เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: "โชคดี" เขียนโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก  (อ่าน 4499 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
"โชคดี" เขียนโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
« เมื่อ: วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2013 เวลา 10:47 น. »
หนังสือ "โชคดี"
เขียนโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

?ไม่ว่าเราจะเกิดมาในตระกูลดี มีฐานะร่ำรวยขนาดไหน
พ่อแม่พี่น้องทุ่มเทความรักความเมตตา
ให้เรามากขนาดไหน
ไม่ว่าเราจะมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์
กำลังสติปัญญามากเพียงไรก็ตาม

ชีวิตทุกชีวิต ย่อมต้องมีอุปสรรค
ที่ทำให้เราต้องเจ็บกาย เจ็บใจอยู่ไม่มากก็น้อย

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราต้องสร้างกำลังใจ
ให้หนักแน่น ให้พร้อม
ถ้าเราประมาทชีวิตก็จะพังทลายได้ง่าย ๆ
อย่างที่เราก็มองเห็นกันอยู่บ่อย ๆ
เมื่อผิดหวังในชีวิตแล้วทำใจไม่ได้
ทุกข์ทรมานใจจนถึงกับฆ่าตัวตายก็มี?


?ถ้าเราเปิดตา เปิดใจกว้างแล้ว เราก็จะเห็นว่า
โลกนี้มีคำสอนดี ๆ ที่มีคุณค่ามากมาย
เราสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ชีวิตคนอื่น
คำสอนต่าง ๆ จากนักปราชญ์
นักบุญ ครูบาอาจารย์ มีมาตั้งแต่โบราณกาล
มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
จากฮีบรู อาหรับ จีน ทิเบต อินเดีย ฯลฯ

คำสอนต่าง ๆ มีความเป็นสากล
ที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต
เมื่อเกิดทุกข์ มีปัญหาชีวิต กุญแจหรือเคล็ดลับ
ที่จะไขปัญหาก็มีอยู่เสมอ
เมื่อมีทุกข์เปรียบเหมือนเราตกลงจากที่สูงแต่ถ้ามีปัญญา ก็เหมือนว่าเรามีลวดสปริงติดอยู่ที่เท้า
พร้อมที่จะกระโดดหนีขึ้นมาได้ทันที
เมื่อตกลงไปข้างล่าง
พาตัวเองก้าวพ้นจากอุปสรรค
พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ
หากมีปัญญาแล้ว ไม่ว่าจะมีทุกข์ มีวิกฤตในชีวิต
ก็สามารถหาทางออกได้ในทุกสถานการณ์?
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: "โชคดี" เขียนโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2013 เวลา 10:51 น. »
หนังสือ ภาษาญี่ปุ่นเล่มหนึ่ง เล่าถึงประสบการณ์จริง
ของชีวิตนักศึกษาชายคนหนึ่ง สมมติให้ชื่อว่า "โกโบริ" ก็แล้วกัน

โกโบริเดินทางไปเที่ยวประเทศอิสราเอล ในช่วงใกล้คริสตร์มาส ซึ่งเป็นฤดูหนาว
และเป็นช่วงเวลาที่เกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิรัก
ซึ่งส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวในประเทศอิสราเอล
โกโบริไม่ได้จองโรงแรมไว้ล่วงหน้า

เมื่อมาถึงเมืองไฮฟา ( Haifa ) ซึ่งแม้จะเป็นเมืองท่าใหญ่ที่สุด ทางตอนเหนือของอิสราเอล
แต่ก็ไม่มีโรงแรมเปิดให้บริการเลย

เขาพยายามหาโรงแรมที่จะพักค้างคืน แต่จนเกือบ ๓ ทุ่มแล้วก็ยังหาไม่ได้
ยิ่งค่ำมืด อากาศก็ยิ่งหนาวจัด ไฟตามถนนก็ค่อยๆ ดับไปๆ
เขารู้สึกหดหู่ และเหนื่อยมากจนรู้สึกเหมือนกับไม่ไหวแล้ว

