เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ  (อ่าน 35291 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2013 เวลา 15:01 น. »

เห็นใจพี่ต่ายค่ะ ถ้าคุณลูกโดนล้อก็คงอายเหมือนกัน แต่ยังไงหนูว่าพี่ต้องเข้มแข็ง ทั้งแม่และลูก ถ้าบังเอิญเพื่อนรู้แล้วโดนล้อ ก็คงต้องทำใจค่ะ คิดไปว่า ช่างหัวเขา อย่างน้อยก็ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ตัวเรานั้นก็รู้ดีอยู่ว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ถ้าเราเป็นคนดี ออยเชื่อว่า ทั้งพี่ต่ายและลูก จะได้รับสิ่งดีๆกลับมาค่ะ

ยกตัวอย่างเรื่องของออย อย่างเล่มที่อ.สมศักดิ์เขียน เรื่องที่22 ก็มีเพื่อนล้อแบบตรงๆเหมือนกัน ว่า ออยเจอแบบนี้บ้างก็น่าจะตื่นเต้นดีเนาะ เราก็ขำๆกับเค้าไป ไม่คิดไรมาก(แต่ฟังเรื่องจากพี่ต่าย ถ้าได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงเรื่องใหญ่เหมือนกัน) แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนนั้นช่วงที่เพิ่งรู้ว่าเป็น ชักบ่อยๆแล้วเพื่อนเห็น ตอนนั้นเรียนราวด์วอร์ดอยู่ หลังจากนั้นเพื่อนผู้ชายกลุ่มนึงก็แอบคุยกัน เขียนอะไรซักอย่างแล้วก็หัวเราะ พอเราเดินผ่านเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร(ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ถาม) สรุปคือเค้าเอาเรื่องที่เราชักไปเขียนแบบลามกๆ แล้วก้ส่งให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นดู ยังไม่พอ ส่งให้รุ่นพี่ดูด้วย บังเอิญพี่คนนั้นเค้าเป็นญาติหนู ด่าลั่นวอร์ดเลย ว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เค้าก็เก้บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า ไม่รู้เอาไปทำอะไร หนูก็ไม่รู้ตอนนี้หลักฐานหายไปไหนแล้ว แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ใครจะเขียนอะไร นินทาอะไร ช่างเขา อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น มันจะเป็นบาป อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยยอมรับว่าตัวเองก็เป็นค่ะ เป็นโรควิตกกังวลและย้ำคิดย้ำทำด้วย เพราะเครียดจากเรื่องโรค เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนมากเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ หนูเครียดมากจนแทบจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเริ่มขาดสติไปแล้ว หนูเลยโทรไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่กรุงเทพ(ตอนประมาณตี1กว่า) ท่านก็ถาม ให้เราระบายความรุ้สึก และถามว่าถ้าจะฆ่าตัวตายตอนนี้จะทำยังไง เล่ามาให้ละเอียดเลย(หนูคิดว่าหนูจะกินยากันชักทั้งหมดในคืนนั้นเลย) เล่าจบแล้วท่านก็บอกว่า มันเป็นภาวะทางอารมณ์ ซึ่งมันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ตอนนี้เราเศร้า เราอยากหนีจากความเศร้า เราคิดว่าตายแล้วจะหายเศร้า แต่เชื่อสิ ถ้าเราไม่ฆ่าตัวตาย ทนอีกหน่อย เดี่๋ยวมันก็หายเองได้ วันต่อมาหนูเลยขออาจารย์ลาเรียนไปพบจิตแพทย์ที่รพ.ทันที เพื่อนก็รู้ทั้งห้องว่าหนูไปไหน แต่หนูไม่ใส่ใจแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องคิดว่าใครเค้าจะว่ายังไง

พอกลับไปเรียน น้องๆ(ตอนนี้หนูต้องเรียนกับรุ่นน้องค่ะ) เค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ดีนะที่บางคนเข้าใจเรา อย่างช่วงที่เราซึมเศร้า ออยไม่คุยกับใครเลย แต่พอเรื่องงาน ถ้าไม่พอใจใครจะก้าวร้าว วีนแตก ด่าลงเฟสบุ๊ค ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ยอมทำงาน สุดท้ายเราก็ขอโทษเค้า เค้าก็อภัยให้เรา แต่ก็ไม่บางคนที่ไม่เชื่อ ยังไม่คุยด้วยอยู่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีเพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ขอขอบคุณพี่ต่ายมากนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์กัน ที่จริงมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย เล่าให้กันฟังเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ถ้ามีเอกสารหรือหนังสือเล่มอื่นออกมาจะส่งให้อีกนะคะ     
สำหรับเรื่องถ้าลูกถูกล้อ  พี่เองคิดไว้แล้ว ตอนนี้ สิ่งที่พี่ทำได้ คือสอนลูก หากเกิดอะไรขึ้น และหัดวาง (ไม่เหมือนพี่ ที่ มัก "ถือ" ไว้เสมอ  จนหนัก จนเหนื่อย จนเครียด ฯลฯ เกินกว่าเหตุ)
และหัดลูกสวดมนต์/ทำบุญ  ฯลฯ   เพื่อ หากเขามีกรรมอะไรร่วมมากับพี่ จะได้ เบาบางลงบ้าง

เรื่องที่ 22 พี่บอกเลยว่า พี่ทำใจไม่ได้ เรื่องพี่ไม่ได้ร้ายแรงก็จริง แต่มันไม่ใช่ความผิดของพี่ มาทำใจได้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ (คือถ้าพี่นึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ น้ำตาจะไหลออกมาทันที)   
เพราะเข้ามาสนใจธรรมะนั่นเอง
ถ้าเราไม่ทุกข์  เราไม่มีวันเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้เลย  (อาจจะไม่สนใจเสียด้วย) ถึงบอกว่า ต้องขอบคุณความทุกข์ ต่างหาก

เรื่องซึมเศร้านะ ถ้าพี่พอแนะนำได้  หากอาการเครียดมากถึงร่างกายแล้ว  ให้ออย โทร/พูด ออกมาให้ใครฟังก็ได้ ซักพัก อาการทางร่างกาย(ใจเต้น หอบสั่น ร้องไห้ ) จะดีขึ้น จากนั้น ค่อยๆ อยู่กับลมหายใจ เจริญสติไว้
ถ้าอยู่กับลมหายใจ/เจริญสติ  ยังไม่ได้    ต้องกดอารมณ์ด้วยคำว่า บริกรรม "พุทโธ" (พี่ใช้คำว่า กด น่ะ จริง ไม่รู้ว่าอะไร  )   การกด ไม่ใช้การเจริญสตินะ   
พี่เคยมีอาการตอนอยู่นอกบ้าน (ลืมกินยา/ปจด./ร้อน/คนเยอะจนหายใจไม่ออก/เหนื่อยมาก) ตอนนั้นพี่เอาตัวรอด ด้วยวิธีนี้ (อ่านตรง รักษาทางเลือกน่ะ)
เบลอ พูดผิด ได้ยินขาดเป็นช่วงๆ   คิดว่าแย่แน่ๆแล้ว แต่เอาตัวรอดกลับมานอนอาบน้ำ แล้วนั่งสมาธิต่อ แล้วค่อยนอนพัก (แฟนพี่ ไม่รู้เลย ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย)  แล้วก็ออกมาทำงานต่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว

พี่คิดว่า คำว่า อยากฆ่าตัวตาย คนเป็นลมชัก ผ่านคำนี้มาแล้วทั้งสิ้นค่ะ  (เท่าที่พี่คุยมา)

สำหรับพี่ พี่ก็วีนแตกมาเยอะ บางคนก็ไม่ให้อภัย บางคนก็เข้าใจ (แต่พี่คิดว่า พี่หนักกว่าน้อง เพราะเป็นหลายปี กดดันมานาน) ทุกวันนี้เฉยๆ แล้ว ไม่ต้องเข้าใจพี่เยอะก็ได้   ก็เพราะธรรมะของพระพุทธองค์อีกนั่นล่ะ
"ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยเสมอ"   ไม่มีคำว่า ...บังเอิญ...

