โรคลมชักในผู้หญิง 10 ประการที่ควรรู้
http://www.komchadluek.net/detail/20140611/186203.html1.ผู้หญิงโรคลมชักสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ โดยทั่วไปแล้วการมีเพศสัมพันธ์เมื่อแต่งงานแล้วไม่ได้เป็นข้อห้ามใดๆ เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียใดๆ ต่อโรคลมชักทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการชักที่รุนแรงขึ้น เพียงแต่ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดที่ดี
2.ผู้หญิงโรคลมชักแต่งงานได้หรือไม่ โดยปกติแล้วทั้งผู้หญิงและชายที่เป็นโรคลมชักสามารถแต่งงานได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ แต่จากการศึกษาทั่วโลกพบว่าผู้หญิงโรคลมชักมีโอกาสแต่งงานต่ำกว่าคนทั่วไป เนื่องมาจากครอบครัวฝ่ายชายไม่อนุญาตให้บุตรชายแต่งงานกับผู้หญิงโรคลมชัก และผู้หญิงเองก็มีปัญหาในการเข้าสังคม ยิ่งทำให้โอกาสการแต่งงานลดต่ำลง
3.ผู้หญิงโรคลมชักสามารถมีบุตรได้หรือไม่ การมีบุตรในผู้หญิงโรคลมชักไม่ได้เป็นข้อห้าม เพียงแต่ต้องมีการวงแผนครอบครัวให้ดี ต้องมีการควบคุมการชักให้ได้ดีก่อน หยุดยากันชักได้ยิ่งดี เพราะยากันชักทุกชนิดเพิ่มโอกาสการเกิดความพิการแต่กำเนิดของทารกได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าต้องการมีบุตรจริงๆ ในขณะที่ยังทานยากันชัก แพทย์จะต้องปรับเปลี่ยนยากันชักที่ก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของทารกสูงไปใช้ยากันชักที่ก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของทารกต่ำก่อนการตั้งครรภ์ ได้แก่ ยากันชักลาโมทิจีน (lamotrigine) หรือลีวีไทราซีแทม (levetiracetam) และต้องได้รับกรดโฟลิคขนาด 5 มิลลิกรัมร่วมด้วยเสมอ
4.ผู้หญิงโรคลมชักสามารถให้นมบุตรได้หรือไม่ การให้นมบุตรไม่ได้เป็นข้อห้าม ถึงแม้ว่ายากันชักทุกชนิดจะมีการขับออกมาทางน้ำนมด้วยเสมอ แต่ผ่านออกมาในปริมาณที่ต่ำมาก ไม่ได้ส่งผลเสียต่อทารกที่ดูดนมแม่ เพียงแต่ต้องมีการระวังอาการชักในขณะให้นมบุตร เนื่องจากมีการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน เพราะถ้ามีอาการชักลูกอาจหล่นได้ ดังนั้นขณะให้นมบุตรไม่ควรนอนให้นม เพราะอาจเผลอหลับไปหรือถ้ามีอาการชักจะนอนทับได้ ควรมีโต๊ะรองขณะให้นมเพื่อป้องกันการหล่น และมีคนอยู่เป็นเพื่อนขณะให้นมด้วยจะดีที่สุด
5.การคุมกำเนิดในผู้หญิงโรคลมชักควรใช้วิธีใด สามารถให้ทานยาเม็ดฮอร์โมนคุมกำเนิดได้หรือไม่ ถ้าทานยากันชักโซเดียมวาวโปเอต (sodium valproate) กาบาเพ็นติน (gabapentin) ลาโมทิจีน (lamotrigine) ก็สามารถใช้ยาเม็ดฮอร์โมนคุมกำเนิดได้ แต่ถ้าเป็นยากันชักชนิดอื่นๆ จะส่งผลทำให้ระดับฮอร์โมนคุมกำเนิดมีระดับลดลง ต้องใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดขนาดสูง การคุมกำเนิดอีกวิธีที่ปลอดภัยกรณีมีบุตรแล้ว คือใส่ห่วงอนามัย ถ้าดีที่สุดควรให้ฝ่ายชายคุมกำเนิดโดยการใช้ถุงยางอนามัย
6.การคลอดบุตร ผู้หญิงโรคลมชักสามารถคลอดบุตรทางช่องคลอดได้ตามปกติ ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดคลอดเหมือนกับผู้หญิงตั้งครรภ์ทั่วไป ยกเว้นมีการชักขณะคลอดก็ต้องรีบควบคุมอาการชักและรีบทำการช่วยคลอดอย่างเร็ว เช่น การใช้คีมหรือเครื่องดูดช่วยคลอด หรือผ่าตัดคลอดตามความเหมาะสมและข้อบ่งชี้ทางการคลอด
7.การหยุดยากันชักเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก ถึงแม้ว่ายากันชักจะส่งผลเสียให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้พบในอัตราที่สูงมาก ขึ้นกับชนิด ขนาดและจำนวนยากันชักที่รับประทาน การหยุดยาไม่ได้ช่วยลดโอกาสการเกิดความพิการแต่กำเนิดของทารกได้ เนื่องจากความพิการที่เกิดขึ้นมักจะเกิดตั้งแต่การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 6-8 แล้ว ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์หรือไม่ เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ก็มักจะเกินระยะเวลาตั้งครรภ์ 6-8 สัปดาห์ไปแล้ว การหยุดยากันชักทันทีจึงไม่มีประโยชน์ แต่อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่า เพราะถ้ามีการหยุดยากันชักทันทีจะทำให้มีโอกาสเกิดการชักแบบต่อเนื่องได้ ซึ่งมีอันตรายต่อชีวิตอย่างยิ่ง
8.การมีรอบประจำเดือนจะทำให้มีการชักบ่อยขึ้น โดยทั่วไปผู้ป่วยหญิงโรคลมชักอาจมีการชักบ่อยขึ้นช่วงมีรอบประจำเดือนหรือช่วงตกไข่ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าพบว่ามีการชักบ่อยขึ้นที่สัมพันธ์กับการมีรอบประจำเดือนที่ชัดเจนควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อแพทย์จะได้ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวและเพิ่มยาระงับชัก เช่น ยาแวเลียม (valium) หรือโคบาแซม (clobazam) ในช่วงดังกล่าว
9.โรคลมชักมีผลต่อการมีรอบประจำเดือน เนื่องจากโรคลมชักและยากันชักที่รับประทานส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศ จึงส่งผลทำให้รอบประจำเดือนมักมาไม่สม่ำเสมอ พบได้ทั้งแบบรอบประจำเดือนยาวนานกว่าปกติและสั้นกว่าปกติ
10.วัยหมดประจำเดือนส่งผลต่อการควบคุมการชัก ในช่วงแรกของการหมดประจำเดือนพบว่ามีการชักได้บ่อยขึ้น อาจเนื่องมาจากมีการลดลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนก่อนที่จะมีการลดงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้อัตราส่วนของฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น จึงส่งผลให้มีการชักบ่อยขึ้น แต่ในระยะต่อมามีการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนจนตรวจไม่พบ การชักก็ลดลง
เมื่อเราทุกคนและผู้ที่เป็นโรคลมชักมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ผู้หญิงที่เป็นโรคลมชักก็จะได้มีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกับพวกเราทุกคน
รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
สาขาประสาทวิทยา
ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์
กลุ่มวิจัยโรคลมชักแบบบูรณาการ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น