ก็พอดีมีผู้หญิงชาวยิววัยกลางคนคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณเดียวกับคุณป้าของเขา
หญิงคนนั้นหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เดินเข้ามาทักเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า
คุณเป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายหรือเปล่า เพราะหน้าซีดมาก

โกโบริจึงบอกกับหญิงชาวยิวว่า เขาเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากญี่ปุ่น
กำลังหาโรงแรมที่จะพักคืนนี้ แต่ยังหาไม่ได้

หญิงชาวยิวก็บอกกับเขาว่า ถ้าหาที่พักไม่ได้ ก็ให้มาพักที่บ้านของเธอก็ได้
พร้อมกับให้ที่อยู่ และเขียนแผนที่ทางไปบ้านไว้ให้

โกโบริรู้สึกทั้งแปลกใจทั้งตกใจ

เพราะไม่น่าเชื่อว่า จะมีใครอนุญาตให้คนแปลกหน้า
และเป็นชาวต่างชาติ ไปพักค้างแรมที่บ้านของตน
ถ้าเป็นในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม โกโบริตอบขอบคุณหญิงชาวยิว แต่ก็ยังจะลองพยายามหาโรงแรมดูก่อน

จนในที่สุด เมื่อไม่สามารถหาโรงแรมได้ เขาจึงไปหาหญิงชาวยิวตามที่อยู่ที่เธอให้ไว้
พอไปถึง มองเห็นบ้านไม่มีหน้าต่าง เหมือนโลงศพ มีหญ้าขึ้นปกคลุมรก
เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัว

แต่ก็ต้องทำใจกล้าหาญเดินเข้าไป ทันทีที่กดกริ่งเรียก
หญิงชาวยิวก็เปิดประตูเหมือนกับว่า กำลังรอใครอยู่แล้ว
เธอเชิญโกโบริเข้าไปในบ้าน บนโต๊ะอาหารมีซุปร้อนๆ วางอยู่ ๒ ชุด
เธออยู่คนเดียว
แต่กลับมีซุปวางพร้อมอยู่บนโต๊ะอาหาร ๒ ชุด

โกโบริรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน เมื่อได้รับประทานซุปร้อนๆ แล้ว
หญิงชาวยิวก็พูดคุยกับเขา

เขาเพียงแต่เล่าว่าเขาเป็นนักศึกษาปริญญาโท
ช่วงนี้ปิดเทอมก็เลยแบกเป้ออกเดินทางมาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ชีวิต
ส่วนหญิงชาวยิวก็เล่าเรื่องราวของตนเอง ให้โกโบริฟังว่า

เธออพยพมาจากประเทศเยอรมัน สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒
มีชีวิตที่ลำบากมาก สามีเธอเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์
แต่ก็เสียชีวิตไปเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว มีลูกชาย แต่งงานแล้วก็ย้ายออกจากบ้านไป

โกโบริรู้สึกว่าเวลาพูดคุยกัน หญิงชาวยิวก็มองตาเขาอยู่ตลอด

เหมือนกำลังอ่านใจเขาอยู่ จนเขารู้สึกประหม่าไม่กล้าสบตาด้วย
เมื่อพูดคุยเล่าประสบการณ์กันพอสมควรแล้ว
หญิงชาวยิวก็จัดห้องพักให้ และเชิญให้เขาพักผ่อน

เมื่อได้สนทนากัน หญิงชาวยิวก็บอกกับโกโบริว่า
อยากจะมอบคำศักดิ์สิทธิ์ให้แก่โกโบริ เธอสอนเขาว่า

ความโชคดีมีอยู่เสมอ และความโชคดีสามารถเป็นของเราได้
ด้วยวิธีง่ายๆ ถ้าเราพูดภาษาที่ดีๆ บ่อยๆ