ถ้าทุกวันนี้ ยังมีคนกล้าล้อพี่อีก (คิดว่า ไม่มีแล้วนะค่ะ) อาจจะถูกพี่ต่ายเสยกลับไปแทน (ถ้ามาแบบเหน็บๆ พี่ถือว่า ไม่ได้ยิน)  ความก้าวร้าวของพี่ มาตั้งแต่พี่เครียด ถูกล้อ ฯลฯ จากการเป็นลมชัก นิสัยพี่เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก จะกลับไปเป็นคนเดิม ที่อ่อนแอ อ่อนโยนก็ทำไม่ได้แล้วด้วย ลืมไปหมดแล้วอะจร้าาาาาาาา ;D ;D

                     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2013 เวลา 17:11 น. โดย Thanks-Epi »
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Tanisa

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 64
  • Never let epilepsy hold you back.
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: วันพุธที่ 17 เมษายน 2013 เวลา 22:18 น. »

เห็นใจพี่ต่ายค่ะ ถ้าคุณลูกโดนล้อก็คงอายเหมือนกัน แต่ยังไงหนูว่าพี่ต้องเข้มแข็ง ทั้งแม่และลูก ถ้าบังเอิญเพื่อนรู้แล้วโดนล้อ ก็คงต้องทำใจค่ะ คิดไปว่า ช่างหัวเขา อย่างน้อยก็ได้ทำให้คนอื่นมีความสุข แต่ตัวเรานั้นก็รู้ดีอยู่ว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ถ้าเราเป็นคนดี ออยเชื่อว่า ทั้งพี่ต่ายและลูก จะได้รับสิ่งดีๆกลับมาค่ะ

ยกตัวอย่างเรื่องของออย อย่างเล่มที่อ.สมศักดิ์เขียน เรื่องที่22 ก็มีเพื่อนล้อแบบตรงๆเหมือนกัน ว่า ออยเจอแบบนี้บ้างก็น่าจะตื่นเต้นดีเนาะ เราก็ขำๆกับเค้าไป ไม่คิดไรมาก(แต่ฟังเรื่องจากพี่ต่าย ถ้าได้เจอกับตัวเองจริงๆ ก็คงเรื่องใหญ่เหมือนกัน) แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนนั้นช่วงที่เพิ่งรู้ว่าเป็น ชักบ่อยๆแล้วเพื่อนเห็น ตอนนั้นเรียนราวด์วอร์ดอยู่ หลังจากนั้นเพื่อนผู้ชายกลุ่มนึงก็แอบคุยกัน เขียนอะไรซักอย่างแล้วก็หัวเราะ พอเราเดินผ่านเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร(ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ถาม) สรุปคือเค้าเอาเรื่องที่เราชักไปเขียนแบบลามกๆ แล้วก้ส่งให้เพื่อนผู้ชายคนอื่นดู ยังไม่พอ ส่งให้รุ่นพี่ดูด้วย บังเอิญพี่คนนั้นเค้าเป็นญาติหนู ด่าลั่นวอร์ดเลย ว่าทำไมทำกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เค้าก็เก้บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋า ไม่รู้เอาไปทำอะไร หนูก็ไม่รู้ตอนนี้หลักฐานหายไปไหนแล้ว แต่ก็พยายามคิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ใครจะเขียนอะไร นินทาอะไร ช่างเขา อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น มันจะเป็นบาป อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยยอมรับว่าตัวเองก็เป็นค่ะ เป็นโรควิตกกังวลและย้ำคิดย้ำทำด้วย เพราะเครียดจากเรื่องโรค เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนมากเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ หนูเครียดมากจนแทบจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเริ่มขาดสติไปแล้ว หนูเลยโทรไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่กรุงเทพ(ตอนประมาณตี1กว่า) ท่านก็ถาม ให้เราระบายความรุ้สึก และถามว่าถ้าจะฆ่าตัวตายตอนนี้จะทำยังไง เล่ามาให้ละเอียดเลย(หนูคิดว่าหนูจะกินยากันชักทั้งหมดในคืนนั้นเลย) เล่าจบแล้วท่านก็บอกว่า มันเป็นภาวะทางอารมณ์ ซึ่งมันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ตอนนี้เราเศร้า เราอยากหนีจากความเศร้า เราคิดว่าตายแล้วจะหายเศร้า แต่เชื่อสิ ถ้าเราไม่ฆ่าตัวตาย ทนอีกหน่อย เดี่๋ยวมันก็หายเองได้ วันต่อมาหนูเลยขออาจารย์ลาเรียนไปพบจิตแพทย์ที่รพ.ทันที เพื่อนก็รู้ทั้งห้องว่าหนูไปไหน แต่หนูไม่ใส่ใจแล้ว ในใจคิดแค่ว่า ต้องเอาตัวเองให้รอด ต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ก่อน ไม่ต้องคิดว่าใครเค้าจะว่ายังไง

พอกลับไปเรียน น้องๆ(ตอนนี้หนูต้องเรียนกับรุ่นน้องค่ะ) เค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ดีนะที่บางคนเข้าใจเรา อย่างช่วงที่เราซึมเศร้า ออยไม่คุยกับใครเลย แต่พอเรื่องงาน ถ้าไม่พอใจใครจะก้าวร้าว วีนแตก ด่าลงเฟสบุ๊ค ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ยอมทำงาน สุดท้ายเราก็ขอโทษเค้า เค้าก็อภัยให้เรา แต่ก็ไม่บางคนที่ไม่เชื่อ ยังไม่คุยด้วยอยู่ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยมีเพื่อนไม่กี่คนที่เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ขอขอบคุณพี่ต่ายมากนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์กัน ที่จริงมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย เล่าให้กันฟังเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ถ้ามีเอกสารหรือหนังสือเล่มอื่นออกมาจะส่งให้อีกนะคะ     
สำหรับเรื่องถ้าลูกถูกล้อ  พี่เองคิดไว้แล้ว ตอนนี้ สิ่งที่พี่ทำได้ คือสอนลูก หากเกิดอะไรขึ้น และหัดวาง (ไม่เหมือนพี่ ที่ มัก "ถือ" ไว้เสมอ  จนหนัก จนเหนื่อย จนเครียด ฯลฯ เกินกว่าเหตุ)
และหัดลูกสวดมนต์/ทำบุญ  ฯลฯ   เพื่อ หากเขามีกรรมอะไรร่วมมากับพี่ จะได้ เบาบางลงบ้าง

เรื่องที่ 22 พี่บอกเลยว่า พี่ทำใจไม่ได้ เรื่องพี่ไม่ได้ร้ายแรงก็จริง แต่มันไม่ใช่ความผิดของพี่ มาทำใจได้ เมื่อไม่กี่ปีมานี้ (คือถ้าพี่นึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ น้ำตาจะไหลออกมาทันที)   
เพราะเข้ามาสนใจธรรมะนั่นเอง
ถ้าเราไม่ทุกข์  เราไม่มีวันเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้เลย  (อาจจะไม่สนใจเสียด้วย) ถึงบอกว่า ต้องขอบคุณความทุกข์ ต่างหาก

เรื่องซึมเศร้านะ ถ้าพี่พอแนะนำได้  หากอาการเครียดมากถึงร่างกายแล้ว  ให้ออย โทร/พูด ออกมาให้ใครฟังก็ได้ ซักพัก อาการทางร่างกาย(ใจเต้น หอบสั่น ร้องไห้ ) จะดีขึ้น จากนั้น ค่อยๆ อยู่กับลมหายใจ เจริญสติไว้
ถ้าอยู่กับลมหายใจ/เจริญสติ  ยังไม่ได้    ต้องกดอารมณ์ด้วยคำว่า บริกรรม "พุทโธ" (พี่ใช้คำว่า กด น่ะ จริง ไม่รู้ว่าอะไร  )   การกด ไม่ใช้การเจริญสตินะ   
พี่เคยมีอาการตอนอยู่นอกบ้าน (ลืมกินยา/ปจด./ร้อน/คนเยอะจนหายใจไม่ออก/เหนื่อยมาก) ตอนนั้นพี่เอาตัวรอด ด้วยวิธีนี้ (อ่านตรง รักษาทางเลือกน่ะ)
เบลอ พูดผิด ได้ยินขาดเป็นช่วงๆ   คิดว่าแย่แน่ๆแล้ว แต่เอาตัวรอดกลับมานอนอาบน้ำ แล้วนั่งสมาธิต่อ แล้วค่อยนอนพัก (แฟนพี่ ไม่รู้เลย ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย)  แล้วก็ออกมาทำงานต่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ปวดหัว

พี่คิดว่า คำว่า อยากฆ่าตัวตาย คนเป็นลมชัก ผ่านคำนี้มาแล้วทั้งสิ้นค่ะ  (เท่าที่พี่คุยมา)

สำหรับพี่ พี่ก็วีนแตกมาเยอะ บางคนก็ไม่ให้อภัย บางคนก็เข้าใจ (แต่พี่คิดว่า พี่หนักกว่าน้อง เพราะเป็นหลายปี กดดันมานาน) ทุกวันนี้เฉยๆ แล้ว ไม่ต้องเข้าใจพี่เยอะก็ได้   ก็เพราะธรรมะของพระพุทธองค์อีกนั่นล่ะ
"ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยเสมอ"   ไม่มีคำว่า ...บังเอิญ...

