เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: ปฏิบัติธรรม  (อ่าน 5489 ครั้ง)

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
ปฏิบัติธรรม
« เมื่อ: วันอังคารที่ 12 เมษายน 2011 เวลา 21:27 น. »
ผมมีอีกวิธีนึงครับ

คือ พ่อแม่ ต้องไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาสม่ำเสมอ จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบาได้ครับ
ค่อยๆทำไป เป็นการชดใช้หนี้กรรมของทั้งพ่อแม่ และของลูก ให้ค่อยๆหมดไปครับ
ครูที่สอน บอกว่า เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค่อยๆดีขึ้นเร็วที่สุดครับ
การไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำกรรมฐาน ก็เป็นการชดใช้หนี้กรรมอย่างหนึ่งครับ ครูที่สอนว่าอย่างนี้ครับ

ผมป๊อป พ่อน้องวินครับ
สู้สู้

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: ปฏิบัติธรรม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 13 เมษายน 2011 เวลา 18:22 น. »
อย่างที่คุณพ่อป๊อปว่านะค่ะ
และต้อง แผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร ที่เกี่ยวกับที่เราไปทำเขาไว้ด้วย
การเจ็บป่วยแบบเรื้อรัง  เขาว่า มาจากการ ทรมานสัตว์ไว้
เวลา เราอุทิศส่วนกุศล ก็ระบุ ให้เขาด้วย ขอโทษเขาด้วยนะค่ะ (เช่นน้องๆ ทั้งหลาย คุณพ่อแม่ ก็บอกว่า เราเป็นตัวแทนของลูก ขออุทิศบุญตรงนี้แทนลูก)

ตอนต่ายนั่งพิมพ์อยู่นี่ ต่ายนั่งอยู่ที่ รพ. มาเฝ้าพ่อ ต่ายนั่งสมาธิมา เป็นวันที่ 4 แล้ว อุทิศให้เขา ช่วยกันๆ ทั้ง แม่ พี่น้อง
เรื่องอย่างนี้ บางครั้ง มันพูดยาก  บางทีกลายเป็นเรื่อง เพ้อเจ้อไป

แต่พ่อ อาการดีขึ้น พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่ว่า จะจากยาหมอ หรือ อะไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งนั้น


 

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
ฝึกการเจริญสติ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 28 ธันวาคม 2011 เวลา 09:43 น. »
นั่งคิดมานานแล้วว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือเปล่า
พอดีได้กระทู้ ของคุณพ่อป๊อป
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,186.0.html

เรื่องนี้ไม่ได้รายงานอยู่ในประวัติชักของต่าย เพราะค่อนข้าง เหลือเชึ่อ และขัดกับตำราแพทย์
การออร่า ครั้งสุดท้ายของต่าย ประมาณ 2ปีกว่า ตอนนั้นเครียดมาก กลัว ตัวสั่น อ๊วก เริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
แสงออร่าเริ่มมา ในใจคิด( เฮ้ยออ ออร่า จะชักแน่แล้ว)  แสงกระพริบมากขึ้นเรื่อยๆ การรู้ตัวเริ่มหายไป

และคำที่ผุดออกมาในหัว คือ นะโม ตัสสะ  นะโม นะโม อยู่ประมาณนี้(เพราะตอนนั้น แทบไม่ค่อยมีสติแล้ว อาร่ามาเต็มไปหมด)

ความรู้สึกคือ ถูกดึงแรงๆ วูบ เหมือนหล่นลงมา

อาร่าหาย / อ๊วก /ใจสั่น  หายไปทันที


เรื่องนี้คาใจต่ายมานานว่าคืออะไร  จนมาได้คุยกับญาติธรรมคนนึง (คบกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยเล่าให้เขาฟัง เพราะตัวเองไม่เคยศึกษาทางศาสนา)

เขาบอกว่า นั่นล่ะ คือการ เจริญสติอย่างนึง  บางคน จะนึกออกเป็น พุทธโธ หรือ คำอื่นๆ ซึ่งพระพุทธคุณต่างกันไป
เพราะเวลาเกิดเหตุร้าย  บ้างจะตกใจ ทำอะไรไม่ถูก 


