น้องพลอยชักสามครั้งในรอบ7เดือนอยากถามแนวทางการรัษา

[ouitwin]

น้องพลอยตอนนี้อายุ2.9ปีครับสองปีแรกสุขภาพแข็งแรงมากครับไม่เคยเป็นอะไรเลย พอเริ่มเข้าปีที่สาม(เริ่มไปโรงเรียน)ก็เริ่มเป็นหวัดเรื้อรังจนเป็นหวัดไซนัสครับ โดยปกติแล้วน้องพลอยเป็นเด็กร่าเริงขี่เล่นสุดๆครับเป็นไข้ก็ไม่ซึมกระโดดได้ทั้งวันครับ น้องชักครั้งแรกเมื่อต้นปีเดือน ก.พ.ครับหลังจากมีไข้ได้2วันเข้าสู่วันที่สามของไข้ก็ชักหลังจากนั้นหนึ่งวันก็หายเป็นปกติ (หาหมอที่รพแถวสุขวิทนะครับ)ผ่านมาได้หกเดือนปลายเดือน7ก็เหมือนเดิมอีกมีไข้เข้าวันที่สามก็ชักครั้งที่2อีกครับ น้องพลอยมีไข้แล้วไม่ซึมไม่นอนเฉยเล่นปีนเหมือนเด็กปกติไม่รู้ว่าเหนื่อยเกินหรือเปล่า รอบ2นี้เข้า รพเดิมครับนอนคืนนึงอีกวันก็ไข้หายตามปกติ คราวนี้หมอบอกว่าชักสองครั้งยังไม่อันตราย ท่าไม่สบายใจก็ไปตรวจeegครับผมเลยตรวจ eegผลออกมาปกติผ่านมาได้เกือบเดือนคราวนี้ชักครั้งที่3ประมาณวันที่ 21สคก็ชักอีกครับ ก่อนหน้าชักผมจับตัวไม่รู้ว่ามีไข้ แต่พอชักแล้วไข้สูง38.5ทันที ตอนนี้ไปแอทมิทอีกรพนึงแถวสาทรครับเพราะใกล้บ้านนำส่งรพเร็ว  อยุ่ไปอีกสามวันพึ่งออกมา รพนี้เลยทำเรื่องขอผลตรวจEegจารพแรกที่สุขวิทมาดู ครับ
สรุปเลยครับน้องพลอยเป็นไซนัสเรื้อรังมาหกถึงเจ็ดเดือนและมีหูชั้นกลางอักเสบครับ คุณหมอที่รพแถวสาทรบอกว่าให้รักษาไซนัสต่อเนื่องให้หายแล้วให้ยากันชัก dePakine 200 กินเช้าเย็นครั้งละ0.5cc สองปี เพื่อกันน้องชักตอนมีไข้ครับเพราะน้องเริ่มไวแล้วบางครั้งไข้กำลังจะขึ้นก็ชักแล้วครับ  ออกจากรพได้1วัน  คุณหมอที่รักษาน้องพลอยประจำ รพแถวสุขุมวิททราบเรื่องว่าน้องชัก3ครั้งแล้ว เลยโทรมาหาผมถามว่าเป็นไงรพแถวสาทรรักษาอย่างไรใช่ยาอะไรผมเล่าให้ฟังทั้งหมดครับว่าจะต้องกินยากันชักระยะยาว คุณหมอได้พูดว่าได้สอบถามคุณหมอระบบประสาทที่น้องพลอยทำeegไว้ก็ลงความเห็นว่าถึงแม้ชัก3ครั้งไม่จำเป็นต้องทานยาเพราะยามีผลเอฟเฟคต่อน้องมาก ให้แก้ที่ต้นเหตุลดความเสี่ยงติดเชื้อดีกว่าไหมเช่นโรงเรียนไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปประมานนี้ครับไซนัสรักษาให้หายขาดคุณหมอรพแรกมองว่าไม่จำเป็นที่ต้องทานยาครับ
น้องพลอยกินยาวันแรกตาลอยมากครับพูดจาก็เสียงยานๆบางครั้งพูดภาษอะไรก็ไม่รู้เดินแล้วเซหงุดหงิดก้าวร้าวบ้างนอนพลิกไปพลิกมาไฮเปอรบางจังหวะ รู้สึกว่าลูกนิสัยเปลี่ยนเลยครับไม่รู้เค้าเวียนหัวคลื่นใส้แต่พูดไม่ได้หรือเปล่าผมเห็นลูกเป็นแบบนี้ก็สงสารครับ
คำถามคือผมควรจะเลือกแบบไหนครับ
1ไม่กินแล้วเฝ้าระวัง(แต่ถ้าชักอีกผมจะรู้สึกผิดมากครับ)
2กินแต่เห็นอาการแบบนี้แล้วสงสารเค้ามากครับกลัวตับกระดูกของเค้าเสีย แล้วผลเอฟเฟคนี้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่ถึงปรับตัวได้ครับ
3หรือกินแต่ขอคุณหมอกินวันละมื้อก่อนหรือเหลือ0.25ccเช้าเย็นแล้วค่อยๆปรับขึ้นรอให้ร่างกายชินยาก่อนครับ
เลือกไม่ถูกจริงๆเลยอยากถามความเห็นของพี่ๆในนี้เพื่อชั่งน้ำหนักเลือกแนวทางการรักษาครับ
ขอบคุณครับ
(ที่ไม่เอ่ยชื่อรพ เพราะดีทั้งคู่ครับไม่อยากเอาชื่อเค้ามาเกี่ยวข่องครับ)