ถ้าทุกวันนี้ ยังมีคนกล้าล้อพี่อีก (คิดว่า ไม่มีแล้วนะค่ะ) อาจจะถูกพี่ต่ายเสยกลับไปแทน (ถ้ามาแบบเหน็บๆ พี่ถือว่า ไม่ได้ยิน)  ความก้าวร้าวของพี่ มาตั้งแต่พี่เครียด ถูกล้อ ฯลฯ จากการเป็นลมชัก นิสัยพี่เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก จะกลับไปเป็นคนเดิม ที่อ่อนแอ อ่อนโยนก็ทำไม่ได้แล้วด้วย ลืมไปหมดแล้วอะจร้าาาาาาาา ;D ;D


พี่ต่ายเก่งมากๆเลยค่ะ ที่ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาได้ บางทีเวลาหนูเจอปัญหาก็โวยวาย แต่ตอนนี้ก็พยายามเจริญสติ ควบคุมจิตใจตัวเองให้ได้ อย่างที่พี่ต่ายบอกค่ะ

ปัญหาที่ยังมีอยู่ตอนนี้คือ อาการชักยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีอาการเตือนอะไรเลย ก็บอกยากค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะบอกหลังจากที่เห็นเราชักแล้ว ก็ต้องจดบันทึกไว้ตลอด ไว้ให้อาจารย์หมอดูเวลาไปติดตามการรักษา และตอนนี้โรคซึมเศร้าก็ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ อาจารย์บอกว่าเกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ เพราะเครียดนานเกินไป และจากโรคลมชัก ยากันชัก มีผลหมดค่ะ บางทีหนูก็หงุดหงิด อยู่ไม่สุข หดหู่ ร้องไห้ขึ้นมาเอง เดินข้างถนนอยู่ดีๆก็คิดว่าจะวิ่งไปให้รถชน ไม่รู้ทำไมค่ะ อารมณ์มันแว๊บเข้ามาในสมอง แต่ก็พยายามเตือนตัวเอง มีสติอยู่เสมอ

จะพยายามสู้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนพี่ต่ายค่ะ พี่แกร่งสุดๆ ชื่นชมจริงๆค่ะ
"Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain."

ออฟไลน์ NONG

  • Shoutbox
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 1,451
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: วันพุธที่ 17 เมษายน 2013 เวลา 22:22 น. »
คุณต่าย สงสัยจะถูกกับคนชื่อ ออย นะ  ;D

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 07:14 น. »
คุณต่าย สงสัยจะถูกกับคนชื่อ ออย นะ  ;D

สงสัย อักขระที่ถูกโฉลก มี   อย    ค่ะพี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 07:40 น. โดย Thanks-Epi »
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 07:37 น. »
พี่ต่ายเก่งมากๆเลยค่ะ ที่ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาได้ บางทีเวลาหนูเจอปัญหาก็โวยวาย แต่ตอนนี้ก็พยายามเจริญสติ ควบคุมจิตใจตัวเองให้ได้ อย่างที่พี่ต่ายบอกค่ะ

ปัญหาที่ยังมีอยู่ตอนนี้คือ อาการชักยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีอาการเตือนอะไรเลย ก็บอกยากค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะบอกหลังจากที่เห็นเราชักแล้ว ก็ต้องจดบันทึกไว้ตลอด ไว้ให้อาจารย์หมอดูเวลาไปติดตามการรักษา และตอนนี้โรคซึมเศร้าก็ยังมีอยู่เรื่อยๆค่ะ อาจารย์บอกว่าเกิดจากสารสื่อประสาทในสมองผิดปกติ เพราะเครียดนานเกินไป และจากโรคลมชัก ยากันชัก มีผลหมดค่ะ บางทีหนูก็หงุดหงิด อยู่ไม่สุข หดหู่ ร้องไห้ขึ้นมาเอง เดินข้างถนนอยู่ดีๆก็คิดว่าจะวิ่งไปให้รถชน ไม่รู้ทำไมค่ะ อารมณ์มันแว๊บเข้ามาในสมอง แต่ก็พยายามเตือนตัวเอง มีสติอยู่เสมอ

จะพยายามสู้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนพี่ต่ายค่ะ พี่แกร่งสุดๆ ชื่นชมจริงๆค่ะ

ไม่นะ พี่ว่า ออยเก่งกว่าอีก สามารถเข้าใจโรคลมชักได้ในระยะเวลา เพียง 1 ปีเอง พี่ใช้เวลานานกว่านั้นมาก
ประมาณ 20 ปีมั้ง
พี่อ่านหนังสือ ที่น้องเขียน  ถ้าเราสามารถผ่านจุดที่สุดๆมาแล้ว (ช่วงง่วงนอน) เราจะผ่านได้ สบายๆ
อันนี้จริงๆ พี่ผ่านมาแล้ว (ง่วงกว่า ช่วงเรียนอีก แต่ไม่เครียดเหมือนตอนเรียน ) เพราะ แทบไม่ได้นอนเลย ลูกยังตื่นกลางคืน  อาการที่เคยคุมไม่ได้ กลับทำให้พี่ คิดว่า ต้องหายชักให้ได้ ถ้าจะเลี้ยงเขา
(จริงๆอาจจะมีชักเล็กเหลือหรือเปล่าพี่ไม่ทราบ) แต่อาการมันดีขึ้นเรื่อยๆ (คือตั้งแต่เขาเกิด ชักเหม่อหายไปแล้ว)
อาการง่วงก็ค่อยๆดีขึ้น จนอยู่ตัวแล้ว
พูดช้า กลายเป็นเร็วปรืออออออออ จนคนอื่นพูดไม่ทันใจพี่  ;D
ทุกวันนี้นอนกลางวัน เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า กับเพราะกลางคืนต้องเก็บงานอีก ( เดวผิด) แต่ถ้าไม่นอนก็ได้

โรคซึมเศร้า พี่เคยเป็นช่วงแม่ไม่สบายเป็นมะเร็ง กลับมาชักอีกประมาณ 3-4 เดือน ทุกวัน เศร้ามาก ได้ยินคำว่าแม่ ไม่ได้
จะร้องไห้ โทษตัวเองว่า ทำให้แม่ไม่สบายใจมาตลอดชีวิตบ้าง/ แม่ไม่เคยได้สบายเลย พอพี่หาย แม่ก็ป่วยต่อ

ตอนนั้น หาจิตเวชแล้ว หมอบอกเป็นระยะเริ่มต้น จ่ายพี่  1 พันกว่าบาท
แล้วฝากการบ้าน ก่อนเจอะกันอีกรอบ ว่า "เราได้อะไรบ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้"พี่รู้สึกว่า
1. เสียดายค่ายา 
2. ทะเลาะกันแฟน คนรอบข้าง ร้องไห้ ดุลูก ฯลฯ
3. กลับมาชักเหมือนเดิม (สำคัญที่สุด)
4. ไร้สาระ เสียเวลาพี่มาก (มีอย่างอื่นต้องทำเยอะ)