แต่ถ้ามีของเก่า มันมาเอง โดยจิตใต้สำนึก


และเมื่อไม่เกินอาทิตย์นี้ พอดี ต่ายเครียด เริ่มเวียนหัว  (รู้ตัวดี) 
ต่ายหลับตาเจริญสติทันที อาการเวียนหัวก็หายไป

เหลือแต่อาการทางร่างกายที่ตามมา คือไข้ตัวร้อน ซึ่งกินพาราไปตามปกติ


เขียนเพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์นะค่ะ  เผื่อคนไข้ลมชักที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว


หมายเหตุ โปรดใช้วิจาณญาณในการอ่านจ้าาาาาาาาาาาา




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันอังคารที่ 10 เมษายน 2012 เวลา 08:19 น. โดย Thanks-Epi »
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
(อีกครั้ง)ของออร่า และ กับการเจริญสติ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2012 เวลา 08:31 น. »
เมื่อวันศุกร์ ที่ 20/1/55 มีเหตุกระตุ้นการชัก
-เหนื่อยมาก อากาศร้อนจัด อดนอน
-หน้ามืดใจสั่น (เข้าใจว่ามาจากความดันต่ำ) และสถานที่ก็คนเยอะมากจนรู้สึกหายใจไม่ออก
-ประจำเดือน
-และลืมกินยากันชัก มื้อเข้า


ต่ายรู้สึกเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว  และพอซัก 3 โมงเย็นอาการก็เริ่มไม่ค่อยดี เพราะว่า หน้ามืดหลายครั้งและใจสั่นอยุ่ตลอด ธุระก็ยังไม่เสร็จ ยังกลับบ้านไม่ได้  ระหว่างนั้น พอเริ่มรวบรวมสติได้ ก็ทั้งสมถะวิปัสสนาตลอด  (ยังเดินอยู่เลยค่ะ เพราะยังต้องไปซื้อของช่วงตรุษจีนอีก) 
พออาการหน้ามืดใจสั่นหายไปแล้ว  ก็นึกพระพุทธคุณขอให้คุ้มครอง และภาวนาพุทโธอยู่ตลอดขณะที่เดิน จนเอาตัวรอดกลับบ้านมาได้ (แต่ยังไม่หายเหนื่อย ทานทั้งเกลือแร่และนั่งพักอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง)

จนมาช่วง 1 ทุ่ม  ก็เริ่มมีออร่า(ประมาณ 2-3 ประกาย)   พอรู้ตัวก็ทั้ง สมถะ และวิปัสสนา ทันที  ออร่าหายไปเลยนะค่ะ และยังมีแรงออกมานั่งสมาธิต่อได้อีก 10-20 นาที


ต่ายอยากให้วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วย/ผู้ดูแล/หรือบุคคลธรรมที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ว่าจะโรคอะไร อารมณ์ไหน   ลองอ่านลิ้งนี้ดูค่ะ เป็นวิธีเจริญสติปฎิฐาน4 ของหลวงพ่อจรัญที่คอหักแล้วไม่มรณภาพ (แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกรรม)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7239


แต่สำหรับตำราแพทย์ฝรั่งนั้น  คงต่างจากศาสนาพุทธเรา ที่ต้องปฎิบัติเอง รู้ได้ด้วยตัวเอง

ต่ายคงไม่สามารถการันตีได้ว่าทุกโรค ทุกคนสามารถหายได้จากโรคลมชัก โดยวิธีนี้

แต่การปฎิบัติทางธรรมนั้น ต้องคู่ไปกับ ทาน ศีล  ภาวนา (หรือบุญกิริยาวัตถุ 10) ทำทุกวัน หรือง่ายๆ สำหรับชีวิตคนเมือง ตามกระทู้นี้เลย
http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,283.0.html

การอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับโรคเวรโรคกรรม
ทั้งนี้ขอขอบคุณญาติธรรมที่ช่วยแนะแนวทางให้
สมถะกรรมฐาน http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99
วิปัสสนากรรมฐาน
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2

