แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
สนทนาได้ความรู้ => แชร์ประสบการณ์โรคลมชัก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kae ที่ วันจันทร์ที่ 05 ธันวาคม 2016 เวลา 19:49 น.
-
คุณแม่อายุ 66 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และความดันสูง
เมื่อปลายปี 58 มีอยู่วันหนึ่ง ท่านทานข้าวเย็นเสร็จ ทานยาเบาหวานความดัน เรียบร้อย เสร็จแล้วเดินไปอีกห้องหนึ่ง ช่วงนั้นท่านตกใจบอกเหมือนมีอะไรวิ่งจากปลายเท้าวูบไปจนถึงศรีษะ แล้วก็ตกใจเรียกหาคนช่วย ขอน้ำหวานหน่อย ท่านคิดว่าน้ำตาลต่ำ เพราะเป็นบ่อย แต่ก็แอบสงสัยว่า เพิ่งทานข้าวเสร็จ น้ำตาลจะต่ำได้ยังไง
เมื่อทานน้ำหวานเสร็จท่านดีขึ้น แต่จะจำเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ได้ ว่าทานข้าวไปยัง ทานกับอะไร ยังไง เหมือนความจำก่อนเกิดเหตุการณ์หายไป แต่พอผ่านไปสัก 1-2 ชม ก็เป็นปกติ
หลังๆท่านเป็นบ่อย มีทั้งแบบสะดุ้งแล้วความทรงจำหายไปแบบเบลอๆ กับแบบสะดุ้งเฉยๆ แต่ยังจำความต่อเนื่องได้ แต่ทุกครั้งจะเหนื่อยหัวใจเต้นเร็ว เป็นวันละ 3-4 ครั้ง ส่วนมากจะเป็นตอนหลับและตอนเช้า
พาหาคุณหมอ หลายครั้ง คุณหมอลดยาเบาหวาน เรื่อยๆ จนเหลือแต่ยาเบาหวานหลังอาหาร แต่ก็ยังมีอาการอีก จนต้องแอดมิท ขณะนอน รพ คุณหมอ งดยาเบาหวานหมดทุกตัว เจาะน้ำตาลทุก 4 ชม น้ำตาลไม่เคยต่ำเลย แต่คุณแม่มีอาการสะดุ้งตกใจขณะนอนหลับใน รพ ทั้ง 2 คืน พยาบาลมาเจาะน้ำตาล ก็ไม่ต่ำ คุณหมอฟันธงว่าคุณแม่เป็น panic ให้ยาต้านเศร้ามาทาน
ผ่านไป3 เดือน ก็ไม่ดีขึ้น จนต้องพาไปพบจิตแพทย์ จิตแพทย์ให้ sertraline มาทาน จากเดือนที่ 1 ครั้งละ 1 เม็ด จนถึงเดือนที่ 3 เพิ่มเป็น 3 เม็ด อาการ ก็ยังไม่ดีขึ้น จนคนรอบข้างคิดว่าคุณแม่เริ่มเป็นอัลไซเมอร์แบบรวดเร็ว จนพากลับไปหาจิตแพทย์ใหม่ คุณหมอซักประวัติอย่างละเอียดอีกที สงสัยว่าจะเป็นลมชัก
ผมหาข้อมูล เลยพาคุณแม่ไปตรวจรพ เอกชน ที่มีตรวจคลื่นสมอง กับ mri สมอง ผลปรากฎว่าคลื่นสมองไม่เจอลมชัก mri ไม่มีอะไรผิดปกติ มีแต่สมองฝ่อไปตามอายุ
คุณหมอบอกว่าอาการคล้ายลมชัก 80% ให้ยามาทาน
เดือนที่ 1 depakine 500 mg 1 เม็ดก่อนนอน
เดือนที่ 2 เพิ่ม depakine ตอนเช้าอีก 1 เม็ด ก่อนนอน 1 เม็ด ขณะนี้เพิ่งเริ่มทานยาลมชักไปได้ 1 เดือนครึ่ง
สรุปอาการตอนนี้และมีคำถามดังนี้คือ
1. มีอาการดีขึ้น อาการสะดุ้งแบบความทรงจำหายไป ไม่มีแล้วหลังเริ่มยา 2 เม็ด
2 อาการสะดุ้งแบบตกใจ แต่จำความได้ มีอยู่วันละ 2-3 หน ท่านบอกว่าเหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในหัว พอดมยาดม ก็ดีขึ้น ส่วนมากจะเป็นตอนนอนและตอนเช้า
3 เริ่มจับอาการกระตุ้น จากท่านได้ ท่านบอกว่าเดี่ยวนี้ดูโทรทัศน์นานๆ ไม่ได้ จะเกิดอาการ และเล่นมือถือนานๆ ไม่ได้ น่าจะเกิดจากแสงวับๆ ทำให้เกิดอาการ และ ทานน้ำเย็นๆ จัดๆ ที่มีน้ำแข็ง ก็จะเกิดอาการ
4 การทานยาลมชัก ตัองใช้เวลานานเท่าไหร่ครับ กว่าจะคุมอาการได้ ตอนนี้คุณแม่ทาน depakine ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ คุณหมอนัดเดือนละครั้ง
5 ช่วงนี้สภาพจิตใจ ท่านไม่ค่อยดี น่าจะเกิดจากความกลัวว่าจะเกิดอาการและความกังวล โทรทัศน์ก็ดูไม่ได้ พาไปไหนก็จะเกิดความกลัว