พี่เดินออกจากห้อง ด้วยอารมณ์เสียดายเงิน  ;D ;D ;D หายชักแล้ว ไม่เอาแล้ว  บายๆๆๆๆ ไม่ขอมาอีกรอบ

อาจารย์ชัยชลบอก ดีๆ ที่คิดได้ 
พี่เลยกลับมาคุมชักใหม่ได้อีกรอบ

(อาจารย์โยธินประเมินว่า น่าจะเป็นชักหลอก ปนชักจริง) เพราะพี่สั่งหยุดชักได้

อาการน้องออยค่อยๆ รักษาไป พี่คิดว่า กำลังใจผู้ป่วยสำคัญมากนะค่ะ ยิ่งมีอาจารย์เป็นทั้งหมอด้วยอยู่ใกล้ๆ ยิ่งดีด้วยนะค่ะ

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Tanisa

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 64
  • Never let epilepsy hold you back.
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2013 เวลา 11:52 น. »

ไม่นะ พี่ว่า ออยเก่งกว่าอีก สามารถเข้าใจโรคลมชักได้ในระยะเวลา เพียง 1 ปีเอง พี่ใช้เวลานานกว่านั้นมาก
ประมาณ 20 ปีมั้ง
พี่อ่านหนังสือ ที่น้องเขียน  ถ้าเราสามารถผ่านจุดที่สุดๆมาแล้ว (ช่วงง่วงนอน) เราจะผ่านได้ สบายๆ
อันนี้จริงๆ พี่ผ่านมาแล้ว (ง่วงกว่า ช่วงเรียนอีก แต่ไม่เครียดเหมือนตอนเรียน ) เพราะ แทบไม่ได้นอนเลย ลูกยังตื่นกลางคืน  อาการที่เคยคุมไม่ได้ กลับทำให้พี่ คิดว่า ต้องหายชักให้ได้ ถ้าจะเลี้ยงเขา
(จริงๆอาจจะมีชักเล็กเหลือหรือเปล่าพี่ไม่ทราบ) แต่อาการมันดีขึ้นเรื่อยๆ (คือตั้งแต่เขาเกิด ชักเหม่อหายไปแล้ว)
อาการง่วงก็ค่อยๆดีขึ้น จนอยู่ตัวแล้ว
พูดช้า กลายเป็นเร็วปรืออออออออ จนคนอื่นพูดไม่ทันใจพี่  ;D
ทุกวันนี้นอนกลางวัน เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า กับเพราะกลางคืนต้องเก็บงานอีก ( เดวผิด) แต่ถ้าไม่นอนก็ได้

โรคซึมเศร้า พี่เคยเป็นช่วงแม่ไม่สบายเป็นมะเร็ง กลับมาชักอีกประมาณ 3-4 เดือน ทุกวัน เศร้ามาก ได้ยินคำว่าแม่ ไม่ได้
จะร้องไห้ โทษตัวเองว่า ทำให้แม่ไม่สบายใจมาตลอดชีวิตบ้าง/ แม่ไม่เคยได้สบายเลย พอพี่หาย แม่ก็ป่วยต่อ

ตอนนั้น หาจิตเวชแล้ว หมอบอกเป็นระยะเริ่มต้น จ่ายพี่  1 พันกว่าบาท
แล้วฝากการบ้าน ก่อนเจอะกันอีกรอบ ว่า "เราได้อะไรบ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้"พี่รู้สึกว่า
1. เสียดายค่ายา 
2. ทะเลาะกันแฟน คนรอบข้าง ร้องไห้ ดุลูก ฯลฯ
3. กลับมาชักเหมือนเดิม (สำคัญที่สุด)
4. ไร้สาระ เสียเวลาพี่มาก (มีอย่างอื่นต้องทำเยอะ)

พี่เดินออกจากห้อง ด้วยอารมณ์เสียดายเงิน  ;D ;D ;D หายชักแล้ว ไม่เอาแล้ว  บายๆๆๆๆ ไม่ขอมาอีกรอบ

อาจารย์ชัยชลบอก ดีๆ ที่คิดได้ 
พี่เลยกลับมาคุมชักใหม่ได้อีกรอบ

(อาจารย์โยธินประเมินว่า น่าจะเป็นชักหลอก ปนชักจริง) เพราะพี่สั่งหยุดชักได้

อาการน้องออยค่อยๆ รักษาไป พี่คิดว่า กำลังใจผู้ป่วยสำคัญมากนะค่ะ ยิ่งมีอาจารย์เป็นทั้งหมอด้วยอยู่ใกล้ๆ ยิ่งดีด้วยนะค่ะ

ไม่หรอกค่ะ ที่ออยเข้าใจง่ายอาจจะเป็นเพราะหนูเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้อยู่กับอาจารย์ เป็นคนไข้ไปด้วย ดูแลคนที่เป็นโรคนี้ไปด้วย พอได้คุยกับคนไข้โดยตรง เห็นอาการ เห็นคลื่นไฟฟ้าสมองตอนที่ชัก เลยทำให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าพี่ต่ายมาอยู่ตรงนี้ก็คงเข้าใจเหมือนออยแหละค่ะ คนไข้บางคนลำบากมาก ต้องตื่นตั้งแต่ตี3-4 แค่ค่ารถ เหมามาจากบ้านนอก(แบบนออออกกกกกก...สุดๆ) เข้ามาในเมืองก็สามพันบาทแล้ว มารอหมอ ตรวจไม่นาน รับยา ต้องรอเบิกอีก เพราะรพ.ชุมชนมียาไม่กี่ตัว คนไข้คุมชักไม่ได้ เลยต้องมารพ.ใหญ่ เพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

แต่การกินยากันชักมีข้อดีอย่างนึงตรงที่ แต่ก่อนออยจะเป็นคนพูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทันเด๋วนี้พูดช้าลงแบบกำลังพอดีๆ หวังว่าจะไม่กลับมาพูดเร็วอีกนะคะ

พี่ได้เจออาจารย์ชัยชนด้วย ดีจัง หนูนับถืออาจารย์มาก อยากเจออาจารย์ตัวจริงซักครั้ง แต่อาจารย์ไปบวชแล้ว ส่วนอาจารย์โยธิน หนูก็เคยเจอค่ะ ใจดีมากๆ

ใช่ค่ะที่อาจารย์บอก อาการชักจริงกับชักหลอกเกิดได้ในคนไข้ลมชักหลายๆคน เพราะพี่ควบคุมอาการตัวเองได้ แต่ปกติอาการชักจริงจะควบคุมไม่ได้ค่ะ ของหนูก็ควบคุมไม่ได้(ที่จริงก้อยากควบคุมได้อยู่นะคะ)

ส่วนโรคซึมเศร้า ก็ยังมีอาการอยู่เรื่อยๆ เป็นๆหายๆ ไม่มีอะไรกระตุ้นเลย อยู่ๆก็หดหู่ ท้อ ร้องไห้ รู้สึกไร้ค่า อยากฆ่าตัวตาย บางทีออยมัวแต่ถามตัวเอง ว่าทำไมออยต้องเป็นโรคนี้ เป็นแค่โรคลมชักยังไม่พออีกหรอ สารสื่อประสาทมันยังแกล้งเราไม่สะใจอีกรึไง แต่เดี๋ยวนี้ออยเลิกถามแล้วค่ะ ปล่อยมันไป เศร้าก็เศร้า พยายามมีสติ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ

พรุ่งนี้หนูต้องไปพบจิตแพทย์แล้วค่ะ จะเป็นยังไงไม่รู้ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ
"Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain."