อ้างจาก
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm



อานิสงส์ของสมาธินั้น มีมากกว่าการรักษาศีลอย่างเทียบกันไม่ได้
ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า"แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่าวพร้อยมานานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบนานเพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู "

จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ http://www.lomchakclub.com/v9/index.php/topic,545.msg5528.html#msg5528
 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันอังคารที่ 10 เมษายน 2012 เวลา 08:20 น. โดย Thanks-Epi »
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
สมาธิกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 05 สิงหาคม 2012 เวลา 10:17 น. »
อ้างจาก http://dou_beta.tripod.com/MD101_05_th.html
สมาธิที่มีผลต่อระบบการหายใจ/สมาธิที่มีผลต่อการเผาผลาญในร่างกาย/สมาธิที่มีต่อการเรียน/สมาธิที่มีต่ออัตราการใช้ออกซิเจนในร่างกาย/สมาธิที่มีผลต่อความดันโลหิตสูง/สมาธิและความสัมพันธ์ของการรักษาโรค/สมาธิที่มีต่อการทำงานของคลื่นสมอง/สมาธิที่มีต่อระบบเลือดในสมอง/สมาธิที่มีต่อสมองทั้งสองซีก/การทำงานของสมองในขณะนั่งสมาธิ

พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๔ ในประเทศไทย ได้มีนักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องจิต คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์โรจน์ สุวรรณสุทธิ และคณะทำงานแห่งคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ทำการทดลองให้นักศึกษาแพทย์ชาย หญิง ๓๒ คน อายุระหว่าง ๑๙-๒๓ ปี ฝึกสมาธิแบบสมถกรรมฐาน สัปดาห์ละ ๕ วันตลอดเวลา ๒๐ สัปดาห์ และประเมินผลเกี่ยวกับการศึกษาและความนึกคิดโดยวิธีการต่างๆ ผลการวิจัยพบว่า
๑.       นักศึกษามีความตั้งใจเรียนมาก? ๖๒ เปอร์เซ็นต์
๒.     รักการเรียนมากขึ้น ๓๑ เปอร์เซ็นต์
๓.     มีความเห็นว่าการฝึกสมาธิมีประโยชน์กับการเรียน ๖๕ เปอร์เซ็นต์
๔.     ทำให้ความจำดีขึ้นและการทำงานคล่องแคล่ว
๕.     การบันทึกคลื่นสมองไฟฟ้าพบว่า ในระหว่างการทำสมาธิคลื่นสมองมีความราบเรียบมากต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไป
 
หรือ http://www.100watts.com/smf/index.php?topic=24965.0;wap2
ในทางการแพทย์ การกำหนดสติไปที่ความรู้สึกและอาการ จะทำให้สมองหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาจำนวนมาก สารนั้นก็คือ โดพามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดสติ ปัญญา  ไหวพริบ ปฏิภาณ และความเฉลียวฉลาด   นอกจากนั้นโดพามีนยังเกี่ยวข้องกับอาการเคลื่อนไหวด้วย ถ้าขาดสารชนิดนี้ในสมองจะมีความผิดปกติของการเคลื่อนไหว ที่เรียกกันว่า โรคพาร์คินสัน   ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่กำหนดสมาธิไปที่รูป จนสมาธิแนบแน่น เช่นเพ่งกสิณ เพ่งดวงแก้ว ร่างกายจะหลั่งสารเฮนโดรฟิน ทำให้เคลิบเคลิ้มมีความสุข แต่ขาดปัญญา  การเจริญสติ กับนั่งสมาธิ ต่างกัน ถึงในระดับการผลิตฮอร์โมนของสมองเลยทีเดียว และผู้ฝึกสติทุกคนจะรู้ดีว่า ความจำจะดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์หลังการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าจะตอบในเชิงการแพทย์ก็คือ สารเคมีในสมองเปลี่ยนไป  เมื่อมีสติ จะมีความจำดีโดยอัตโนมัติ

