เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่  (อ่าน 3214 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่
« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2012 เวลา 11:11 น. »
                 
http://www.morworlor.com/home/space.php?uid=947&do=thread&id=78

"ภาวะสมองเสื่อง..กับไข่ไก่"
      ที่มีการสนทนากับ ศ.นพ.รุ่งธรรม  ลัดพลี่  ทางช่องยูบีซี7 เรื่องที่มีการการสนทนากันนั้นพอจับใจความหลักๆ ได้ว่า...
จากค่านิยมเดิมๆ ที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวันนั้นจะไปเพิ่มระดับ คลอเลสเตอรอล ในเลือดทาง คุณหมอบอกว่า อยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่มากด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด การที่หลายๆ คนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่าสำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่มากกว่า้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
   
       คุณหมอบอกว่า โรคอัลไซเมอร์นั้น ผลการวิจัยล่าสุด ระบุว่า เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อย หรือเลือด ไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละ อย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษาผู้สูงอายุ และที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า
คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ ก็กลับมาเดินได้้ี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง

        อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทาและอีกหลายๆชนิดแต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่มส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น

        คุณหมอเสริมว่าส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้(หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้ ก็ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุดก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯ คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่่มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล....
 
       การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

ข้อมูลจาก  :  heyhaparty
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
"โคลีน" ในไข่ไก่ ลดความเสื่อมเซลล์สมอง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2012 เวลา 11:19 น. »
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/11703
"โคลีน" ในไข่ไก่ ลดความเสื่อมเซลล์สมอง
         
          ครั้งก่อนเราพูดถึงคุณประโยชน์ของโคลีน ที่อยู่ในไข่ไก่ว่า เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมองนับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เรื่อยมาตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์
 
          อาจเกิดข้อสงสัยว่า หากร่างกายคนเราขาดโคลีน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นตามมา...!!
 
          เมื่อโคลีน เป็นตัวช่วยที่ทำให้การทำงานของสมองเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ หากร่างกายขาดสารอาหารสำคัญนี้ไป แน่นอนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมเกี่ยวข้องกับสมอง โดยลดทอนประสิทธิภาพความจำและความสามารถในการเรียนรู้ หรือที่รู้จักกันว่าโรคสมองเสื่อม นอกเหนือจากการเกิดอาการซึมเศร้า จิตใจหดหู่ ไม่มีสมาธิ และความดันโลหิตบกพร่อง
 
           โรคสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์ เป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ และจัดเป็นอาการป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งองค์การโรคอัลไซเมอร์ระหว่างประเทศ<Alzheimer's Disease International : ADI>ได้ออกรายงานชิ้นใหม่เมื่อ 21 กันยายน ที่ผ่านมา โดยคาดว่า"ภายในปี 2010 จะมีคนเป็นโรคสมองเสื่อม มากกว่า 35 ล้านคนทั่วโลก เป็นจำนวนที่สูงกว่าที่เคยคาดกันไว้เมื่อ 2-3ปีก่อน ราว10%และยังคาดการณ์อีกว่าจะมีคนเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุกๆ20ปี และในอีก 40 ปีข้างหน้าหรือ 2010 จะมีคนเป็นโรคนี้มากกว่า 115 ล้านคน โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ระดับกลางอย่างแอฟริกา ตะวันออกกลางละตินอเมริกาตอนใต้ และหลายส่วนของเอเชีย จะเผชิญกับภาระหนักเมื่อประชาชนสูงอายุมีจำนวนมากขึ้น"
 
          ขณะเดียวกัน ADI ยังร้องขอให้องค์การอนามัยโลก<WHO>จัดให้โรคสมองเสื่อมอยู่ในลำดับความสำคัญด้านสุขภาพ พร้อมทั้งเสนอให้มีการศึกษาและทำการวิจัยค้นคว้าถึงสาเหตุของโรค หรือวิธีการชะลออาการของโรคไม่ให้เกิดขึ้นเร็วนัก ซึ่งจุดประกายให้เกิดงานวิจัยต่างๆที่ต้องการคค้นหาแนวทางป้องกันการเกิดโรคนี้
 