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 08:17 น. »
ไม่หรอกค่ะ ที่ออยเข้าใจง่ายอาจจะเป็นเพราะหนูเป็นนักศึกษาแพทย์ ได้อยู่กับอาจารย์ เป็นคนไข้ไปด้วย ดูแลคนที่เป็นโรคนี้ไปด้วย พอได้คุยกับคนไข้โดยตรง เห็นอาการ เห็นคลื่นไฟฟ้าสมองตอนที่ชัก เลยทำให้เข้าใจมากขึ้น ถ้าพี่ต่ายมาอยู่ตรงนี้ก็คงเข้าใจเหมือนออยแหละค่ะ คนไข้บางคนลำบากมาก ต้องตื่นตั้งแต่ตี3-4 แค่ค่ารถ เหมามาจากบ้านนอก(แบบนออออกกกกกก...สุดๆ) เข้ามาในเมืองก็สามพันบาทแล้ว มารอหมอ ตรวจไม่นาน รับยา ต้องรอเบิกอีก เพราะรพ.ชุมชนมียาไม่กี่ตัว คนไข้คุมชักไม่ได้ เลยต้องมารพ.ใหญ่ เพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพดีกว่า

แต่การกินยากันชักมีข้อดีอย่างนึงตรงที่ แต่ก่อนออยจะเป็นคนพูดเร็วมาก จนคนอื่นฟังไม่ทันเด๋วนี้พูดช้าลงแบบกำลังพอดีๆ หวังว่าจะไม่กลับมาพูดเร็วอีกนะคะ

พี่ได้เจออาจารย์ชัยชนด้วย ดีจัง หนูนับถืออาจารย์มาก อยากเจออาจารย์ตัวจริงซักครั้ง แต่อาจารย์ไปบวชแล้ว ส่วนอาจารย์โยธิน หนูก็เคยเจอค่ะ ใจดีมากๆ

ใช่ค่ะที่อาจารย์บอก อาการชักจริงกับชักหลอกเกิดได้ในคนไข้ลมชักหลายๆคน เพราะพี่ควบคุมอาการตัวเองได้ แต่ปกติอาการชักจริงจะควบคุมไม่ได้ค่ะ ของหนูก็ควบคุมไม่ได้(ที่จริงก้อยากควบคุมได้อยู่นะคะ)

ส่วนโรคซึมเศร้า ก็ยังมีอาการอยู่เรื่อยๆ เป็นๆหายๆ ไม่มีอะไรกระตุ้นเลย อยู่ๆก็หดหู่ ท้อ ร้องไห้ รู้สึกไร้ค่า อยากฆ่าตัวตาย บางทีออยมัวแต่ถามตัวเอง ว่าทำไมออยต้องเป็นโรคนี้ เป็นแค่โรคลมชักยังไม่พออีกหรอ สารสื่อประสาทมันยังแกล้งเราไม่สะใจอีกรึไง แต่เดี๋ยวนี้ออยเลิกถามแล้วค่ะ ปล่อยมันไป เศร้าก็เศร้า พยายามมีสติ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ

พรุ่งนี้หนูต้องไปพบจิตแพทย์แล้วค่ะ จะเป็นยังไงไม่รู้ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ
อ.ชัยชล พี่เองคิดถึงมาก ตอนที่พี่ท้อง อาจารย์รับปากว่า จะดูแลให้ พี่ไม่ต้องทำแท้งนะ (ตอนนั้นยังชักมากอยู่) ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ค่อยมาแก้ปัญหาทีหลัง ทีละเรื่อง
ส่วนอาจารย์โยธิน พี่ไปหาที่ รพ.กรุงเทพ เพื่อทำประวัติใหม่ ตรวจคลื่นกันใหม่อีกที อ.โยธิน อธิบายพี่ดีมากๆ เร็ว แต่ได้ใจความ เป็นหมออีกคนที่พี่รู้สึกว่า ท่านทำงานเพื่อผู้ป่วยอย่างจริงจัง  แม้จะอายุมากแล้ว(น้องออยสังเกตุมั้ย หมอที่อายุมาก จะไม่ค่อยกระตืนรือล้น ไฟไม่แรงเหมือนจบใหม่ๆ)
(ท่านประจำที่ พมก.ด้วย แม้จะเป็นรพ.รัฐ ท่านก็ไม่หงุดหงิด อารมณ์ดี  ยิ้มง่าย  ;D ;D อธิบายเหมือนอยู่ รพ.เอกชน)

พี่ว่านะ บางคนทีรู้สึกเครียดเหลือเกิน น่าจะไปเจอะผู้ป่วยที่โอกาสน้อยกว่าเราบ้าง บางคนเครียดกับเรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่ไม่ได้มองว่า ผู้ป่วยที่มีโอกาสน้อยกว่าเรามีมาก แม้แต่เงินยังไม่มีจะรักษาด้วยซ้ำ
จริงๆ ในเวป พี่ถือว่า ทุกคนโชคดี ที่ยังมีอินเตอเนต เพื่อหาความรู้ ตอนที่พี่เป็น หมอที่รักษา ไม่ยอมรับว่า พี่เป็นลมชัก ไม่รู้จักอาการเหม่อ (แม่พี่ก็เถียงไม่ได้ เพราะไม่รู้จักอาการ ทำให้ช่วงนั้น รักษาลมชักกันแบบตามใจหมอ)
เรื่องกินยามั่วๆ พี่คิดว่า พี่กินมาแล้ว (จำไม่ได้นะ ) เพราะแม่พี่ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก หมอพูดไม่เข้าใจ หมอบางคนบอก มีอะไรก็กินๆไปเหอะ ( จ่ายยาซ้ำมา ) แม่เล่าให้ฟัง พี่จำอะไรไม่ได้เลย (บางคืนต้องส่งฉุกเฉิน)
overdose ก็หาว่า พี่บ้า เป็นโรคจิต แทนที่จะปรับยา (พี่เป็นคนไข้ยังรู้ว่า overdose )

น้องออยเป็นหมอ จะได้เข้าใจผู้ป่วย ว่าเป็นอย่างไร คนรอบข้างผู้ป่วยทุกข์แค่ไหน

แต่ปัจจุบันจุฬาไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วนะ พี่เห็น หมอจบใหม่ตะคอกผู้ป่วย ว่า ชักทำไม เพราะอะไร (ผู้ป่วยก็ตอบไม่รู้สิ) ถ้าไม่ใส่ชุดกราวด์ พี่ไม่คิดว่า เขาเป็นหมอ (เขาเคยนั่งเรียนไปกับ อ ชัยชน พี่จำหน้าได้)
เสียงดังจนพี่ต้องหันไปว่า มีเรื่องทะเลาะอะไรกัน


ออยกินยากันชักแล้วพูดช้าลง แต่พี่เป็นไรไม่รู้อะ เดวนี้ พี่พูดเร็วมาก  จนคนฟังไม่ทัน คลื่นชักก็มาจากด้านซ้ายทั้งแถบ (เกี่ยวกับการพูด/ภาษา)   และด้านหลังทั้งหมด (อันนี้ไม่รู้ว่า เกี่ยวกับอะไร) พี่ถึงบอกว่า ตอนเห็นคลื่นชักตัวเอง ยังถอดใจหน้าเสีย (อาจารย์โยธิน บอกว่า พี่นะจะชักช่วงหลับ ไม่น่าจะหยุดชักไปได้นานหลายปีขนาดนี้)

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยลองอ่านตรงนี้หรือยัง http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,692.0.html

ไม่รู้สินะ พี่เชื่อในพระพุทธคุณ (ออยเคยได้ยินเรื่อง หลวงพี่จรัญคอหักแล้วไม่ตายมั้ย มีความเห็นว่าอย่างไรคะในฐานะแพทย์)


ส่วนโรคซึมเศร้า รักษาไปตามที่จิตเวชบอกแล้วลองอ่านอันนี้ดู http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,741.0.html

วิธีคิด/ปฎิบัติของจิตเวชแนะนำ ยังไม่ละเอียดเท่าที่พระพุทธเจ้าสอน

ถ้าออยสรุปเรื่องว่า เป็นไตรลักษณ์  อย่าลืมคำสุดท้าย ว่า อนัตตา
ทุกอย่างไม่มีตัวตน บังคับไม่ได้ (ข้อที่ 6) ข้อนี้ละ พี่ว่า เข้าใจยากที่สุด แต่ถ้าเข้าใจและปฎิบัติได้ จะแทบไม่เหลือความทุกข์เลย (พี่ยังทำไม่ได้หมดนะ มักจะเผลอยึดติดในตัวตนอยู่ ยิ่งเวลาโกรธจะเป็นมาก)

 
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 17:21 น. »
น้องออยเชิญกระทู้เลยค่ะ
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=762.msg6825;topicseen#msg6825