ความโชคดี โอกาสดีๆ เกิดขึ้นได้กับทุกคน
ภาษาที่ดีๆ นี้ เป็นภาษาธรรมดา

คือ คำว่า "ขอบคุณ" และ "ซาบซึ้งในพระคุณ"

ให้ใช้คำสองคำนี้บ่อยๆ แล้วจะพบกับสิ่งดีๆ ในชีวิต
ใช้คำสองคำนี้บ่อยๆ อย่างไร โกโบรินึกสงสัย

หญิงชาวยิวก็สอนต่อไปว่า ให้ใช้คำพูดนี้ในทุกโอกาสแล้วก็แนะนำว่า อย่างนี้จะดีไหม


เมื่อชีวิตมีปัญหา ต้องเจอกับอุปสรรค หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือปัญหาหนักๆ ก็ตาม

ให้พูดคำคำนี้ออกมา เช่น เช้านี้ตื่นสายไปทำงานไม่ทัน เจอรถติด
ตามปกติคนเราก็จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หญิงชาวยิวก็สอนเขาว่า ให้พูดว่า "ขอบคุณ"

ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ขับรถประสบอุบัติเหตุ พ่อตาย แม่ตาย
ก็กัดฟันพูด "ขอบคุณ" เพราะหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ดี ไม่ถูกใจเกิดขึ้น
แล้วเราคิดไม่ดี พูดไม่ดี ก็เท่ากับใจเสีย ใจไม่ดีแล้ว
สิ่งที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลูกโซ่เป็นกฎธรรมชาติของโลกนี้
แต่ถ้าเราใช้คำว่า "ขอบคุณ" แล้วทำใจให้สบาย

เปรียบเสมือนกับเราตัดขาดจากลูกโซ่ของสิ่งที่ไม่ดี

ดังนั้นภาษาที่ไม่ดี ห้ามพูดเด็ดขาด ภาษาที่ไม่ดี
เช่น คำพูดด่าว่าแสดงความโกรธคำพูดนินทาว่าร้าย
ตำหนิติเตียนดูถูกดูหมิ่นผู้อื่นห้ามพูด

เพราะการใช้ภาษาที่ไม่ดีจะนำชีวิตเราไปในทางที่ไม่ดี
ตรงกันข้าม คำว่า "ขอบคุณ"

จะนำเราไปสู่ความโชคดี มีความสุข ความทุกข์
เศร้าหมองจะเปลี่ยนเป็นความสุขได้จริงๆ
เมื่อโกโบริกลับไปญี่ปุ่นแล้ว มีอยู่วันหนึ่งที่เขานั่งอยู่ในห้องคนเดียว
แล้วก็นึกถึงคำสอนของหญิงชาวยิว

จึงหยิบปากกามาเขียนคำว่า "ขอบคุณ"
เป็นภาษาญี่ปุ่น "อะริงาโต้"

และเขาก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า คำว่า "อะริงาโต้"
ที่เขียนเป็นตัวหนังสือคันจิมีความหมายของรากศัพท์ว่า "มีปัญหา"

เลยยิ่งทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้นว่า
เมื่อมีปัญหาใดๆ คำพูด "ขอบคุณ"
คงจะเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ ที่จะช่วยทำให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: "โชคดี" เขียนโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2013 เวลา 10:56 น. »
คำพูดว่า ? โชคดี ? เป็นคำที่มีความหมาย

เป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์สำหรับชีวิต

เหมือนกับว่าเราตั้งโปรแกรมการมองโลก

ในแง่บวกไว้ในจิตใจของเราเสมอ

เพราะใจเป็นประธาน

ใจเป็นหัวหน้าของชีวิต

ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ

ถ้ามีกำลังใจดีแล้ว คิดดี พูดดี ทำดี

ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้



1. พลิกมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน



ความจริงของชีวิตคือ ทุกข์ ชีวิตของเราทุกคนมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่น่า

ปรารถนามากดดัน บีบบังคับชีวิตของเรามากมาย ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ

ความตาย เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก

ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ความเศร้าโศกร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย

ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์

ไม่ว่าเราจะเกิดมาในตระกูลดี มีฐานะร่ำรวยขนาดไหน พ่อแม่พี่น้อง ทุ่มเท

ความรักความเมตตาให้เรามากแค่ไหน ไม่ว่าเราจะมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์

กำลังสติปัญญามากเพียงไรก็ตาม ชีวิตทุกชีวิตย่อมต้องมีอุปสรรคที่ทำให้เราต้อง

เจ็บกาย เจ็บใจอยู่ไม่มากก็น้อย พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราต้องสร้างกำลังใจให้

หนักแน่น ให้พร้อม ถ้าเราประมาทชีวิตก็จะพังทลายได้ง่าย ๆ

เมื่อเกิดทุกข์ มีปัญหาชีวิต กุญแจหรือเคล็ดลับที่จะใช้ไขปัญหา คือ ? ปัญญา ?

ใช้ในการหาทางออกได้ในทุกสถานการณ์ เปรียบเหมือนเราตกลงจากที่สูง แต่ถ้ามี

ปัญญาก็เหมือนกับว่าเรามีลวดสปริงติดอยู่ที่เท้า พร้อมที่จะกระโดดหนี พาตัวเอง

ก้าวพ้นจากอุปสรรค เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ



หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ

โอปนยิโก น้อมเข้ามา

น้อมจิตเข้ามาดูกายดูใจของตนเอง

อัตตาหิ อัตโนนาโถ

ตนเป็นที่พึงของตน



2. ภาษาศักดิ์สิทธิ์



ความโชคดีมีอยู่เสมอ และความโชคดีสามารถเป็นของเราได้ด้วยวิธีง่าย ๆ

ถ้าเราพูดภาษาที่ดี ๆ บ่อย ๆ ความโชคดี โอกาสดี ๆ เกิดขึ้นได้กับทุกคน

ภาษาที่ดีนี้เป็นภาษาธรรมดา คือคำว่า ? ขอบคุณ ? และ ? ซาบซึ้งในพระคุณ ?

ให้ใช้คำสองคำนี้บ่อย ๆ แล้วจะพบกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต

เมื่อชีวิตมีปัญหา ต้องเจอกับอุปสรรค หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือปัญหาหนัก ๆ ก็ตาม ให้พูดคำนี้ออกมา ? ขอบคุณ ?

เพราะหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ดี ไม่ถูกใจเกิดขึ้นแล้วเราคิดไม่ดี พูดไม่ดี ก็เท่ากับ

ใจเสียใจไม่ดี แล้วสิ่งที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนลูกโซ่ เป็นกฎธรรมชาติ

ของโลกนี้ แต่ถ้าเราใช้คำว่า ? ขอบคุณ ? แล้วทำใจให้สบาย เปรียบเสมือนเรา

ตัดขาดจากลูกโซ่ของสิ่งที่ไม่ดี และคำนี้จะนำเราไปสู่ความโชคดี ความทุกข์

เศร้าหมองจะเปลี่ยนเป็นความสุขได้จริง ๆ



" ขอบคุณ " " ซาบซึ้งในพระคุณ " คือ ภาษาศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต



3. หัวใจของพระพุทธศาสนา



หลักคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ อริยสัจ 4 โดยมี

อริยมรรค เป็นหนทางปฏิบัติที่นำไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพาน ประกอบด้วย