6 ผลข้างเคียงจากยามีอะไรบ้างครับ และควรรับมือยังไง
7 อาการลมชักคุณแม่ ไม่ชัดเจน กว่าจะวินิจฉัยได้ ใช้ระยะเวลาข้ามปี คุณแม่ไม่เคยชักเกร็ง ไม่เคยหมดสติ มีอาการคล้ายคนน้ำตาลต่ำ กับคนเป็น panic
ไม่ทราบว่าท่านใดมีญาติผู้ใหญ่ มีอาการแบบคุณแม่ของผม เชิญแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เลยนะครับ และท่านใดมีข้อเสนอแนะใดๆ ยินดีรับฟังคำแนะนำครับ
ขอบคุณครับ
-
4 การทานยาลมชัก ตัองใช้เวลานานเท่าไหร่ครับ กว่าจะคุมอาการได้ ตอนนี้คุณแม่ทาน depakine ยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ คุณหมอนัดเดือนละครั้ง
-อย่างน้อย 2 ปีนับจากอาการครั้งสุดท้าย มีการตรวจ eeg และต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นเคสๆ ไปค่ะ
5 ช่วงนี้สภาพจิตใจ ท่านไม่ค่อยดี น่าจะเกิดจากความกลัวว่าจะเกิดอาการและความกังวล โทรทัศน์ก็ดูไม่ได้ พาไปไหนก็จะเกิดความกลัว
-เป็นปกติของคนไข้ลมชักค่ะ ความเครียด ระบบต่างๆรวน reflex ที่เกิดขึ้นจากยา/อาการ สารเคมีในสมองแปรปรวนง่าย
ตรงนี้สามารถแก้ไข้ให้เบาลงโดยเสริม เรื่องself-esteem (สารพัด self นะค่ะ ) ช่วยเรื่องจิตใจ /กิจกรรมบำบัด พาไปข้างนอก แก้ไขระบบ reflex ออกกำลังกายแบบโยคะในผป.สูงอายุรวมถึงการใช้ยาจิตเวชเข้าช่วย ปัจจุบันต่ายก็ใช้ยาจิตเวชแล้วค่ะ สมัยก่อนไม่มีการเน้นเรื่องนี้ ทำให้ผป.ลมชักมีคุณภาพชีวิตแย่มาก เพราะรอบๆข้างไม่เข้าใจถึงผลข้างเคียง
6 ผลข้างเคียงจากยามีอะไรบ้างครับ และควรรับมือยังไง
-เป็นรายๆค่ะ ไม่เหมือนกัน
7 อาการลมชักคุณแม่ ไม่ชัดเจน กว่าจะวินิจฉัยได้ ใช้ระยะเวลาข้ามปี คุณแม่ไม่เคยชักเกร็ง ไม่เคยหมดสติ มีอาการคล้ายคนน้ำตาลต่ำ กับคนเป็น panic
-ใช่ค่ะ อาการลมชักบางอย่าง คล้าย panicค่ะ ต้องมีการตรวจ eeg เพื่อยืนยัน
ที่อ่านอาการที่คล้ายลมชัก ก็มี
แต่จะจำเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ได้ มีทั้งแบบสะดุ้งแล้วความทรงจำหายไปแบบเบลอๆ กับแบบสะดุ้งเฉยๆ แต่ยังจำความต่อเนื่องได้ แต่ทุกครั้งจะเหนื่อยหัวใจเต้นเร็ว ท่านบอกว่าเหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในหัว ท่านบอกว่าเดี่ยวนี้ดูโทรทัศน์นานๆ ไม่ได้ จะเกิดอาการ และเล่นมือถือนานๆ ไม่ได้ น่าจะเกิดจากแสงวับๆ ทำให้เกิดอาการ
-
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ผมพาปรึกษาคุณหมออายุกรรมประสาท 2 รพ แล้ว ท่านมีความเห็นว่า ยาความดันที่คุณแม่ได้รับมากเกินไป และยาบางตัวมีผลต่อโรคลมชัก
คุณหมออายุรกรรมที่ดูแลความดัน ปรับยาความดันให้ใหม่แล้ว
อาการลมชักเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่ยา depakine เช้า เย็น ครั้งละ 1 เม็ด มีผลต่อผู้สูงอายุมากครับ จนถึงขั้นแอดมิทเลย เกลือแร่ต่ำ เม็ดเลือดขาวสูง มีไข้ ไม่มีแรง เดินล้ม นอน รพ ไปหลายคืน
ปรับลดยา depakine เหลือเย็น วันละ1 เม็ด ตอนนี้ก็ยังคุมลมขักได้อยู่
หวังว่าข้อมูลของผมมีประโยชน์แก่ผู้ป่วยลมชักในผู้สูงอายุนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ขอให้ทุกท่านและญาติๆ ที่เป็นลมขัก หายปกติทุกคนนะครับ