พี่น้องติดต่อไปหรือยังคะว่า ขอหนังสือเพื่อแจกในงานนะค่ะ น้องออยจะได้ไม่ต้องแจกทีละคนๆ (เฉพาะในกรุงเทพ) แล้วน้องออยกะอาจารย์สมศักดิ์   และเพื่อนคนไข้อื่นจะมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ  welcome!
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Tanisa

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 64
  • Never let epilepsy hold you back.
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013 เวลา 17:56 น. »

อ.ชัยชล พี่เองคิดถึงมาก ตอนที่พี่ท้อง อาจารย์รับปากว่า จะดูแลให้ พี่ไม่ต้องทำแท้งนะ (ตอนนั้นยังชักมากอยู่) ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ค่อยมาแก้ปัญหาทีหลัง ทีละเรื่อง
ส่วนอาจารย์โยธิน พี่ไปหาที่ รพ.กรุงเทพ เพื่อทำประวัติใหม่ ตรวจคลื่นกันใหม่อีกที อ.โยธิน อธิบายพี่ดีมากๆ เร็ว แต่ได้ใจความ เป็นหมออีกคนที่พี่รู้สึกว่า ท่านทำงานเพื่อผู้ป่วยอย่างจริงจัง  แม้จะอายุมากแล้ว(น้องออยสังเกตุมั้ย หมอที่อายุมาก จะไม่ค่อยกระตืนรือล้น ไฟไม่แรงเหมือนจบใหม่ๆ)
(ท่านประจำที่ พมก.ด้วย แม้จะเป็นรพ.รัฐ ท่านก็ไม่หงุดหงิด อารมณ์ดี  ยิ้มง่าย  ;D ;D อธิบายเหมือนอยู่ รพ.เอกชน)

พี่ว่านะ บางคนทีรู้สึกเครียดเหลือเกิน น่าจะไปเจอะผู้ป่วยที่โอกาสน้อยกว่าเราบ้าง บางคนเครียดกับเรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่ไม่ได้มองว่า ผู้ป่วยที่มีโอกาสน้อยกว่าเรามีมาก แม้แต่เงินยังไม่มีจะรักษาด้วยซ้ำ
จริงๆ ในเวป พี่ถือว่า ทุกคนโชคดี ที่ยังมีอินเตอเนต เพื่อหาความรู้ ตอนที่พี่เป็น หมอที่รักษา ไม่ยอมรับว่า พี่เป็นลมชัก ไม่รู้จักอาการเหม่อ (แม่พี่ก็เถียงไม่ได้ เพราะไม่รู้จักอาการ ทำให้ช่วงนั้น รักษาลมชักกันแบบตามใจหมอ)
เรื่องกินยามั่วๆ พี่คิดว่า พี่กินมาแล้ว (จำไม่ได้นะ ) เพราะแม่พี่ก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก หมอพูดไม่เข้าใจ หมอบางคนบอก มีอะไรก็กินๆไปเหอะ ( จ่ายยาซ้ำมา ) แม่เล่าให้ฟัง พี่จำอะไรไม่ได้เลย (บางคืนต้องส่งฉุกเฉิน)
overdose ก็หาว่า พี่บ้า เป็นโรคจิต แทนที่จะปรับยา (พี่เป็นคนไข้ยังรู้ว่า overdose )

น้องออยเป็นหมอ จะได้เข้าใจผู้ป่วย ว่าเป็นอย่างไร คนรอบข้างผู้ป่วยทุกข์แค่ไหน

แต่ปัจจุบันจุฬาไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วนะ พี่เห็น หมอจบใหม่ตะคอกผู้ป่วย ว่า ชักทำไม เพราะอะไร (ผู้ป่วยก็ตอบไม่รู้สิ) ถ้าไม่ใส่ชุดกราวด์ พี่ไม่คิดว่า เขาเป็นหมอ (เขาเคยนั่งเรียนไปกับ อ ชัยชน พี่จำหน้าได้)
เสียงดังจนพี่ต้องหันไปว่า มีเรื่องทะเลาะอะไรกัน


ออยกินยากันชักแล้วพูดช้าลง แต่พี่เป็นไรไม่รู้อะ เดวนี้ พี่พูดเร็วมาก  จนคนฟังไม่ทัน คลื่นชักก็มาจากด้านซ้ายทั้งแถบ (เกี่ยวกับการพูด/ภาษา)   และด้านหลังทั้งหมด (อันนี้ไม่รู้ว่า เกี่ยวกับอะไร) พี่ถึงบอกว่า ตอนเห็นคลื่นชักตัวเอง ยังถอดใจหน้าเสีย (อาจารย์โยธิน บอกว่า พี่นะจะชักช่วงหลับ ไม่น่าจะหยุดชักไปได้นานหลายปีขนาดนี้)

เรื่องโรคซึมเศร้า ออยลองอ่านตรงนี้หรือยัง http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,692.0.html

ไม่รู้สินะ พี่เชื่อในพระพุทธคุณ (ออยเคยได้ยินเรื่อง หลวงพี่จรัญคอหักแล้วไม่ตายมั้ย มีความเห็นว่าอย่างไรคะในฐานะแพทย์)


ส่วนโรคซึมเศร้า รักษาไปตามที่จิตเวชบอกแล้วลองอ่านอันนี้ดู http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,741.0.html

วิธีคิด/ปฎิบัติของจิตเวชแนะนำ ยังไม่ละเอียดเท่าที่พระพุทธเจ้าสอน

ถ้าออยสรุปเรื่องว่า เป็นไตรลักษณ์  อย่าลืมคำสุดท้าย ว่า อนัตตา
ทุกอย่างไม่มีตัวตน บังคับไม่ได้ (ข้อที่ 6) ข้อนี้ละ พี่ว่า เข้าใจยากที่สุด แต่ถ้าเข้าใจและปฎิบัติได้ จะแทบไม่เหลือความทุกข์เลย (พี่ยังทำไม่ได้หมดนะ มักจะเผลอยึดติดในตัวตนอยู่ ยิ่งเวลาโกรธจะเป็นมาก)

ใช่ค่ะ หมอสมัยนี้ หนูก้เคยเห้น รุ่นพี่บางคนพูดกับคนไข้ไม่ดีมากๆ แต่คนไข้บางคนก็เข้าใจดี ว่าหมอก็เหนื่อย ตรวจคนไข้เยอะ แต่หนูว่า เป็นคนไข้ มันเหนื่อยกว่าเป็นหมอหลายเท่าเลย(จากประสบการณืที่เป็นทั้ง นศ.พ. และคนไข้) หมอก็น่าจะใจเย็นๆกับคนไข้หน่อย เค้าอยากหายทุกข์ หายทรมาน เจอหมอแบบนี้ยิ่งเครียดไปใหญ่

หนูเคยเจอ อ.โยธิน หลายครั้ง ใจดีมาก เป็นอาจารย์ของพี่ชายหนูที่ วพม. ด้วย ที่นั่นคลินิกลมชักเค้าดีมาก(พี่เล่าให้ฟัง) พาคนไข้ทำกิจกรรมด้วย คุณหมอก็ดูแลคนไข้ดี เหมือน อ.สมศักดิ์ ที่หนูรักษาอยู่ อาจารย์ดูแลหนูดีมาก เวลามีปัญหาเรื่องเรียน(เพราะชักบ่อย) แล้วต้องดรอป อาจารย์ก็ช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ มีปัญหาอะไรก็ช่วยทุกอย่างเลย ขนาดเรื่องหนัังสือ ทุนที่จัดพิมพ์ตอนแรกมันเป็นทุนวิจัยค่ะ แต่อาจารย์บอกว่างานวิจัยเยอะแล้ว พิมพ์หนังสือน่าจะเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่า ก็เลยพิมพ์ให้หนูเลยค่ะ