องค์ธรรม 8 ประการ คือ

1. สัมมาทิฏฐิ ปัญญาอันเห็นชอบ

2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ

3. สัมมาวาจา วาจาชอบ

4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ

5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ

6. สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ

7. สัมมาสติ ระลึกชอบ

8. สัมมาสมาธิ สมาธิชอบ



กายเป็นสักแต่ว่ากาย

เวทนาเป็นสักแต่ว่าเวทนา

จิตเป็นสักแต่ว่าจิต

ธรรมเป็นสักแต่ว่าธรรม

ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา

ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน

เป็นอนัตตา



สำหรับชาวพุทธโดยทั่วไป ควรมีพื้นฐานของธรรมะประจำใจ คือ ศีลและเมตตา

มีจิตหรือเจตนาที่หมายถึง หนักแน่น เป็นปกติ ไม่ยินดี ยินร้ายกับสิ่งที่มากระทบ



หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ

ให้มีสติ มีความรู้สึกตัวชัดเจน

เมื่อมีความรู้สึกตัวชัดเจนกับลมหายใจแล้ว

ความคิดไม่ดี ความรู้สึกไม่ดี ก็ตั้งอยู่ไม่ได้

ความสบายใจ สงบใจ จะเข้ามาแทน

สบายใจ สงบใจ ในทุกสถานการณ์

คือรักษาใจเป็นปกติ ใจเป็นศีล

มีเมตตา คือ เราทำจิตใจของตัวเองให้มี

ความสบายใจ สุขใจได้ในทุกสถานการณ์

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ถึงสุข



แม้ว่าปัจจุบัน เราทำดี ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่น่าพอใจ

เกิดขึ้นกับเรา ก็ให้ทำใจว่าเป็นวิบากกรรมในอดีตของชาตินี้หรือชาติก่อนก็ตาม

และนึกเสียว่า เราได้ชำระหนี้สินที่เคยติดค้างไว้ เมื่อชำระไปแล้ว หนี้สินก็ค่อย ๆ

หมดไป ๆ ทำให้ภาระที่แบกไว้เบาลง ตรงกันข้าม ถ้าเรายึดมั่นถือมั่น ทำใจไม่ได้

เป็นทุกข์ทรมานใจ ก็คล้ายกับว่าเราสร้างหนี้สินเพิ่มขึ้น ๆ

ความ " โชคดี " คือตั้งเจตนาในการรักษาใจดี มีเมตตาในทุกสถานการณ์

ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีจิตที่ปรารถนาดี เมื่อมีวิกฤตใด ๆ เกิดขึ้น

ก็ตาม ก็ไม่ยินดียินร้าย รักษาใจให้เป็นปกติ แล้วเราจะมองเห็นด้วยปัญญา ตั้งสติ

รู้จักคิดดี คิดถูก เอาการบำเพ็ญบารมีของพระอริยเจ้าของพระโพธิสัตว์เป็นตัวอย่าง

เมื่อเราเอาชนะปัญหา ผ่านพ้นอุปสรรคได้ด้วยใจดี ก็จะทำให้เข้มแข็งมีกำลังใจมากขึ้น

เป็นการสร้างบารมี ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตแล้ว



4. จินตนาการสำคัญกว่าความรู้



จินตนาการในที่นี้ เปรียบเหมือน ฉันทะ ในอิทธิบาท 4 คือ ศรัทธา เชื่อมั่น

ในสิ่งที่ควรเชื่อ เมื่อเรามีศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้ว เราก็จะมุ่งมั่นและพยายามที่

บรรลุถึงเป้าหมายนั้น

ให้เรามีจินตนาการ คือ กำหนดจิตไว้ว่า ธรรมชาติของจิตบริสุทธิ์ ผ่องใส

สงบสุข แล้วกำหนดรู้เท่าทันอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น

อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นแล้วดับไป

หากเปรียบเทียบความรู้ คือ สัญญา ความจำที่เกิดจากการได้ยินได้ฟัง

เป็นปัญญา ความรอบรู้ในระดับ สุตมยปัญญา แต่จินตนาการในอารมณ์วิปัสสนา

กรรมฐาน เป็นปัญญาระดับสูง คือ ภาวนามยปัญญา เพื่อความพ้นทุกข์ รู้แจ้ง

เห็นจริงในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา



5. คิดถูก ดับทุกข์ได้



จิตของเรานี้มีพลัง คิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ การที่จะ