          ขณะเดียวกัน Kathleen Meister นักเขียนอิสระเรื่องสุขภาพและการแพทย์ อดีตนักวิจัยสถาบัน American Council on Science and Health ได้นำเสนอบทความเรื่อง Eggs:Not as Bad as They're Cracked up to be บอกว่าการบริโภคไข่ไก่ในประเทศสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างมากจากการบริโภคที่ 400 ฟอง ต่อคนต่อปีในทศวรรษ 1940 ลดลงเหลือเพียง 235 ฟองต่อต่อปีในปี 1992 เนื่องมาจากความกลัวว่า ไข่ไก่ซึ่งมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
 
          แต่ปัจจุบันการบริโภคก็กลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 259 ฟอง/คน/ปี เมื่อมีผลการศึกษาวิจัยยืนยันว่า คอเลสตอรอลที่เกิดขึ้นจากการบริโภคอาหารเช้าที่ประกอบด้วยไข่ไก่ และเบคอนทอดไม่ได้เกิดขึ้นจากไข่ไก่ แต่เกิดจากไขมันอิ่มตัวจากเบคอน และไขมันที่ใช้ในการทอดโดยแท้จริงแล้วผลกระทบจากการบริโภคไข่ไก่ต่อปริมาณคอเลสตอรอลในกระแสเลือดของบุคคลทั่วไปนั้นมีน้อยมาก ในทางตรงกันข้าม ไข่ไก่กลับเป็นอาหารที่สำคัญที่เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นที่มีข้อสรุปตรงกันว่า ไข่ไก่เป็นอาหารโปรตีนที่มีสารอาหารช่วยเพิ่มคอเลสตอรอลชนิดดี หรือ HDL ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะโคลีนในปริมาณมาก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สมอง นับตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์เรื่อยไปจนถึงวัยสูงอายุ รวมทั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อ อะเซทิลโคลีน<acetylcholine>ที่ทำหน้าที่เป็น"สารสื่อนำประสาท"คอยควบคุมความจำ การควบคุมกล้ามเนื้อและช่วยให้การทำงานของสมอเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ เรียกได้ว่า มีบทบาทในพัฒนาการด้านการเรียนรู้โดยเฉพาะระบบความจำ รวมถึงการมีการศึกษาในการใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อมด้วย ซึ่งอะซีติลโคลีนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคสมองเสื่อม เนื่องจากพบว่าในสมองของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ จะมีปริมาณของอะซีติลโคลีนลดลงมากถึงร้อยละ 90
 
          บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่งของโคลีน คือ ทำให้ตับสามารถทำการขนถ่ายไขมันได้ และลดการสะสมไขมันในตับจากการศึกษาวิจัยพบว่า คนที่ได้รับอาหารทางเส้นเลือดและขาดโคลีน จะเพิ่มไขมันสะสมในตับ และยังมีระดับเอนไซม์ของตับสูงขึ้น ซึ่งเป็นอาการของภาวะตับอักเสบอีกด้วย และเมื่อได้รับโคลีนก็จะลดการสะสมไขมัน และลดการอักเสบของตับได้จริง
 
          นอกจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว โคลีน ยังมีประโยชน์ในด้านการช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดและหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งหลายงานวิจัยสรุปผลเช่นเดียวกันว่า ไข่แดงของไข่ไก่ เป็นอาหารที่ให้โคลีนมากที่สุดชนิดหนึ่ง
 
          ไข่ไก่จึงมีประโยชน์อยู่มากมาย...แล้ววันนี้คุณบริโภคไข่ไก่แล้วหรือยัง
 
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
คิดเลขในใจ ... ห่างไกลสมองเสื่อม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2012 เวลา 11:35 น. »
สำหรับคนที่กังวลว่าลมชักทำให้โง่ลง  ฯลฯ   คำตอบนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ดีว่า ทำไม ต่ายไม่เหมือนคนที่ชักมานานกว่า 15 ปี 
http://women.thaiza.com/คิดเลขในใจ--ห่างไกลสมองเสื่อม/214589/

งานวิจัยในปัจจุบัน พบว่า เซลล์ประสาทจะถูกผลิตสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ และจะเสื่อมสภาพลง ถ้าไม่มีการใช้งานอย่างเป็นประจำ แต่ถ้าเราทำกิจกรรมใดๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นถูกกระตุ้นอยู่ตลอด ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นแข็งแรง และไม่เสื่อมสภาพลงไปง่ายๆ

           นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท2 เปิดเผยว่า "การคิดเลขในใจสามารถช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม เนื่องจากทำให้สมองได้ออกกำลังและเพิ่มการสื่อสัญญาณประสาทในสมองได้"

