สงสัยผลข้างเคียงของยา Keppra ค่ะ

[noon]

สวัสดีค่ะ
เพ่ิงเข้ามาเป็นครั้งแรก ดีใจมากที่เจอ รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ แต่ก่อนเคยรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ แต่พออ่านหลาย ๆ เรื่องราวแล้ว รู้สึกได้เลยว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวจริงๆ ไว้แล้วจะแชร์ประสบการณ์ตัวเองบ้างนะคะ แต่ตอนนี้ อยากแชร์เรื่องยา Keppra น่ะค่ะ คือเคยเป็นโรคลมชักมาตั้งแต่เด็ก เคยหยุดยาหลายครั้ง จนกระทั่งครั้งล่าสุดมีอาการเหม่อ ซึม เหมือนไม่ค่อยรู้ตัวในหลายครั้ง และเนื่องจากทำกิจการรับดูแลเด็กและเพิ่งแต่งงาน เลยเตรียมตัวจะตั้งครรภ์ เลยไปตรวจคลื่นสมองเอง แล้วนำไปให้หมอวิเคราะห์ หมอเลยแนะนำว่าควรต้องทานยา เลยสั่งยา Keppra 500 mg เช้าเย็น เนื่องจากเป็นยาใหม่ และ ยังไม่มีรายงานว่ามีผลกระทบในกรณีการตั้งครรภ์ ก็เลยทานมาได้เกือบ 6 เดือน มีอาการอารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก หงุดหงิดง่าย คิดมากได้ทุกเรื่อง บางครั้งก็รู้สึกเศร้าแบบไม่มีเหตุผล พยายามไปพบจิตแพทย์แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ปกติเวลาหงุดหงิด ได้ไปดูแลเด็กก็จะดีขึ้น สามารถควบคุมอารมณ์กับเด็กได้เป็นอย่างดี แต่ช่วงหลังแย่มาก จนต้องเลี่ยงการสอนหนังสือเด็ก แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเพราะยาเลย จนแม่ทักว่าเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ทานยา เลยลองศึกษาข้อมูลดูจากเน็ต พบว่าเป็นอาการข้างเคียงที่เป็นไปได้ เลยลองลดยาเองเป็นวันละ 1 เม็ดแล้วปรึกษาหมอ หมอบอกว่าไม่น่าจะใช่ผลข้างเคียงจากยา แต่เป็นเพราะว่ายาไม่สามารถควบคุมอาการได้มากกว่า ตอนนี้หมอเลยลองเปลี่ยนยาให้เป็น Lamictal  โดยให้ทาน Lamictal ควบคู่ไปกับ Keppra เพื่อจะหยุด Keppra แต่ก็เพิ่งทานได้วันเดียว ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง มีท่านใดบ้างมั๊ยคะ ที่มีอาการแบบนี้ (เพราะไม่แน่ใจว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากยามั๊ย) แล้วมีท่านใดที่หมอเปลี่ยนยาในลักษณะแบบนี้บ้างมั๊ยคะ ตอนนี้ก็พยายามทำสมาธิควบคู่ไปด้วย แล้วไว้จะแชร์ประสบการณ์อีกครั้งนะคะ ว่าเปลี่ยนยาแล้วเป็นยังไงบ้าง

[ann]

เรื่องที่1 สำคัญมากคือการหยุดหรือเปลี่ยนยาลมชักเองไม่ได้ค่ะ เพราะต้องแพทย์เป็นผู้สั่ง
2.ทานยาเคปป้ามีผลต่ออาการหงุดหงิด ฉุนเฉียว ไม่ทานข้าวเบื่ออาหาร
ลูกสาวแอนก็เป็นค่ะ (อ่านในเรื่องยาจากห้องยาในเวปนี้ได้ค่ะ มีผลข้างเคียงของยาตัวนี้ด้วยค่ะและlamictalด้วยค่ะ)

[NONG]

ยากันชักมีผลต่อการตั้งครรภ์ ดังนั้นเมื่อคิดจะตั้งครรภ์ต้องเตรียมความพร้อมดดยการทาน folate (folic acid) ล่วงหน้าก่อนตั้งครรภ์ ทางที่ดีผู้หญิงที่ป่วยเป็นลมชักสมควรทาน folic acid ไปด้วยเลย
การหยุดยาเองอย่างที่ทำไม่สมควรอย่างยิ่งหากชักในระหว่างตั้งครรภ์จะเป็นอันตรายทั้งต่อตัวแม่เองและทารกในครรภ์ได้ การให้ยากันชักสองตัวเพื่อจะหยุดยาตัวนึงเป็นแนวทางโดยปกติของการให้ยากันชักค่ะ การให้ยากันชักมีผลต่อการตั้งครรภ์ ดังนั้นต้องให้หมอเป็นผู้ดูแลในการเลือกใช้ยากันชัก ส่วนผลข้างเคียงของยากันชักที่มีต่อเด็กในครรภ์เราสามารถศึกษาเองได้ค่ะ ลองดูนะคะ
www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,502.0.html

[Thanks-Epi]

