เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: ชัก...ที่ควรทราบ  (อ่าน 2261 ครั้ง)

ออฟไลน์ NONG

  • Shoutbox
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 1,451
ชัก...ที่ควรทราบ
« เมื่อ: วันจันทร์ที่ 01 เมษายน 2013 เวลา 23:22 น. »
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขกับโรคลมชัก : ชัก...ที่ควรทราบ
โดย รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า


เมื่อพูดถึงคำว่าชัก ทุกคนจะคิดถึงภาพที่คนมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว กัดฟันแน่น น้ำลายฟูมปาก ถูกเรียกแล้วไม่รู้สึกตัว จึงไม่แปลกใจที่ทุกคนจะกลัวการชักเป็นชีวิตจิตใจ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก แต่จริงๆแล้ว อาการชักไม่ใช่มีเพียงรูปแบบข้างต้นเท่านั้น ยังมีการชักอีกหลายรูปแบบ ผมจะขอกล่าวถึงการชักแต่ละชนิดเพื่อให้ท่านได้เข้าใจ
การชัก คือ ความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ 1-3 นาที ถ้าการชักนั้นเกิดขึ้นโดยไม่มีการกระตุ้นตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป เรียกว่า โรคลมชัก
การชักมีสาเหตุหลากหลายขึ้นกับกลุ่มอายุ ดังนี้
กลุ่มทารกแรกเกิด สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ การติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ ภาวะขาดออกซิเจนหรือการกระทบกระเทือนที่ศีรษะระหว่างคลอดและขาดวิตามินบี 6
กลุ่มเด็ก สาเหตุที่พบบ่อยคือ การติดเชื้อในสมอง
กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ สาเหตุที่พบบ่อยคือ อุบัติเหตุที่ศีรษะและโรคเนื้องอกในสมอง
กลุ่มผู้สูงอายุ สาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคหลอดเลือดสมองและโรคเนื้องอกสมอง
ทั้งนี้ อาการชักนั้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นกับตำแหน่งของรอยโรคว่าอยู่ในสมองส่วนใด สมองส่วนนั้นมีหน้าที่อะไร สมองของคนเราประกอบด้วย 1.สมองส่วนหน้า 2.สมองส่วนขมับ 3.สมองส่วนหลัง และ 4.สมองน้อย
สมองส่วนหน้า มีหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อขา การปัสสาวะและการควบคุมพฤติกรรมว่าควรแสดงออกเมื่อใด อย่างไรสมองส่วนขมับ มีหน้าที่เกี่ยวกับการจำ ความคิด และแสดงออกพฤติกรรมต่างๆสมองส่วนหลัง มีหน้าที่ควบคุมการทรงตัว และการเคลื่อนไหว
ดังนั้น ถ้ามีรอยโรคอยู่สมองส่วนใดและมีอาการชักเกิดขึ้นก็จะมีความผิดปกติของหน้าที่ของสมองส่วนนั้น ผู้ป่วยก็จะแสดงอาการชักออกมาในรูปแบบต่างๆ
เพื่อให้ง่ายในการเข้าใจว่าการชักนั้นมีรูปแบบใดบ้าง ทางการแพทย์แบ่งการชักเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้
การชักเฉพาะที่
การชักทั้งตัว
การชักเฉพาะที่ หมายความว่า ผู้ป่วยมีอาการชักเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขา ใบหน้า เป็นต้น ประกอบด้วยการชักเฉพาะที่แบบมีสติ การชักเฉพาะที่แบบขาดสติ การชักเฉพาะที่ตามตัวและเกิดการลามของการชักเป็นการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว การชักทั้งตัว หมายความว่า ผู้ป่วยมีอาการชักทั้งตัวและขาดสติ ประกอบด้วย การชักเหม่อ นั่งนิ่ง ชักเกร็ง ชักกระตุก ชักเกร็งกระตุก ชักตัวอ่อน และชักสะดุ้งชักเฉพาะที่แบบมีสติ ตัวอย่างเช่น การกระตุกแขน ขา หรือใบหน้า รวมถึงการชาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นระยะเวลาสั้น อาการจะเป็นๆหายๆ ขณะที่ผู้ป่วยมีอาการจะมีสติสมบูรณ์ดี