แต่อาจารย์ที่จิตเวช คนแรกที่ดูแลหนู แรกๆก็ฟังหนูเยอะพอสมควรแต่อาจารย์ชอบถามมากกว่า และถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกว่า ต้องการคำตอบจากเรา บางทีมันบอกไม่ถูก เรื่องที่อยากบอกหมอก็ไม่มีโอกาสได้พูด ล่าสุดไม่ได้ฟังอะไรเลย ถามแค่ว่าดีขึ้นมั้ย แล้วก็สั่งยาอย่างเดียว ไม่ดูอาการ ไม่ปรับยา ทั้งๆที่หนูอยากเล่าให้ฟังว่าเดือนที่แล้วหนูซึมเศร้ามากจนแทบเรียนไม่ได้ หนูเบื่อตัวเองมาก อยากจะหนีจากภาวะอารมณ์นี้ จนเกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว2ครั้ง ถ้าหนูไม่ได้ไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกัน(อยู่กรุงเทพ)ซะก่อน หนูก็อาจจะทำไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีอาการหดหู่ ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไร เบื่ออาหาร นอนเยอะ ฝืนเรียนแทบไม่ไหวแล้ว หนูเลยไปปรึกษาอาจารย์จิตแพทย์ท่านอื่นเลย ซึ่งท่านก็ฟังหนูดีมากๆ แถมคุยกันก็ชอบปล่อยมุขให้คลายเครียดบ้าง อาทิตย์หน้านัดมาคุยกันอีกด้วย มันรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ

ส่วนเรื่องหลวงพ่อจรัญ หนูเคยอ่านเจอในหนังสือของศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ว่าตอนที่หลวงพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วคอหัก เค้าบอกว่าท่านหายใจทางท้อง ใช้วิธี ยุบหนอ พองหนอ เหมือนเวลานั่งสมาธิ หนูไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในความจริงแล้วท้องเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอ็อกซิเจนได้(เปลี่ยนจากเลือดดำ เป็น เลือดแดง) ถ้าไม่มีออกซิเจน มันก็จะเอาไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้ เพราะเซลล์ทุกชนิดในร่างกายต้องการออกซิเจนในการทำงาน หนูว่าหลวงพ่อรอดมาได้เพราะว่า
1.คอที่หักอาจเป็นเฉพาะส่วนกระดูก หรือหลอดลม ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ หรือก้านสมอง ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ
2.ท่านสร้างบุญบารมีไว้เยอะ ทำให้อวัยวะที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เกิดการบาดเจ็บมาก
3.การเจริญสติ ยุบหนอ พองหนอ ของท่าน ทำให้จิตใจสงบ ส่วนใหญ่คนที่ได้รับอุบัติเหตุจะตกใจ สติกระเจิงหมด ซึ่งจะมันมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน การเต้นของหัวใจ และระบบประสาทsympathetic ทำให้สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง เช่น ความดันตก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เลือดออกเร็วขึ้น และเสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะจิตของท่านอยู่กับตัวท่านเิอง จึงสามารถควบคุมสติได้ค่ะ

ตามหลักทางการแพทย์ และข้อมูลที่ได้มา ก็อธิบายได้เท่านี้ หมั่นสร้างบุญกุศลไว้เยอะๆ แล้วชีวิตจะมีความสุขสงบค่ะ 
"Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain."

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2013 เวลา 20:21 น. »

ใช่ค่ะ หมอสมัยนี้ หนูก้เคยเห้น รุ่นพี่บางคนพูดกับคนไข้ไม่ดีมากๆ แต่คนไข้บางคนก็เข้าใจดี ว่าหมอก็เหนื่อย ตรวจคนไข้เยอะ แต่หนูว่า เป็นคนไข้ มันเหนื่อยกว่าเป็นหมอหลายเท่าเลย(จากประสบการณืที่เป็นทั้ง นศ.พ. และคนไข้) หมอก็น่าจะใจเย็นๆกับคนไข้หน่อย เค้าอยากหายทุกข์ หายทรมาน เจอหมอแบบนี้ยิ่งเครียดไปใหญ่

หนูเคยเจอ อ.โยธิน หลายครั้ง ใจดีมาก เป็นอาจารย์ของพี่ชายหนูที่ วพม. ด้วย ที่นั่นคลินิกลมชักเค้าดีมาก(พี่เล่าให้ฟัง) พาคนไข้ทำกิจกรรมด้วย คุณหมอก็ดูแลคนไข้ดี เหมือน อ.สมศักดิ์ ที่หนูรักษาอยู่ อาจารย์ดูแลหนูดีมาก เวลามีปัญหาเรื่องเรียน(เพราะชักบ่อย) แล้วต้องดรอป อาจารย์ก็ช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ มีปัญหาอะไรก็ช่วยทุกอย่างเลย ขนาดเรื่องหนัังสือ ทุนที่จัดพิมพ์ตอนแรกมันเป็นทุนวิจัยค่ะ แต่อาจารย์บอกว่างานวิจัยเยอะแล้ว พิมพ์หนังสือน่าจะเป็นประโยชน์กับคนไข้มากกว่า ก็เลยพิมพ์ให้หนูเลยค่ะ

แต่อาจารย์ที่จิตเวช คนแรกที่ดูแลหนู แรกๆก็ฟังหนูเยอะพอสมควรแต่อาจารย์ชอบถามมากกว่า และถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกว่า ต้องการคำตอบจากเรา บางทีมันบอกไม่ถูก เรื่องที่อยากบอกหมอก็ไม่มีโอกาสได้พูด ล่าสุดไม่ได้ฟังอะไรเลย ถามแค่ว่าดีขึ้นมั้ย แล้วก็สั่งยาอย่างเดียว ไม่ดูอาการ ไม่ปรับยา ทั้งๆที่หนูอยากเล่าให้ฟังว่าเดือนที่แล้วหนูซึมเศร้ามากจนแทบเรียนไม่ได้ หนูเบื่อตัวเองมาก อยากจะหนีจากภาวะอารมณ์นี้ จนเกือบฆ่าตัวตายไปแล้ว2ครั้ง ถ้าหนูไม่ได้ไปคุยกับจิตแพทย์ท่านหนึ่งที่รู้จักกัน(อยู่กรุงเทพ)ซะก่อน หนูก็อาจจะทำไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีอาการหดหู่ ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไร เบื่ออาหาร นอนเยอะ ฝืนเรียนแทบไม่ไหวแล้ว หนูเลยไปปรึกษาอาจารย์จิตแพทย์ท่านอื่นเลย ซึ่งท่านก็ฟังหนูดีมากๆ แถมคุยกันก็ชอบปล่อยมุขให้คลายเครียดบ้าง อาทิตย์หน้านัดมาคุยกันอีกด้วย มันรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ


หมอจิตเวชที่รักษาโรคสมาธิสั้นลูกพี่ ยังบ่นเหนื่อย และย้ำคำว่า "หมอไม่มีเวลาค่ะ คนไข้เยอะ"  แสดงสีหน้านิดๆ
ทั้งๆที่จบทำงานด้านนี้โดยตรง
และพี่ก็หานอกเวลา ไม่ได้ฟรีด้วย

ความรู้สึกเดียวกันว่า หมอต้องการคาดคั้น ต้องการคำตอบ (ซึ่งพี่คิดว่า คนมาหาจิตเวช เพราะหาคำตอบให้ไม่ได้ต่างหาก)
ซึ่งพี่บอกปัดไปเลยว่า "สรุปว่า คนไข้ลมชักนิสัยไม่ดี เครียดเลยพาลคนอื่นค่ะ ทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้น"  (ได้ข้อสรุปแล้ว เลยไม่ถามอะไรพี่ต่อ)
พี่ไม่ได้ต้องการให้ถามเรื่องพี่เลย เพราะผ่านจุดนั่นมานานมากแล้ว

ส่วนลูกพี่ ก็มองแบบผ่านๆ ไม่คุ้มราคาเลย ฟังเร็วพูดเร็ว นัดผิดวัน   และหมอก็บอกว่า คงสื่อสารกันผิด


พี่ถึงอยากให้น้องออยรักษาตัวเองมากกว่า ในด้านจิตใจ (ยาก็กินไป) แต่พี่เชื่อว่า การที่เราหัดดูกายดูใจตัวเอง ได้ผลที่สุด เท่าที่พี่ผ่านมา  ไม่ว่าจะหาจิตเวชซักกี่คน

พี่เคยมีน้องสาวที่รู้จักคนนึง การรักษาก็เหมือนที่ออยเล่า  ฟัง แล้วก็จ่ายยา (พี่ไม่ค่อยรู้กระบวนการทางจิตเวชนักว่า ต้องใช้ความอดทนซักเท่าไหร่ /แค่ไหน เพื่อ รักษาใจคนไข้)

