่านแนววิชาการเหมือนกันค่ะ

ตอนนี้เค้าสามารถบอกตัวอักษร อังกฤษ ไทย และตัวเลขได้เกือบหมดแล้วค่ะ เวลาอ่านนิทานก็สามารถฟังได้ต่อเนื่องหลายเรื่องนะคะ

อาจจะต้องพาไปปรึกษาหมอพัฒนาการอีกทีค่ะ

จริงๆเคยนัดหมอที่วิชัยยุทธนะคะแต่จองไป 6เดือนค่ะ ได้วันธรรมดา แถมดึกอีกไม่สะดวกกับลูก สงสัยต้องนัดใหม่แล้วค่ะ เผื่อได้คำแนะนำในการดูแลลูก

ว่าแต่คุณ chapter เป็นคุณหมอหรือเปล่าค่ะ ตอบได้ละเอียดดีจังค่ะ ขอบคุณทุกคำแนะนำอีกครั้งนะคะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2011 เวลา 04:34 น.
เข้ามา update น้องและระบายนิดนึงค่ะ สรุปไม่ได้ให้น้องทานยาใด ๆตามคำแนะนำของคุณหมอมนตรีว่าถ้ามีอาการอีกค่อยตัดสินใจอีกที

ตั้งแต่มีอาการล่าสุดก็ยังไม่เจอว่าน้องมีอาการอีกนะคะ ที่บอกว่ายังไม่เจอเพราะเวลาไม่ได้อยู่กับลูกตัวเองก็จะรู้สึกกังวล ต้องคอยสอบถามคนที่ดูน้องอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาไม่สบาย
ไม่สบายครั้งล่าสุด (เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว) ไข้ขึ้น 39 กว่าๆ ก็ยังไม่มีอาการใดๆ สาเหตุน่าจะมาจากส่าไข้รอบที่ 2

ตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นโรควิตกจริตอะคะ กลัวการไปเรียนของลูก มาจากสาเหตุการชักที่โรงเรียนของลูกคราวที่แล้ว เวลาคุณครูโทรมาจะกลัวมากค่ะ
กลัวการไม่สบาย ตอนปิดเทอมก็ไม่ได้ให้น้องเรียนเลยค่ะ อยากให้ลูกพักจากการไม่สบาย ตอนนี้ไปโรงเรียนมาแล้ว 3 วันก็ดูอาการลูกตลอด พอลูกบอกว่าเจ็บนิดหน่อยก็กังวล ถามแล้วถามอีก

ตอนนี้สับสนอะคะ ไม่อยากเลี้ยงลูกแบบ spoil เกินแต่ตัวเองจะระวังลูกตลอดมาตั้งแต่เล็กแล้วนะคะ พอน้องเคยชักยิ่งระวัง เพราะคิดเองว่าเวลาน้องเหนื่อยเกินไปกอรปกับอาการไม่สบายจะทำให้ชัก คิดว่าจะกำชับคุณครู เราก็ไม่อยากให้คุณครูดูแลแบบผิดปกติ ลูกจะมีเรียนว่ายน้ำ ก็กังวลว่าคุณครูจะดูแลได้รึเปล่า หรือจะแจ้งงดเรียนไปเลย

คุณครูลูกท้องแก่อยู่ก็คิดมากอีกว่าจะดูไหวมั้ย จะไม่ให้เรียนก็กลัวไม่ต่อเนื่องจากเทอมที่แล้วอีก

เมื่อวันศุกร์แอบดูลูก เราก็ยิ่งรู้สึกว่าการดูแลเด็กได้ทั่วถึงนี้มันยากมากเลยนะ (ขนาดห้องลูกเด็กไม่ถึง 12 คนนะคะ) โอ้ยยยกว่าลูกจะปรับตัวได้ แม่จะบ้าก่อนรึเปล่าไม่รู้ค่ะ

ไม่รู้ตัเองผิดปกติรึเปล่าคะ สับสนในตัวเองจัง
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2011 เวลา 12:24 น.
สรุปไม่ได้ให้น้องทานยาใด ๆตามคำแนะนำของคุณหมอมนตรีว่าถ้ามีอาการอีกค่อยตัดสินใจอีกที

