สธ.พัฒนาเทคนิคตรวจพันธุกรรมป้องกันการแพ้ยาลมชักสำเร็จ
วันพฤหัสบดี ที่ 07 มิ.ย. 2555
สธ.7 มิ.ย.-สธ.เปิดตัวการแพทย์แนวใหม่ พัฒนาเทคนิคการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อป้องกันภาวะการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงจากยา 3 ชนิด คือ ยาลมชัก ยาลดกรดยูริก และยาต้านไวรัส ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างปลอดภัย ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และลดความเข้าใจผิดระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ พร้อมเปิดให้บริการตรวจแก่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานแถลงข่าว ?การตรวจสารพันธุกรรมเพื่อป้องกันภาวะการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง? ว่า จากการศึกษาหาลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการแพ้ยาบางชนิดในชาวเอเชียและชาวไทย พบว่าพันธุกรรม HLA-B*1502 อัลลีล เป็นปัจจัยเสี่ยงในการแพ้ยากันชัก Carbamazepine และพันธุกรรม HLA-B*5801 อัลลีล เป็นปัจจัยเสี่ยงในการแพ้ยา Allopurinol ซึ่งเป็นยาลดกรดยูริกในเลือด และพันธุกรรม HLA-B*5701 อัลลีล เกี่ยวข้องกับการแพ้ยา Abacavir ที่เป็นยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าลักษณะทางพันธุกรรม HLA-B*1052 พบได้บ่อยในคนเอเชีย รวมทั้งคนไทยและคนจีน ในคนไทยสามารถพบลักษณะทางพันธุกรรมชนิด HLA-B*1502 อัลลีล ร้อยละ 15 และ HLA-B*5801 อัลลีล ร้อยละ 15 ส่วน HLA-B*5701 พบได้น้อยประมาณร้อยละ 1 ข้อมูลจากการสำรวจร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาพบว่าในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ยารุนแรงจากยาลมชัก 6,000-7,500 คน ทั้งนี้ แนวโน้มการใช้ยาดังกล่าวและยาลดกรดยูริกมีมากขึ้น ส่งผลให้คนไทยมีโอกาสแพ้ยารุนแรงเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
สำหรับอาการของผื่นแพ้ยาเป็นกลุ่มอาการที่รวมถึงภาวการณ์มีไข้และออกผื่น ซึ่งเกิดผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะภายในด้วย โดยทั่วไปจะเกิดหลังจากได้รับยามาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ส่วนอาการผื่นแพ้ยาแบบรุนแรง หรือ Severe Cutaneous Adverse Reaction นั้นจะรวมถึงกลุ่มอาการ Steven-Johnson Syndrome หรือ SJS และ Toxic Epidermal Necrolysis หรือ TENS ที่ผิวหนังมีอาการอักเสบรุนแรง เป็นแผลพุพองเหมือนโดนไฟไหม้ มีการหลุดลอกของผิวหนัง และเยื่อบุต่างๆ ทั้งเยื่อบุในช่องปาก ริมฝีปาก เยื่อบุทางเดินอาหารและเยื่อบุตา ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสพิการและเสียชีวิตได้มากถึงร้อยละ 30
ดังนั้น เทคนิคการตรวจสารพันธุกรรมที่กรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้พัฒนาขึ้น เป็นวิธีการตรวจที่ผ่านการตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน มีความถูกต้อง แม่นยำ สูง ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้เปิดให้บริการตรวจแก่โรงพยาบาลแล้ว การตรวจสารพันธุกรรมให้ผู้ป่วยก่อนที่จะใช้ยาทั้งสามชนิด จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยประกอบให้แพทย์พิจารณาก่อนการสั่งจ่ายยาที่มีความเสี่ยงต่อผื่นแพ้ยาดังกล่าวให้แก่ผู้ป่วย หากผลตรวจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีลักษณะทางพันธุกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง แพทย์สามารถหลีกเลี่ยงไปใช้ยาตัวอื่นแทน เป็นการบริหารยารูปแบบใหม่ให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างปลอดภัย ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แพทย์และเภสัชกรในการรักษาผู้ป่วย
นพ.บุญชัย สมบูรณสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โครงการวิจัยพัฒนาเทคนิคการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อป้องกันภาวะการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง เป็นวิธีการตรวจสารพันธุกรรมที่พัฒนาขึ้นบนเทคนิคพีซีอาร์ ที่มีความถูกต้องแม่นยำสูง ใช้ตัวอย่างเลือดที่เก็บในสารกันเลือดแข็งชนิด EDTA อย่างน้อย 1 มิลลิลิตร หรือใช้วิธีเก็บเซลล์จากเยื่อบุกระพุ้งแก้ม ใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์ประมาณ 5 วัน ก็ทราบผลแล้ว ซึ่งผลจากการพัฒนาเทคนิคการตรวจใหม่นี้ สามารถช่วยลดงบประมาณในการตรวจสารพันธุกรรมเพื่อป้องกันภาวะการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงจำนวนมาก โดยเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์เพียง 1,000 บาท/ราย ซึ่งถูกว่าการตรวจด้วยเทคนิคการตรวจที่นำเข้าจากต่างประเทศจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ 2-5 เท่า.-สำนักข่าวไทย
ที่มา :
www.mcot.net/cfcustom/cache_page/373969.html