Forum > การรักษาทางเลือก

ชีวะโมเลกุล กับประสบการณ์น้ำตาตก ภายใน 14 วัน

<< < (2/2)

Thanks-Epi:
           หลักการรักษา คือ ใช้การตรวจเครื่องแล้ว จ่ายยา เท่านั้นเอง ไม่มีการซักถามอาการโดยละเอียด(ถามแต่ชื่อโรค)  ลักษณะรักษาแบบยาครอบจักรวาล

เครื่องอะไร(ราคาตรวจ 5000พัน)?     ทำไมดีจริง ไม่มี รพ.ไหน ซื้อไว้ตรวจคนไข้ (สามารถตรวจความบกพร่องได้ทั้งร่างกายแบบคร่าวๆ)

นี่เป็นภาพบัตร (หน้าบัตร จะมีเขียนว่า โครงการ )  ยืนยันว่าต่ายพาลูกไปจริงๆ  และค่าเครื่องจาก 5000 เหลือเพียง 500 บาท (ตรงนี้ ใครจะตรวจก็ได้ ไม่ตรวจก็ได้)

Thanks-Epi:
จากคำบอกเล่าของหมอพัฒนาการท่านนึงเกี่ยวกับชีวะโมเลกุล (หมอพูดถึงคนไข้ออทิสติก)

-หมอเคยเจอะหลายรายแล้ว ไม่ทราบว่า ทำไมต้านกับยาของแพทย์ปัจจุบัน

-ไม่ได้ผลจริง คนไข้อาการเหมือนเดิม

-คนที่บอกว่าได้ผล หมอเห็นไม่ชัดเจนว่าได้ผลตาม  ผปค.บอก เหมือนมาจากกำลังใจ อาจจะฝึกได้บ่อยขึ้น /บรรยากาศในบ้านดีขึ้น เครียดน้อยลง  เพราะคนที่ไป มักไปด้วยแรงศรัทธาว่า ได้ผลจริงๆ
(ลักษณะเดียวกับ คนที่ต่ายติดต่อไปว่าลูกเขาอาการดีขึ้น)


ส่วนลูกต่าย เท่าที่ดู ตอนนี้อาการกลับมาเกือบปกติแล้ว     แต่การฝึกต่างๆ เหมือนแทบจะเริ่มกันใหม่( เพราะหยุดฝึกไปนาน ) ทำให้ไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก    (แต่ก็ดีกว่าช่วงหยอดชีวะโมเลกุลมาก)
 
ประกอบกับช่วงเปิดเทอม (ยานอก) -ปิดเทอม (ยาใน)  ต่ายให้ยาไม่เหมือนกันค่ะ จึงสังเกตุและสรุปได้ยาก
แต่แน่ๆ เลย ไม่มีข้อไหนที่ดีขึ้นเลยค่ะ (ลูกต่ายดีขึ้นมาเพราะแม่ฝึกและให้ทำแบบฝึกหัดค่ะ) ไม่ใช่จากชีวะโมเลกุลแน่นอน

maimomnamo:
ขอบคุณคุณต่ายมากๆค่ะ ที่บ้านกำลังจะให้ไปหาอยู่เลยค่ะ

Thanks-Epi:
ขอเพิ่มหน่อยนะค่ะ จากการที่รักษาลูกมานานราว 1 ปีกว่า และสังเกตุหลายๆอย่างจากการไปพบแพทย์ / บรรยาการผปค.หน้าห้องฝึกต่างๆ
ผปค.ที่มีรายได้ค่อนข้างดี  มักไม่ค่อยใส่ใจลูก สังเกตุลูก (ไม่ได้ต่อว่ากันนะค่ะ แต่เนื่องจากต่ายมีความเห็นว่าเกี่ยวกับรักษาชีวโมเลกุล)
...ใส่ใจ ต้องคู่กับเอาใจใส่  เอาใจลูกมาใส่ใจเรา 

ซึ่งค่อนข้างตรงกับคำหมอว่า บอกว่า ได้ผลดี (แต่เป็นเพียงอาจจะมาจากบรรยากาศที่เครียดน้อยลง ) และรายงานไม่ได้ว่าดีอย่างไร 

การสังเกตุอาการใช้เวลากันแทบทุก"นาที" ซึ่งผปค.ที่รายได้มากๆ มักไม่ค่อยมีเวลาตรงนี้ เนื่องจากทำงานหาเงินเป็นหลัก

หลังจากหยุดชีวโมเลกุลและไปเริ่มฝึกกันใหม่ เปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์ที่ลูกควรจะฝึก ตอนนี้ลูกต่ายดีขึ้นมาก ดูกลมกลืนกับเด็กรุ่นต่ำกว่า (ซ้ำชั้น 1 ปี) 
เริ่มเข้ากับเด็กเฮี้ยวๆ ได้พอบ้างแล้ว /เข้ากลุ่มใหญ่หลายคนยัง งงๆ อยู่
(รายละเอียดตรงนี้ค่อนข้างเยอะนะค่ะ เขียนได้แค่คร่าวๆ)
-----และไม่ต้องป้อนยาเมื่อไม่ได้ไปรร.แล้ว----ป้อนบางสถานการณ์ที่ต้องการความนิ่งเท่านั้น เช่น ไป รร. /ตัดผม/ฝึกพูด----

ทั้งๆที่แม่ยังต้องทำงานและเป็นลมชัก   :) (หวาดเสียวมากเลยค่ะเวลาพาลูกไปข้างนอก แล้วลืมทานยาลมชัก)  :)

ทำให้การฝึกไม่ได้เต็มที่เต็มเวลา อีกทั้งเด็กเรียนแล้ว การบ้านก็เยอะ (ถือว่าฝึกน้อยนะค่ะ ไม่ตรงตามตารางที่กำหนด)

การมีเงินมากๆ ไม่ได้ทำให้ลูกต่ายดีขึ้นเลย แต่การมีเวลาให้ลูกมากๆ กับทำให้ลูกต่ายดีขึ้น

ไม่ว่าเด็กจะเป็นอะไร พิเศษ หรือป่วย ก็ล้วนใช้แนวทางเดียวกัน คือต้องพิเศษตามคำที่เรียก

ลูกต่ายเป็น พีดีดี หรือ ออทิสติกสเปคตรัมค่ะ สมาธิสั้นมีเพียงเล็กน้อย (อาจจะเป็นสมาธิสั้นเทียมหรือเปล่าไม่ทราบ) เพราะอาการสมาธิสั้นหายไปได้จากการไปออกกำลังกายช่วงปิดเทอม (แม่ต้องพก frisium เพิ่มไปค่ะ กันน๊อค เพราะต้องทานชาโออิชิทุกวัน มีคาเฟอีน ไม่งั้นแทบสลบ)

อาการซนต่างๆ ที่คล้ายสมาธิสั้นเป็นการหาทางออกให้ตัวเองของเด็กอย่างนึง

สำหรับผปค.ที่บ่นว่าลูกซน  การซนมีหลายแบบ แต่ละแบบความหมายต่างกันไป  (ขอให้สังเกตุและหาข้อมูลเพื่อตีความหมายนะค่ะ)

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version