สาเหตุที่พบบ่อยในภาคอีสานคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และพยาธิตืดหมูขึ้นสมองชักเฉพาะที่แบบขาดสติ ผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มต้นส่วนใหญ่ คือ อาการปั่นป่วนในท้อง เคี้ยวปากร่วมกับถูมือไปมา หลังจากนั้นจะมีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น เดินไปเดินมาหรือทำอะไรโดยไม่รู้สึกตัวชักเฉพาะที่ตามด้วยชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยเริ่มด้วยอาการชักเฉพาะที่แบบมีสติ ต่อจากนั้นการชักจะกระจายไปทั่วตัว จนผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัวและขาดสติชักเหม่อ นั่งนิ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับนั่งเหม่อ นิ่งเป็นระยะ เวลาสั้นๆ เรียกไม่รู้สึกตัว เป็นระยะเวลาไม่นานประมาณ 15-45 นาที พบบ่อยในเด็กวัยเรียนหนังสือ เป็นการชักชนิดที่ผมอยากให้ผู้ปกครองและคุณครูทราบ เพราะปัจจุบันครูส่วนใหญ่ไม่ทราบการชักแบบนี้ เด็กจะถูกครูสังเกตว่านั่ง นิ่ง เหม่อลอยบ่อยๆ เรียกไม่ตอบ ครูมักเข้าใจว่าเด็กไม่สนใจเรียน กว่าครูจะรู้ว่าเด็กมีอาการชักก็เป็นมานานจนผลการเรียนตกต่ำชักเกร็ง ผู้ป่วยจะมีอาการเกร็งของแขน ขา ทั้งตัวเป็นระยะเวลาสั้น โดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ร่วมกับมีอาการขาดสติชักกระตุก ผู้ป่วยจะมีอาการเช่นเดียวกับอาการชักเกร็งเพียงแต่จะเป็นอาการชักกระตุก ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว การชักชนิดนี้ทุกคนจะรู้จักเป็นอย่างดี เรียกว่าการชักแบบลมบ้าหมู ผู้ป่วยจะมีอาการชักเกร็งเริ่มต้นก่อน ต่อมาจะมีอาการร้องเสียงดัง ต่อจากนั้นจะมีอาการชักกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยส่วนน้อยจะมีการกัดฟันแน่นหรือกัดลิ้นร่วมด้วย โดยเป็นการกัดด้านข้างของลิ้น ซึ่งไม่มีอันตรายใดๆ ผู้ป่วยบางรายชักนาน ใบหน้าอาจมีสีเขียวคล้ำได้ การชักนั้นส่วนใหญ่จะหยุดเองภายใน 1-3 นาที จึงมักไม่มีความจำเป็นต้องให้การักษาใดๆชักตัวอ่อน ผู้ป่วยจะมีอาการล้มลงทันที ไม่ว่าจะยืนหรือนั่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าเกิดในขณะเดินหรือยืนก็จะล้มลงกับพื้นทันทีชักสะดุ้ง ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายผวา มีการสะดุ้งทั้งตัว 1 ครั้ง ซึ่งในขณะสะดุ้งจะมีอาการขาดสติร่วมด้วย มักพบในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสในสมอง ผู้ป่วยตับวาย และผู้ป่วยไตวาย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอาการชักนั้นมีหลายรูปแบบ ลักษณะสำคัญที่ต้องสงสัยว่าเป็นอาการชักหรือไม่ คือ การที่ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ อะไรก็ตามที่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เป็นๆ หายๆ และทุกครั้งที่เป็นซ้ำ จะมีอาการคล้ายกัน

ออฟไลน์ SolizWai

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • sbobet
Re: ชัก...ที่ควรทราบ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2019 เวลา 14:12 น. »
อัตราจริงๆ ครับ ต้องมีคนไปเป็นเพื่อนน่าจะดี

ออฟไลน์ Minaploy

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
Re: ชัก...ที่ควรทราบ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 08 เมษายน 2021 เวลา 11:57 น. »
เป็นอาการที่อันตรายมากเพราะไม่รู้จะเกิดขึ้นตอนไหน

 


Powered by EzPortal