          สำหรับทางจิตวิทยา พบว่า สารสื่อประสาทโดพามีน มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างความเชื่อมั่น และแรงบันดาลใจ สมองจะตื่นตัว มีพลัง กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆรอบตัว  แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเกิดขึ้นพร้อมกับภาวะของการมีสติสัมปชัญญะ มิฉะนั้น การเพิ่มขึ้นของสารเคมีเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย  ซึ่งพบว่าในผู้ป่วยที่เสพยาบ้า หรือคนไข้ทางจิตเภท จะมีสารโดพามีนสูงมากในสมอง ผู้ที่นั่งสมาธิจนถึงระดับที่สารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงแล้วเกิดขาดสติเพราะภาพนิมิต ก็ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย  ดังนั้นจึงควรมีพระอาจารย์คอยสอบอารมณ์เสมอ

สารโดพามินคือเป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้นในร่างกาย ในสมอง โดพามีนทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท (neurotransmitter) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99

ทั้งนี้ ยังมีสารอื่นๆอีกเช่น เอนโดฟิน

ต่ายเองก็มีเพื่อนที่เป็นอ้มพฤกษ์ครึ่งซึก (เส้นเลือดในสมองแตก)  แต่สามารถเดินได้ แต่ไม่ตรงเหมือนคนปกติ พิมพ์แชทกับต่ายได้ โดยอาศัยการเจริญสติ

It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ anan

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
Re: ปฏิบัติธรรม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 09 ธันวาคม 2016 เวลา 18:12 น. »
ผมมีอีกวิธีนึงครับ

คือ พ่อแม่ ต้องไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาสม่ำเสมอ จะช่วยให้หนักกลายเป็นเบาได้ครับ
ค่อยๆทำไป เป็นการชดใช้หนี้กรรมของทั้งพ่อแม่ และของลูก ให้ค่อยๆหมดไปครับ
ครูที่สอน บอกว่า เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค่อยๆดีขึ้นเร็วที่สุดครับ
การไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำกรรมฐาน ก็เป็นการชดใช้หนี้กรรมอย่างหนึ่งครับ ครูที่สอนว่าอย่างนี้ครับ

ผมป๊อป พ่อน้องวินครับ

ใช่ครับ

ผมก็คิดเช่นนั้นครับ(ผมสมาชิกใหม่ครับ) แต่แนะนำให้ทำควบคู่กับปฏิบัติ ปฏิบัติในที่นี้คือ ทำบุญทำทานปล่อยนกปล่อยปลาไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิ่งถ้าเราชิงชีวิตได้จะได้บุญกุศลมากๆ ชิงชีวิตอย่างเช่น มีคนให้หรือเจอคนขายปลา,ปู,เต่า,กบ,หรือสตว์อื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อนำไปประกอบอาหาร แล้วเรารีบซื้อหรือรับมา..แต่เรานำไปปล่อยสู่ธรรมชาติ วิธีนี้จะเป็นการทำบุญได้ดีกว่าไปปล่อยนกปล่อยปลาในวัดดังๆหลายเท่านัก และดีกว่าสวดมนต์ภาวนาเสียอีกแต่ก็ไม่ใช่ว่าให้ละทิ้งหรือห่างภาวนา คนเถ้าคนแก่เค้าถึงบอกว่า สวดมนต์ภาวนาก็ไม่เท่ากับปฏิบัติ โดยส่วนตัวที่ผ่านมาผมก็ไม่ละเลยที่จะปฏิบัติในทางสร้างบุญกุศลพยายามทำบุญทำทานทุกครั้งที่มีโอกาส หากเห็นคนขอทานก็อย่าละเลย และทำบุญทำทานครั้งใดให้เราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่เราตั้งใจสร้างหรือไม่ตั้งใจสร้างก็ตาม ยิ่งลูกเราชักด้วยอย่างนี้ ผมก็คนนึงที่มองดูลูกน้อยชักนับ100ครั้งต่อวันจนถึงวันนี้ที่เค้าไม่ชักเลยเป็นเวลามากว่า2ปี เชื่อผมทำบุญทำทานให้มากๆแล้วทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้น

 


Powered by EzPortal