[ouitwin]

ลืมบอกครับผมไม่มีประวัติชักครับแต่คุณแม่เคยชัก1ครั้งตอนเด็กจากไข้สูงครับ

[NONG]

เข้าใจความรู้สึกของคุณouitwin เลยว่ากังวลอย่างไร
จากที่เล่ามาน้องพลอยมีสาเหตุการชักชัดเจน สำหรับเด็กที่ไม่ได้เป็นโรคลมชักไม่ควรกินยากันชักเนื่องจากมีผลกระทบหลายๆ ด้าน  ที่หมอให้กินยาเพื่อป้องกันไว้ก่อน เนื่องจากเคยชักมากกว่า 2 ครั้งแล้ว เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าถ้าตัดสาเหตุที่ทำให้เกิดการชักออกไปน้องพลอยคงไม่ชัก แต่เรื่องนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าถ้าไม่กินยาแล้วจะชักอีกไหม เพราะทุกคนสามารถเป็นโรคลมชักได้ในทุกอายุโดยไม่ต้องมีสาเหตุ และถ้าตัวร้อนจัดต่อให้กินยากันชักก็ยังชักได้
        เห็นด้วยกับหมอแห่งแรกที่ให้รักษาต้นเหตุให้หายก่อน จะได้ไม่มีการอักเสบจนเป็นสาเหตุให้เกิดการชักขึ้นมาอีก
          การที่เด็กชักบ่อยๆ ทำให้เด็กมีโอกาสเป็นโรคลมชักได้มากกว่าเด็กปกติ ทั้งนี้ให้ดูผลการตรวจ EEG ซึ่งอ่านผลโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถบอกได้ว่าการชักที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากโรคลมชักหรือไม่ เคยมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านลมชักบอกไว้ว่า ถ้าไม่ได้เป้นโรคลมชักการกินยาเกินความจำเป็นคงต้องพิจารณาด้วย
          จะเห็นได้ว่าหมอไม่ฟันธงให้กินยากันชัก แต่ให้ผู้ปกครองพิจารณาเอง

