Forum > การรักษาทางเลือก
ชีวะโมเลกุล กับประสบการณ์น้ำตาตก ภายใน 14 วัน
Thanks-Epi:
หลักการรักษา คือ ใช้การตรวจเครื่องแล้ว จ่ายยา เท่านั้นเอง ไม่มีการซักถามอาการโดยละเอียด(ถามแต่ชื่อโรค) ลักษณะรักษาแบบยาครอบจักรวาล
เครื่องอะไร(ราคาตรวจ 5000พัน)? ทำไมดีจริง ไม่มี รพ.ไหน ซื้อไว้ตรวจคนไข้ (สามารถตรวจความบกพร่องได้ทั้งร่างกายแบบคร่าวๆ)
นี่เป็นภาพบัตร (หน้าบัตร จะมีเขียนว่า โครงการ ) ยืนยันว่าต่ายพาลูกไปจริงๆ และค่าเครื่องจาก 5000 เหลือเพียง 500 บาท (ตรงนี้ ใครจะตรวจก็ได้ ไม่ตรวจก็ได้)
Thanks-Epi:
จากคำบอกเล่าของหมอพัฒนาการท่านนึงเกี่ยวกับชีวะโมเลกุล (หมอพูดถึงคนไข้ออทิสติก)
-หมอเคยเจอะหลายรายแล้ว ไม่ทราบว่า ทำไมต้านกับยาของแพทย์ปัจจุบัน
-ไม่ได้ผลจริง คนไข้อาการเหมือนเดิม
-คนที่บอกว่าได้ผล หมอเห็นไม่ชัดเจนว่าได้ผลตาม ผปค.บอก เหมือนมาจากกำลังใจ อาจจะฝึกได้บ่อยขึ้น /บรรยากาศในบ้านดีขึ้น เครียดน้อยลง เพราะคนที่ไป มักไปด้วยแรงศรัทธาว่า ได้ผลจริงๆ
(ลักษณะเดียวกับ คนที่ต่ายติดต่อไปว่าลูกเขาอาการดีขึ้น)
ส่วนลูกต่าย เท่าที่ดู ตอนนี้อาการกลับมาเกือบปกติแล้ว แต่การฝึกต่างๆ เหมือนแทบจะเริ่มกันใหม่( เพราะหยุดฝึกไปนาน ) ทำให้ไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก (แต่ก็ดีกว่าช่วงหยอดชีวะโมเลกุลมาก)
ประกอบกับช่วงเปิดเทอม (ยานอก) -ปิดเทอม (ยาใน) ต่ายให้ยาไม่เหมือนกันค่ะ จึงสังเกตุและสรุปได้ยาก
แต่แน่ๆ เลย ไม่มีข้อไหนที่ดีขึ้นเลยค่ะ (ลูกต่ายดีขึ้นมาเพราะแม่ฝึกและให้ทำแบบฝึกหัดค่ะ) ไม่ใช่จากชีวะโมเลกุลแน่นอน
maimomnamo:
ขอบคุณคุณต่ายมากๆค่ะ ที่บ้านกำลังจะให้ไปหาอยู่เลยค่ะ
Thanks-Epi:
ขอเพิ่มหน่อยนะค่ะ จากการที่รักษาลูกมานานราว 1 ปีกว่า และสังเกตุหลายๆอย่างจากการไปพบแพทย์ / บรรยาการผปค.หน้าห้องฝึกต่างๆ
ผปค.ที่มีรายได้ค่อนข้างดี มักไม่ค่อยใส่ใจลูก สังเกตุลูก (ไม่ได้ต่อว่ากันนะค่ะ แต่เนื่องจากต่ายมีความเห็นว่าเกี่ยวกับรักษาชีวโมเลกุล)
...ใส่ใจ ต้องคู่กับเอาใจใส่ เอาใจลูกมาใส่ใจเรา
ซึ่งค่อนข้างตรงกับคำหมอว่า บอกว่า ได้ผลดี (แต่เป็นเพียงอาจจะมาจากบรรยากาศที่เครียดน้อยลง ) และรายงานไม่ได้ว่าดีอย่างไร
การสังเกตุอาการใช้เวลากันแทบทุก"นาที" ซึ่งผปค.ที่รายได้มากๆ มักไม่ค่อยมีเวลาตรงนี้ เนื่องจากทำงานหาเงินเป็นหลัก
หลังจากหยุดชีวโมเลกุลและไปเริ่มฝึกกันใหม่ เปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์ที่ลูกควรจะฝึก ตอนนี้ลูกต่ายดีขึ้นมาก ดูกลมกลืนกับเด็กรุ่นต่ำกว่า (ซ้ำชั้น 1 ปี)
เริ่มเข้ากับเด็กเฮี้ยวๆ ได้พอบ้างแล้ว /เข้ากลุ่มใหญ่หลายคนยัง งงๆ อยู่
(รายละเอียดตรงนี้ค่อนข้างเยอะนะค่ะ เขียนได้แค่คร่าวๆ)
-----และไม่ต้องป้อนยาเมื่อไม่ได้ไปรร.แล้ว----ป้อนบางสถานการณ์ที่ต้องการความนิ่งเท่านั้น เช่น ไป รร. /ตัดผม/ฝึกพูด----
ทั้งๆที่แม่ยังต้องทำงานและเป็นลมชัก :) (หวาดเสียวมากเลยค่ะเวลาพาลูกไปข้างนอก แล้วลืมทานยาลมชัก) :)
ทำให้การฝึกไม่ได้เต็มที่เต็มเวลา อีกทั้งเด็กเรียนแล้ว การบ้านก็เยอะ (ถือว่าฝึกน้อยนะค่ะ ไม่ตรงตามตารางที่กำหนด)
การมีเงินมากๆ ไม่ได้ทำให้ลูกต่ายดีขึ้นเลย แต่การมีเวลาให้ลูกมากๆ กับทำให้ลูกต่ายดีขึ้น
ไม่ว่าเด็กจะเป็นอะไร พิเศษ หรือป่วย ก็ล้วนใช้แนวทางเดียวกัน คือต้องพิเศษตามคำที่เรียก
ลูกต่ายเป็น พีดีดี หรือ ออทิสติกสเปคตรัมค่ะ สมาธิสั้นมีเพียงเล็กน้อย (อาจจะเป็นสมาธิสั้นเทียมหรือเปล่าไม่ทราบ) เพราะอาการสมาธิสั้นหายไปได้จากการไปออกกำลังกายช่วงปิดเทอม (แม่ต้องพก frisium เพิ่มไปค่ะ กันน๊อค เพราะต้องทานชาโออิชิทุกวัน มีคาเฟอีน ไม่งั้นแทบสลบ)
อาการซนต่างๆ ที่คล้ายสมาธิสั้นเป็นการหาทางออกให้ตัวเองของเด็กอย่างนึง
สำหรับผปค.ที่บ่นว่าลูกซน การซนมีหลายแบบ แต่ละแบบความหมายต่างกันไป (ขอให้สังเกตุและหาข้อมูลเพื่อตีความหมายนะค่ะ)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version