หมอเลยแนะนำว่าควรต้องทานยา เลยสั่งยา Keppra 500 mg เช้าเย็น เนื่องจากเป็นยาใหม่ และ ยังไม่มีรายงานว่ามีผลกระทบในกรณีการตั้งครรภ์


คำนี้ฟังดูแปลกดีค่ะ ตอนที่หมอทราบว่าต่ายตั้งครรภ์ อาจารย์ชัยชน เอาตัวนี้ออกเลยค่ะ  เพราะว่าเป็นยาใหม่ จริงไม่เสี่ยงที่จะให้ทานระหว่างตั้งครรภ์ (ทั้งๆที่ ทานอยู่)  แล้วค่อยกลับมาเพิ่มให้ต่าย ตอนที่ทราบว่า ทางสูติไม่อนุญาตให้นมบุตร( คือถ้าให้นมบุตร ก็จะไม่ให้ทานตัวนี้ค่ะ) คือ กันชักรุ่นใหม่ต้องเอาออก (หาได้จากห้องยาว่าตัวไหนรุ่นใหม่ค่ะ) เพื่อความแน่ใจ 

ไม่ทราบว่า คุณหมอ สั่งตรวจ อัลตร้าซาวด์ 3 D มั้ยค่ะ  สำคัญมากเพื่อ วัดความเจริญเติบโต หรือ พิการที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ระหว่างเด็กกำลังสร้างอวัยวะ (ต้องตรวจถึงเด็กอายุครรภ์ 6 เดือน ทุก 2 อาทิตย์ ) 

อารมณ์ต่ายเปลี่ยนแปลงมากระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากความเครียด แม้คนที่ไม่ได้ชักหรือกินยา ยังอารมณ์เปลี่ยนได้เลยค่ะ
ทั้งห่วงตัวเอง ทั้งห่วงลูก  และแน่นอน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้หลายครั้งเนื่องจากครรภ์ที่ใหญ่และหนักมาก (ไม่ทราบว่า คุณแม่กำลังจะตั้งครรภ์ใช่หรือเปล่าคะ หรือมีแล้ว )  มาล้มแบบสุดๆ กระแทกทั้งครรภ์ ทั้งศีรษะ ทั้งตัว ในห้องน้ำ (ตกจากพื้นที่สูงและกระแทกทั้งของ/ทั้งพื้น) ตอนที่ประมาณ 8 เดือน น้ำตาไหลแบบเจ็บที่สุดในชีวิต
แต่ไม่แท้ง 

คำว่า ต่อไปดูแลเด็กจะดีขึ้น  คุณแม่คงทราบว่า การเลี้ยงเด็กเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย เครียดมาก ทั้งอดนอน เหนื่อย เพราะร่างกายเราโทรมกว่าเมื่อก่อน  แต่ขอเป็นกำลังใจค่ะ  ต่ายให้แฟนเป็นคนเลี้ยงเนื่องจากไม่กล้าอุ้มค่ะ และสูติก็ไม่อนุญาตด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก

แน่นอน ในห้องคลอดวุ่นวายมาก แม้นักศึกษาฝึกงาน ยังต้องผลัดกันมาเฝ้าต่ายที่กำลังปวดท้อง เพื่อจับเวลาการปวด
(เข้าใจว่า หมอสูติจะได้ทราบว่า ร่างกายต่ายพร้อมแค่ไหน) เมื่อปวดถึ่ขึ้น แต่ร่างกายยังไม่พร้อมคลอดเอง หมอให้มอร์ฟีน 3 เข็ม ต่อด้วย บล็อคหลัง  และมาจบที่ แวเลี่ยม  เพื่อให้ต่ายทรมานน้อยที่สุด  (ป้องกันที่จะชักนะค่ะ) เพราะเพิ่งชักก่อนมา รพ. เหตุจากปวดท้องคลอดค่ะ
ต้องขอขอบคุณทั้งคุณหมอ นักศึกษา พยาบาล ผลัดนั้นจริงๆ ที่ดูแลต่ายแบบสุดๆ
แม้คลอดออกมาแล้ว แม่ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกเลยค่ะ เพราะหมอสั่ง รีบไปเช็คร่างกายเด็กด่วน!
ไปอยู่ ICU ตั้ง 2 วัน เพราะความดันต่ำมาก

ตอนที่กำลังจะคลอด  ยังต้องหันไปบอกหมอเลยด้วยว่า "ช่วยฉีด วิตตะมินเคหน่อยค่ะ เกล็ดเลือดต่ำ เนื่องจาก ทาน ฟีโนบาร์ป"


ไม่ทราบว่าคุมชักได้ระดับไหนแล้วคะ  การตั้งครรภ์ มีแต่จะลดยาให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ใช่เพิ่มยาเข้ามานะค่ะ

 