ส่วนหมอโยธิน เป็นแพทย์ที่พี่รู้สึกเซอร์ไพรมาก ครั้งแรกที่เห็น  ;D ;D
ไม่คิดว่า หมอจะยิ้มหวานขนาดนี้ ยิ้มด้วยตา ดูใจดีมากๆ 
-พี่คิดว่า คงเป็นเพราะ หมออยู่เอกชน สบาย  เลยยิ้มหวาน  เพราะราคาแพง

พอไปหา หมอโยธินที่ พมก. คนเยอะ ร้อน คุณหมอก็ยิ้มเหมือนเดิม อธิบายชัดเจน เต็มใจตอบทุกคำถาม  ไม่ได้ต่างกันเพราะราคาเลย

เสียดายตอนที่อยู่เทียนส่องใจ พี่กลับไม่เคยรักษากับท่าน หรือเห็นหน้าท่านเลย
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2013 เวลา 20:32 น. »

ส่วนเรื่องหลวงพ่อจรัญ หนูเคยอ่านเจอในหนังสือของศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ว่าตอนที่หลวงพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วคอหัก เค้าบอกว่าท่านหายใจทางท้อง ใช้วิธี ยุบหนอ พองหนอ เหมือนเวลานั่งสมาธิ หนูไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในความจริงแล้วท้องเป็นอวัยวะที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอ็อกซิเจนได้(เปลี่ยนจากเลือดดำ เป็น เลือดแดง) ถ้าไม่มีออกซิเจน มันก็จะเอาไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้ เพราะเซลล์ทุกชนิดในร่างกายต้องการออกซิเจนในการทำงาน หนูว่าหลวงพ่อรอดมาได้เพราะว่า
1.คอที่หักอาจเป็นเฉพาะส่วนกระดูก หรือหลอดลม ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ หรือก้านสมอง ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ
2.ท่านสร้างบุญบารมีไว้เยอะ ทำให้อวัยวะที่กล่าวมาข้างต้น ไม่เกิดการบาดเจ็บมาก
3.การเจริญสติ ยุบหนอ พองหนอ ของท่าน ทำให้จิตใจสงบ ส่วนใหญ่คนที่ได้รับอุบัติเหตุจะตกใจ สติกระเจิงหมด ซึ่งจะมันมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมน การเต้นของหัวใจ และระบบประสาทsympathetic ทำให้สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง เช่น ความดันตก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เลือดออกเร็วขึ้น และเสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะจิตของท่านอยู่กับตัวท่านเิอง จึงสามารถควบคุมสติได้ค่ะ

ตามหลักทางการแพทย์ และข้อมูลที่ได้มา ก็อธิบายได้เท่านี้ หมั่นสร้างบุญกุศลไว้เยอะๆ แล้วชีวิตจะมีความสุขสงบค่ะ

เรื่องหลวงพ่อจรัญเป็นเรื่องที่ดังที่สุดในการใช้ การเจริญสติปฎิฐาน 4 เพื่อเอาชีวิตรอด
และถ้าจำไม่ผิด กระดูกท่านยังขยับติดกันได้อีก ตอนที่เข็นเตียงสะดุด (อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ)

เพื่อนพี่บอกว่า พี่น่าจะเขียนเรื่องนี้บ่อยๆ เผื่อคนไข้อื่นอยากใช้ในการรักษาบ้าง
พี่เองก็ทำมาแล้ว ตอนที่อาการไม่ดีนัก สิ่งกระตุ้นพร้อมกันเยอะมากๆ

และอาจารย์โยธินพูดถูกค่ะ พี่น่าจะชักเวลาหลับ  (กว่าจะสรุปได้ หลายเดือนค่ะ ) เพราะหมอไม่ใช่พระ และพระไม่ใช่หมอ
เลยไม่รู้จะบอกใครนอกจาก ตอนปรึกษาญาติธรรมว่า เกิดอะไรขึ้น ฝันหรือเปล่า ฯลฯ

เลยบอกตัวเองว่า ตื่นมาไม่ปวดตัว ทำงานต่อได้ ถือว่า เจ้ากันไป ไม่รู้เรื่อง   

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Tanisa

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 64
  • Never let epilepsy hold you back.
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: วันอังคารที่ 23 เมษายน 2013 เวลา 18:50 น. »
น้องออยเชิญกระทู้เลยค่ะ
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php?topic=762.msg6825;topicseen#msg6825

พี่น้องติดต่อไปหรือยังคะว่า ขอหนังสือเพื่อแจกในงานนะค่ะ น้องออยจะได้ไม่ต้องแจกทีละคนๆ (เฉพาะในกรุงเทพ) แล้วน้องออยกะอาจารย์สมศักดิ์   และเพื่อนคนไข้อื่นจะมาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ  welcome!

เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ
"Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain."

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: วันอังคารที่ 23 เมษายน 2013 เวลา 18:53 น. »
เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ

ค่ะ ถ้าจัดงานจริงๆ คงต้องเชิญมาด้วยนะค่ะ ทั้งอาจารย์และน้องออย  แต่พี่ไม่รู้ว่าจะมีงานหรือเปล่านะ เพราะกระทู้ที่ตั้ง เงียบมาก มากกว่าปีที่แล้วค่ะ
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ apantri choomkote

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 85
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2013 เวลา 13:43 น. »
หลังจากที่ได้รับ และอ่านหนังสือ ของน้องออย...ร้องไห้ก่อน อันดับแรก และ มีแรงฮึดสู้ เป็นอันดับสอง...เข้าใจน้องภูริมากขึ้น บอกยาย และคนในครอบครัว ให้อ่านจะได้เข้าใจ และรัก โรคลมชัก มากขึ้น  ตอนนี้ สงบขึ้น นิ่งขึ้น ภูริ ก็มีอาการดีขึ้น ยาย หัวเราะได้ ดีใจที่ความจำหลาน ค่อย ๆ ดีขึ้น จากที่ไม่พูด ไม่จา ตอนนี้ เริ่มจำชื่อคุณยาย คุณตา เพื่อนบ้าน ได้เกือบทุกคน และพูดยังช้าอยู่ ภาษาต่างด้าว ก็มีบ้าง ทุกคำจะลงท้ายด้วยคำว่า "เหรอ"
อันนี้คุณแม่กบเหรอ....ได้หัวเราะกันทั้งบ้าน ...ขอบคุณน้องออยอีกครั้งนะคะ  หมอนัดอีกที วันที่  18/05/56  จะซื้อขนมอร่อยที่สุด ในอุดรไปฝากค่ะ...ผ่านทางพี่โก้ เหมือนเดิม จะสะดวกไม๊คะ ..

ออฟไลน์ Tanisa

  • Full Member
  • *
  • กระทู้: 64
  • Never let epilepsy hold you back.
Re: แจกหนังสือ "ลมชัก...ฉันรักเธอ" ค่ะ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2013 เวลา 23:31 น. »
เห็นอาจารย์สมศักดิ์เหมือนๆจะบอกว่าติดต่อมาแล้ว(ได้ยินมาจากอีกคนค่ะ ไม่แน่ใจ) ตอนนี้เหลือหนังสืออยู่แค่40เล่ม กำลังจะพิมพ์รอบสอง ต้นฉบับเรียบร้อยแล้วค่ะ เลยไม่ทราบว่าจะพอไหม แต่ตอนนี้ที่เหลือก็จองไว้ให้ก่อนแล้วค่ะ

ค่ะ ถ้าจัดงานจริงๆ คงต้องเชิญมาด้วยนะค่ะ ทั้งอาจารย์และน้องออย  แต่พี่ไม่รู้ว่าจะมีงานหรือเปล่านะ เพราะกระทู้ที่ตั้ง เงียบมาก มากกว่าปีที่แล้วค่ะ

ถ้าได้แล้วรีบแจ้งมานะคะ บางช่วงออยก็ยุ่งๆ อาจจะไปไม่ได้ค่ะ แต่อยากไปจริงๆค่ะ
"Life is not about waiting for the storms to pass... It's about learning how to dance in the rain."

 


Powered by EzPortal