เพราะเราไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา จึงไม่แน่ใจว่าลูกอาจจำหรือติดนิสัยโกหกมาจากที่ไหนบ้าง คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงปวดหัวเป็นแน่ หากพบว่าลูกเริ่มมีพฤติกรรมเริ่มโกหก วันนี้ มีวิธีสอนเจ๋ง ๆ มาฝากกันค่ะ
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกอยู่เสมอ
เพื่อลูกจะมั่นใจในความรัก และความหวังดีของพ่อแม่ หากลูกได้กระทำผิด หรือ ทำสิ่งไม่ดีลงไป ลูกจะได้กล้าปรึกษาพ่อแม่ เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดผลเสียร้ายแรงตามมา
ละอารมณ์โมโห หรือตำหนิตัวตนของลูก
เมื่อลูกหลงทำความผิด แต่ควรจัดการเฉพาะพฤติกรรมที่ผิดเท่านั้น ใช้เหตุผลพูดคุยกัน เพื่อที่ลูกจะได้กล้ายอมรับในสิ่งที่ได้ทำไป ควรชื่นชมที่ลูกกล้าสารภาพผิดและแนะนำว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป เพราะการที่ลูกถูกตำหนิ และตราหน้าอยู่เรื่อยๆว่าเป็นเด็กไม่ดี จะทำลายความรู้สึกดีที่ลูกมีต่อตนเอง ยิ่งอาจทำให้ลูกมีพฤติกรรมชอบโกหกอย่างรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ให้ความไว้วางใจ
ไม่จับผิดหรือระแวงลูกมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ เช่น บางครั้ง ลูกกลับบ้านดึก แม่ก็คอยซักถาม จับผิดว่าลูกไปไหน ไปทำอะไร ซึ่งบางทีลูกอาจจะแค่ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน แต่การที่พ่อแม่ซักถามเหมือนไม่ไว้ใจลูก และไต่สวนเหมือนเป็นผู้กระทำความผิด เด็กก็อาจจะใช้วิธีการโกหก เพื่อให้พ่อแม่หยุดซักถามหรือเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการโกหก
หลีกเลี่ยงการลงโทษที่รุนแรง
เมื่อลูกทำผิดหรือจับโกหกได้ เพราะการลงโทษเป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุ ยังมีทางออกที่ดีกว่าวิธีการลงโทษคือ การพูดจาเพื่อทำความเข้าใจถึงเหตุผลบางประการของลูกซึ่งพ่อแม่ต้องมีอารมณ์ ที่สงบเพื่อจะรับฟังลูกอย่างจริงใจ
เป็นแบบอย่างที่ดี
ไม่พูดโกหกให้ลูกเห็น เพราะลูกอาจเลียนแบบจนติดเป็นนิสัย เข้าใจผิดว่าการโกหกเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้
พยายามสังเกตว่าลูกมีอาการป่วยทางจิต
เช่น โรคซึมเศร้า ความบกพร่องทางสติปัญญา หรือมีปัญหาเรื่องภาษาหรือไม่ เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้อาจโกหกโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะพวกเขาป่วย หากสงสัยว่าลูกมีภาวะดังกล่าวควรพามาพบจิตแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และรักษาอย่างเหมาะสม
ที่สำคัญ อย่าลืมให้เวลากับลูกมากๆนะคะ เพราะเด็กต้องการความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว เสมอค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : guru.thaibizcenter