[noon]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของทุกท่านมากนะคะ ต้องขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาตอบนาน พอดีเปลี่ยนหมอที่ดูแลด้วย เนื่องจากย้ายกลับมาอยู่เชียงใหม่ค่ะ ตอนนี้อาจารย์หมอก็เปลี่ยนยาให้แล้ว เป็น Lamictal แต่เนื่องจากเป็นยาที่ต้องใช้ระยะเวลาปรับนาน ตอนนี้อาจารย์หมอเลยให้ทาน depakine ควบคู่ไปกับ Keppra ค่ะ แต่ผลคือง่วงนอนมาก แต่ก็คงเป็นแค่ช่วงเดียว ตอนนี้เลยพักเรื่องการตั้งครรภ์ไว้ก่อน เพราะอาจารย์หมอแนะนำว่า ยาทั้งสองตัว ไม่ควรใช้ในกรณีการตั้งครรภ์ แล้วอาจารย์หมอจะค่อยๆ ปรับไปอีกทีค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ โดยเฉพาะคุณต่าย ขอเอาใจช่วยทั้งคุณต่ายและลูกด้วยนะคะ ถ้าวันไหนตั้งครรภ์จริงๆ คงได้ใช้คำแนะนำของคุณต่าย โดยเฉพาะในเรื่องของทางด้านจิตใจ เป็นอย่างมาก ยอมรับว่ากลัวเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด ทุกอย่างก็คงจะผ่านไปได้ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ

[Thanks-Epi]

กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ต่ายตอบเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อีกกระทู้ค่ะ
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,472.0.html


การปรับยา ของหมอแต่ละท่าน ก็ต่างกัน (ตอนแรกที่ไปจุฬาต่ายได้พบหมออีกท่านนึง ) และเปลี่ยนยาให้ต่ายใหม่ มากขึ้นกว่าเดิม เพราะคุมชักยังไม่ได้ ต่ายเองบอกตรงๆเลยว่า วันนั้น ไม่รับยากลับบ้านค่ะ เพราะยาที่มีปริมาณมากขึ้นเยอะกว่าเก่ามากจนน่าตกใจ  และแม้แต่หมอสูติ (ในวันเดียวกันนั้น)  ยังต้องบอกให้ต่ายรออาจารย์ชัยชนตัดสินใจอีกทีดีกว่า
จนเมื่อพบอาจารย์ชัยชน ท่านกลับบอกว่า ต้องลดยาให้เหลือน้อยที่สุด แต่สามารถคุมชักได้น่าพอใจ เลยเพิ่ม frisium เข้ามา ตั้ง 4 เม็ดต่อวัน  การปรับยาแทบใช้ไม่ได้ผลเลย ระหว่างตั้งครรภ์ กลับชักมากจนตารางจดแทบไม่พอ เพราะเครียดมากๆ

ส่วนอันนี้ฝากเผื่อไว้ เพราะแม่ที่ตั้งครรภ์แต่ไม่ได้เป็นลมชักก็ยังมีสิทธิ์เป็นได้ค่ะ http://www.e-magazine.info/site/2011/03/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2/

[nongtt]

Keppra 500 mg เช้าเย็น เนื่องจากเป็นยาใหม่ และ ยังไม่มีรายงานว่ามีผลกระทบในกรณีการตั้งครรภ์ ก็เลยทานมาได้เกือบ 6 เดือน มีอาการอารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก หงุดหงิดง่าย คิดมากได้ทุกเรื่อง บางครั้งก็รู้สึกเศร้าแบบไม่มีเหตุผล

อาการดังกล่าว เป็นผลข้างเคียงจาก Keppra ค่ะ ลูกชายตอนได้ทาน Keppra แรกๆ จะมีอาการ aggressive มาก ไม่ได้ดังใจก็กรี๊ด กรี๊ดวันละหลายรอบ หงุดหงิดง่าย ขนาดตอนนอน ยังละเมอ กรี๊ดๆ เลยค่ะ แต่ทานไปสักพัก (หลายเดือนอยู่) ก็จะค่อยๆดีขึ้น เหมือนร่างกายปรับตัวได้ หมอเคยแนะนำให้ทานวิตามิน B1 6 12 เสริมบอกว่าอาจช่วยได้ แต่มักได้ผลในผู้ใหญ่ แต่ของไตตั้นทานไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร ณ ตอนนั้น   
อ่านดู ยาที่ได้รับ จะคล้ายลูกชายมากค่ะ ถ้าตอนนี้ทาน Depakine คู่กับ Lamictal อยู่ ช่วงแรกคงต้องระวังเรื่องผื่นแพ้ ยิ่งถ้าเพิ่มยาเร็วเกินไปจะเป็นได้ง่าย ถ้าเป็นก็ต้องหยุดทานค่ะ ตอนไตตั้นทาน Lamictal Dose สูงๆหน่อย จะมีอาการเรอบ่อยด้วย
ทานยาหลายตัวพร้อมกัน ข้อเสียก็คือปรับยาค่อนข้างยาก และใช้เวลานานกว่าทานเดี่ยวๆ ฉะนั้น ต้องคอยสังเกตให้ดีและละเอียดหน่อยว่าพอเพิ่มหรือลดตัวใดแล้วอาการเป็นอย่างไร ความถี่ในการชักมากขึ้นหรือน้อยลงค่ะ