     สถิติชวนสยอง

         คุณอาจเคยได้ยินว่า ผู้สูงวัยมักเป็นโรคสมองเสื่อม แต่รู้หรือไม่ว่า โรคดังกล่าว อาจเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคนี้มากน้อยเพียงใด แต่คาดว่าน่าจะมีผู้ป่วยอยู่ประมาณ 200,000 - 300,000 คน

         ส่วนงานวิจัยจากฝั่งตะวันตกก็พบว่า คนที่มีอายุ 65 ปี จะป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมราว 1 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี ที่อายุเพิ่มขึ้น โดยผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไป พบว่า ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมมากถึง 32 เปอร์เซ็นต์

   อาการของผู้ป่วยสมองเสื่อม

        สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมคือ จะสูญเสียเซลล์ประสาทเร็วกว่าปกติในระดับที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องความจำ การควบคุมอารมณ์ ที่ไม่สามารถแยกถูกผิด ความฉลาด และการสั่งงานของสมอง เช่น การเปิดแก๊ซหุงต้มทิ้งไว้เพราะลืม หรือเห็นแก๊สเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ปิด เพราะนึกไม่ออกว่าจะปิดอย่างไร และไม่คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้

         ความสามารถของผู้ป่วยจะลดลง บางรายอาจไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ลืมความจำที่เคยมีก่อนในช่วงวัยรุ่น มีปัญหาเรื่องจำบ้านไม่ได้ เช่น หาห้องน้ำหรือห้องนอนไม่พบ ไม่รู้ว่าตรงไหนลื่นหรือไม่ลื่น บางครั้งอาจใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำไม่เป็น และไม่รู้ว่าสิ่งใดอันตรายหรือไม่

   คิดเลขในใจกระตุ้นการออกกำลังกายของสมอง

        น้อยครั้งนัก ที่เรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าสูงอายุคิดค่าอาหาร และเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งวิธีในการป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อมแบบไม่ต้องเสียเงินหลายแสน ที่คุณก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการคิดเลขในใจทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกายของสมอง (Brain Exercise) กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่นๆ เพิ่มเส้นใยประสาทของเซลล์ประสาท (Neurons) ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และยังอาจเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ประสาทให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   ฝึกคิดเลขในใจ

        ลองคิดค่าของที่ซื้อเวลาไปจ่ายตลาดคิดเงินทอน คิดค่าอาหาร และเงินทอนเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน คิดรายรับในแต่ละเดือน คิดค่าใช้จ่ายในบ้าน คิดตัวเลขรายรับ รายจ่ายเงินในบัญชีธนาคารแทนการกดเครื่องคิดเลข ซึ่งการคิดคำนวณเหล่านี้ต้องใช้ทั้งการบวก ลบ คูณ และหารในบางครั้ง

        ช่วงแรกควรเริ่มจากเลข 2 หลักก่อนโดยไม่ต้องใช้นิ้วมือมาช่วยนับ หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวน เมื่อเริ่มคล่องขึ้นแล้วก็เริ่มลบตัวเลขแบบง่ายๆ ส่วนการคูณควรเริ่มจากการคูณเลขง่ายๆ เช่น เลข 1-12 ก่อนเป็นอันดับแรก

        นอกจากการออกกำลังกายสมองอย่างเป็นประจำแล้ว การใช้สารสีเหลืองสกัดจากเหง้าขมิ้นชัน หรือเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ต้านการอักเสบ บำรุงรักษาตับ ป้องกันมะเร็ง ก็มีฤทธิ์ในการป้องกันสมองเสื่อม ซึ่งการวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าเคอร์คูมินอยด์ ลดจำนวนกลุ่มของสารซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคสมองเสื่อม นอกจากนั้นเคอร์คูมินอยด์ยังช่วยลดการอักเสบ ของเนื้อเยื่อสมองและลดความเสียหาย เนื่องจากการเกิดอนุมูลอิสระของเซลล์ในสมองได้อีกด้วย

         รู้ถึงความอันตรายและวิธีป้องกันโรคสมองเสื่อมกันแล้ว วันนี้กลับบ้านไปอย่าลืมโยนเครื่องคิดเลขทิ้งไป แล้วลองนั่งคิดเลขในใจ เพียงเท่านี้โรคสมองเสื่อมก็สามารถกำหลาบโรคสมองเสื่อมได้แล้ว

               


It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

 


Powered by EzPortal