แก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ไปจนถึงปัญหาของสังคม ประเทศชาติ เราควรสร้างค่านิยม

ใหม่ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาจิตใจ ให้รู้จักคิดดี คิดถูก จึงจะดับทุกข์ได้



* * อย่างไรจึงเรียกว่า คิดถูก ดับทุกข์ได้ * *

- เมื่อเจ็บป่วย

ถึงแม้ว่ากำลังป่วยอยู่จริง ๆ ก็ตาม แล้วเราคิดกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าสุขภาพกาย

ไม่ดี เมื่อจิตคิดวนเวียนอยู่อย่างนี้ ก็เหมือนดึงดูดให้สิ่งที่เราคิดนี้เกิดขึ้น ความคิดใน

แง่ลบของเรา จึงมีอิทธิพลทำให้สุขภาพกายแย่ลงจริง ๆ


ในทางตรงกันข้าม การคิดดี คิดสร้างสรรค์ คือ จินตนาการว่า หายแล้ว

ส่งจิตเพิ่งไปที่จุดที่เราเจ็บป่วย ส่งกระแสความรู้สึกที่ดี ทำอย่างนี้บ่อย ๆ ทุก ๆ วัน
ในส่วนของการรักษาทางกาย ก็กินยา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ตามปกติ

แล้วสุขภาพจิตก็จะดีขึ้น มีกำลังใจ โอกาสที่สุขภาพกายจะดีขึ้นก็มีมาก




- ทุกข์เพราะความอยาก

ให้จินตนาการว่า เรามีพอเพียงแล้ว เรามีความสุข ความพอใจในสิ่งที่เรามี

ตั้งเป้าหมายไว้ตามสมควรแก่ฐานะ เมื่อจิตมีความสบายใจแล้ว โอกาสที่ชีวิตจะ

ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาก็มีมากขึ้น



มีความหวังมาก โอกาสผิดหวังก็มีมาก

มีความหวังน้อย โอกาสผิดหวังก็น้อย

ไม่ตั้งความหวังอะไร ก็ไม่ต้องผิดหวัง



- ทุกข์เพราะอกหัก

การคิดในทางที่ดีและถูกคือ เริ่มต้น เราจะต้องรักและเมตตาแก่ตัวเองก่อน

ธรรมชาติของจิตเราทุกคนมีความสุข ความสบายใจแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว แต่ความทุกข์

ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นอุปกิเลส เหมือนเป็นผู้ที่จรเข้ามาเยี่ยมเยือนเรา เราไม่ควร

ยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ต่าง ๆ ว่าเป็นของเรา

คนที่เลิกกับเรา ทิ้งเราไป ก็ต้องปล่อยเขาไป เพราะไม่ใช่ของเรา ถ้าเหตุ

ปัจจัย ก็อาจจะได้พบกับคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิต หรือถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร

ไม่ต้องเดือดร้อนใจ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ความสบายใจในปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว



หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ

จิตตั้งมั่นกับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

เราจะค้นพบว่า จิตที่มีความสงบ สบายใจก็มีอยู่

พยายามเจริญเมตตา ภาวนา ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ถึงสุข

คือเรามีความรักความเมตตาแก่ตัวเอง



- เมื่อสามีนอกใจ

การแก้ปัญหา ต้องพิจารณาดูว่า ฝ่ายสามียังคงรักษาสถาบันครอบครัว

อยู่หรือไม่ ยังทำหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวอยู่หรือไม่ ส่วนฝ่ายภรรยาก็ไม่ได้

คิดที่จะหย่าขาดจากกันใช่ไหม แล้วจะอยู่ด้วยกันอย่างไรให้มีความสุข ?