สำหรับคำถามตอบตามความเห็นส่วนตัวนะคะ
1ไม่กินแล้วเฝ้าระวัง(แต่ถ้าชักอีกผมจะรู้สึกผิดมากครับ)
ถ้าเด็กไวต่อไข้มากอาจจำเป็นต้องกินยากันชักกันไว้ก่อน ซึ่งการกินต้องกินต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับยาให้มีผลคุมอาการชักได้
2กินแต่เห็นอาการแบบนี้แล้วสงสารเค้ามากครับกลัวตับกระดูกของเค้าเสีย แล้วผลเอฟเฟคนี้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่ถึงปรับตัวได้ครับ
ผลพวกนี้มีอยู่ตลอดไป หมอจะคอยตรวจเช็คค่าตับ ไต ไม่ให้มีมากถึงระดับที่ร่างกายมีปัญหา สำหรับคนเป็นโรคลมชัก ผลพลอยได้พวกนี้มาทีหลังที่มาก่อนคือผลกระทบกับสมองเนื่องจากการชัก ดังนั้นจึงต้องเลือกคุมชักให้ได้ก่อนค่ะ
3หรือกินแต่ขอคุณหมอกินวันละมื้อก่อนหรือเหลือ0.25ccเช้าเย็นแล้วค่อยๆปรับขึ้นรอให้ร่างกายชินยาก่อนครับ
การปรับยาต้องให้คุณหมอเป็นผู้พิจารณาค่ะ ปกติจะค่อยๆให้ยามากขึ้นจนถึงระดับที่คุมชักได้โดยผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตปกติได้ด้วย ไม่ใช่เมายาตลอดเวลา ไม่สามารถทำกิจวัตรด้วยตนเองได้ หรือได้แต่นอนอยุ่บนเตียง แบบนั้นถึงคุมชักได้ก็ไม่มีประโยชน์

[ouitwin]

ขอบคุณNONGมากครับที่ช่วยตอบปัญหาที่ผมเองสงสัย
สรุปว่าผมได้กลับไปfollow up ที่โรงพยาบาลแถวสาทรที่น้องพลอยแอทมิทล่าสุดครับตอนแรกคุณหมอเด็กให้ทานยากันชักต่อเนื่องสองปีแต่วันนี้ได้พบกลับคุณหมอระบบประสาทครั้งแรกที่รพแถวสาธรผมได้เล่าเรื่องประวัติการชักของน้องให้ฟังหมดครับและเล่าให้ฟังว่าน้องได้กินยาdepakine ครั้งละ0.5cc เช้าเยนแล้วง่งงซึมมาก คุณหมอได้คำนวนจากน้ำหนักบอกว่าจริงๆแล้วแค่นี้เป็นโดสที่เรียกได้ว่านัอยมากไม่มีผลต่อตับแน่นอนถ้าปริมาณเท่านี้ แต่จะบอกว่าปรมาณเท่านี้ก็ไม่สามารถคุมเรื่องชักได้นะถ้าลูกคุณมีไข้แล้วจะชักเพราะฉะนั้นหมอจะสรุปเลยว่ากรณีของน้องพลอยพูดแบบบเป็นกลางต่อให้คุณไปหาหมอที่อื่นหมอจะพูดกลางๆนะว่ายังไม่ต้องกิน แต่ต้องมียากันชักเชียบพลันติดบ้านไว้กลับยาลดไข้ พอมีความเสี่ยงที่ไข้ขึ้นให้ทันทีครับอย่ารอให้ไข้ถึง37.5ขึ้นไป
ตอนนี้ผมคงให้ลูกหยุดเรียนยาวเลยครับช่วยลดความเสี่ยงไปรับเชื้อเพิ่ม
ขอบคุณครับ

[NONG]

หมอให้ frisium มาใช่ไหมคะ ออกฤทธิ์ภายในครึ่งชั่วโมง  ก็ถือว่าดีค่ะ  เอาแบบนี้ไปก่อน ต่อไประวังเรื่องไข้ให้ดีถ้าตัวร้อนรีบกินยาลดไข้ เช็ดตัวบ่อยๆ หวังว่าจะจากลาการชักไปเลยนะคะ

[ouitwin]

คุณหมอให้ diazepam มาครับ หวังว่าจะไม่ชักอีกครับตอนนี้ระแวงมากวัดไข้ทั้งวันเลยครับเหลืออีกสามปีครบหกขวบต้องระวังครับ
ขอบคุณคุณ Nongมากครับ