ตั้งแต่มีอาการล่าสุดก็ยังไม่เจอว่าน้องมีอาการอีกนะคะ ที่บอกว่ายังไม่เจอเพราะเวลาไม่ได้อยู่กับลูกตัวเองก็จะรู้สึกกังวล ต้องคอยสอบถามคนที่ดูน้องอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาไม่สบาย
ไม่สบายครั้งล่าสุด (เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว) ไข้ขึ้น 39 กว่าๆ ก็ยังไม่มีอาการใดๆ สาเหตุน่าจะมาจากส่าไข้รอบที่ 2

ตอนนี้สับสนอะคะ ไม่อยากเลี้ยงลูกแบบ spoil เกินแต่ตัวเองจะระวังลูกตลอดมาตั้งแต่เล็กแล้วนะคะ พอน้องเคยชักยิ่งระวัง เพราะคิดเองว่าเวลาน้องเหนื่อยเกินไปกอรปกับอาการไม่สบายจะทำให้ชัก คิดว่าจะกำชับคุณครู เราก็ไม่อยากให้คุณครูดูแลแบบผิดปกติ ลูกจะมีเรียนว่ายน้ำ ก็กังวลว่าคุณครูจะดูแลได้รึเปล่า หรือจะแจ้งงดเรียนไปเลย


น้องโฮชิไม่ชักมานานนับเดือนแล้วทั้งที่มีไข้ไม่สบายด้วยแสดงว่าอาการดีขึ้นมาก อาจเป็นชักแบบที่หมอมนตรีบอกจริงๆก็ได้ แต่อย่างไรเพื่อความปลอดภัยก็ยังไม่น่าวางใจ คุณก้อยควรบอกครููว่าโฮชิเคยรักษาลมชักมาระยะนึงตอนนี้หยุดยาแล้วให้ครูคอยสังเกตุโฮชิเป็นพิเศษดีกว่า ยิ่งมีเรียนว่ายน้ำอาจเกิดอันตรายได้ ถ้าโฮชิเหนื่อยมากแล้วมีอาการตอนอยู่ในน้ำ ซึ่งกีฬาประเภทนี้เป็นอันตรายต่อคนเป็นลมชัก ถ้าจะเล่นต้องมีคนคอยดูอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องถึงกับห้ามเล่น ควรให้โฮชิทำอะไรได้แบบเด็กอื่นเท่าที่ทำได้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2011 เวลา 16:08 น.
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีมาตลอดนะคะพี่น้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปบอกคุณครู ถึงอาการของน้อง และกำชับให้ดูน้องเป็นพิเศษขณะเรียนว่ายน้ำค่ะ บางทีเหมือนตัวเราเองก็ไม่อยากยอมรับว่าลูกเราผิดปกตินะคะ กะว่าจะหาแผ่นพับที่เคยเก็บไว้เรื่องการปฐมพยาบาลคนที่มีอาการลมชักไปให้คุณครูอ่านด้วยค่ะ เผื่อมีประโยชน์ทั้งกับลูกเราและเด็กที่อาจเป็น

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2011 เวลา 10:18 น.
เยลลี่เทอมนี้ก็ต้องมีเรียนว่ายน้ำครับ  เมื่อเช้าก็ไปย้ำกับครูอีกรอบเรื่องโรคประจำตัวครับ
ระแวงมากไปก็เครียดอะครับ  แรกๆผมก็serious เยลลี่เคยล้มฟันโยกด้วย
อย่างเยลลี่ก็ฝากครูหัวหน้าไว้ ครูก็คอยบอกๆกันว่าเยลลี่เป็นอะไรยังไง เราก็สบายใจไปหน่อยครับ

คราวก่อนครูโทรหารี่ ตกใจนึกว่ามีเรื่องอะไร ที่แท้โทรมาถามว่าเรียน mini camp มั๊ย จะโทรมาถามทำไมเนี่ย เจอหน้ากันครูค่อยถามก็ได้ 555+

หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2011 เวลา 20:57 น.
555 คงเป็นธรรมชาติของพ่อแม่ด้วยนะคะ เทอมที่แล้วครูก็โทรมาบอกโฮชิว่าเดินแล้วสดุดล้มเขียวนิดหน่อย คุณแม่จิตตกถามใหญ่ว่าเป็นอะไรมากมั้ย กลับมาเขียวแค่นิดหน่อยเอง หม่าม๊าตกใจหนักกว่าลูกอีก
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2011 เวลา 00:59 น.
เข้ามาหาที่พึ่งค่ะ ขอระบายหน่อย โฮชิปิดเทอมมา 2 เดือนไม่มีอาการป่วยไข้ใดๆ แต่พอเปิดเทอมมาได้แค่ 8 วัน อาการหวัดเริ่มมาเยือนแล้วค่ะ ทำไมเร็วจัง เทอมที่แล้ว เรียนครึ่งหยุดครึ่ง แถมด้วยไปชักที่โรงเรียน ลูกไม่สบายทีคุณแม่เหนื่อยมากกเลยค่ะ เหนื่อยเนี่ยไม่เท่าไร แต่เห็นลูกทรมานแล้วใจคนเป็นพ่อแม่ อยากเป็นแทนลูกทุกครั้ง ตอนนี้ก้อยก็ขอพักจากงานประจำแล้วค่ะ อยากจะเต็มที่กับลูกสักหน่อยค่ะ แต่ก็ยังต้องช่วยงานที่บ้านนะคะ แต่ถ้าลูกไม่สบาย ตัวเองจะได้ไม่ต้องพะวงและเครียดกับงานประจำ เวลาลูกไม่สบายแม่ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ

ขอให้ลูกแข็งแรง หายเร็วๆนะค๊าบ ประโยคนี้โฮชิจะพูดตอนไหว้พระค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2011 เวลา 01:13 น.
เปิดเทอมไป รร. เจอเพื่อนเยอะเลยไม่สบายเอาง่ายๆ ไม่รู้เป็นไงเด็กที่เป็นลมชักเป็นหวัดง่ายจริงๆ เรื่องงานเป็นเรื่องที่ต้องเลือกถ้าไม่ใช่ความจำเป็น เป็นกำลังสำคัญของครอบครัวอาจต้องหยุดกันบ้าง ไม่งั้นไม่มีเวลามาดูแลลูก

ขอให้น้องโฮชิแข็งแรง หายป่วยเร็วๆ ช่วยอธิษฐานค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: jelly ที่ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 13:06 น.
เทอมนี้มีเรียนว่ายน้ำมั๊ยครับ เยลลี่เทอมนี้ต้องเริ่มเรียนว่ายน้ำที่ รร แล้วด้วย ผมก็หวั่นๆเหมือนกันครับ
วันก่อนก็เพิ่งย้ำกับครูเรื่องว่ายน้ำกับลมชักครับ

โฮชิสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 20:55 น.
มีค่ะคุณหมู ก้อยกลัวมากเลย เพราะจริงๆเทอมที่แล้วก็มีค่ะ แต่อากาศหนาวแปลกๆ ก็เลยงดหลายครั้ง พอเริ่มให้เรียนกลับเป็นวันที่ลูกชัก คุณครูบอกมี นร.เรียนแค่ 3 คน โฮชิยังลื่นล้มเลยค่ะ โฮชิซนมากด้วยค่ะ ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วง วันจันทร์หน้าจะเริ่มเรียนวันแรกไม่รู้จะหายทันหรือเปล่าค่ะ

บอกตรงๆนะคะ ปกติไม่ไว้ใจใครเลยเวลาลูกอยู่ในน้ำ แม้แต่คุณพ่อก็เถอะค่ะ เวลาอาโกพาไปว่ายน้ำกับอาม่าเรายังกังวลเลยค่ะ เวลาอาบน้ำให้ลูกในอ่างยังไม่เคยละสายตาเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: NONG ที่ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:02 น.
ให้ระวัง ไม่ใช่วิตกจริตนะคะคุณก้อย 8)
หัวข้อ: Re: ลูกเป็นลมชัก ขอคำปรึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Nonglak kulwaikowit ที่ วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:09 น.
ค่ะพี่น้อง

พยายามอยู่ค่ะพี่ :'(