คิดดี คิดถูก คือ ภรรยาต้องเข้าใจว่า เราเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ครอง

เขาเคยมีนิสัยอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอยู่อย่างนั้น คงไปคาดหวังเปลี่ยนเขาไม่ได้

เราต้องทำใจคิดเสียใหม่ ว่าเขาเป็นพี่ชาย ความเป็นสามีภรรยาก็ให้เป็นอดีตไป

เราก็อยู่ด้วยกันในครอบครัวแบบพี่น้องที่รักกัน รักษาจิตใจ ถนอมน้ำใจกันแทนที่

จะตำหนิ หรือคอยจับผิด ถ้าจะต่อสู้เอาชนะเขา ก็ให้สู้ด้วยความดี มีเมตตา

พยายามสร้างครอบครัวให้อบอุ่น ทำให้บ้านเป็นที่ที่เขากลับมาแล้วสบายใจ

ผ่อนคลาย ถึงแม้เขาจะกลับบ้านดึกหรือไม่กลับมาบ้าง ก็ไม่เป็นไร ทำใจคิด

ว่าเขาเป็นพี่ชายเรา เขาโตแล้ว เขาก็มีชีวิตของเขา คิดได้อย่างนี้ เราก็สบายใจ

ฝ่ายสามี ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไร

เราก็ทำดีที่สุดแล้ว



- ทุกข์เพราะกลัวผี

เราต้องพิจารณาว่า ผีเป็นเรื่องของความรู้สึกนึกคิด เป็นอุปาทานของเราเอง

เราต้องหัดคิดดี ทำจิตใจสงบ เจริญเมตตา ภาวนา หากเราเชื่อว่าผีมีจริง

ก็ขอให้ส่งกระแสจิตที่มีเมตตาถึงเขา ถ้าเขาต้องการอไร หากเราช่วยได้ก็ยินดี

ทำให้ หากเขามาปรากฏตัวจริง ๆ ก็น่าจะขอให้เขาเล่าประสบการณ์ชีวิตหลัง

ความตายให้เราฟัง ถือเป็นโอกาสดีที่ได้สนทนากับเขา



- ทุกข์เพราะกลัวตาย

ความตายเป็นความจริงของชีวิต ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เราทุกคนจึงควร

รู้จักพิจารณาความตาย เตรียมพร้อมที่จะเผชิญ



กายของเรานี้เป็นส่วนหนึ่ง

ความรู้สึกนึกคิด จิตใจ เป็นอีกส่วนหนึ่ง

ร่างกายของเราที่กำลังแก่ กำลังเจ็บ กำลังตายนี้

เป็นที่อาศัยของจิตใจชั่วคราว

หากเปรียบร่างกายเหมือนเป็นบ้าน เป็นรถ

ร่างกายก็เป็นวัตถุที่ประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ

อายุใช้งานก็ประมาณไม่เกิน 100 ปี

แต่จิตใจของเรา ท่องเที่ยวอยู่ในอัฏสงสารนับภพนับชาติไม่ถ้วน



ดังนั้น เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ จึงควรทำแต่ความดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา



อานิสงส์ของทาน ทำให้ฐานะดี ไม่ลำบาก

อานิสงส์ของศีล ทำให้รูปงาม ร่างกายสมประกอบ ผิวพรรณดี

อานิสงส์ของภาวนา ทำให้สติปัญญาดี



การทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาจะเป็นอริยทรัพย์ อันเป็นที่พึ่ง

ที่อาศัยให้แก่เราได้ แม้จะตายจากภพนี้ไปแล้ว



6. แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป This too will pass

ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ

นินทา ทุกข์ เป็นธรรมดา หากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า

" แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป " ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลาง ทำใจเป็นปกติได้



ให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาว ๆ

หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ ให้เกิดความรู้สึกตัว

รักษาใจเป็นกลาง ๆ ทำใจสงบ และทำใจปล่อยวางว่า

" แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป "

เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน

ไม่มีประโยชน์อะไร ที่เราจะนำความทุกข์มาเป็นกังวล


เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน

เราไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง




ที่มา : ย่อจากหนังสือ ?โชคดี? พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

 


Powered by EzPortal