มาให้กำลังใจคุณ someday ครับ
เรื่องภูมิแพ้ นี่น่ากลัวครับ ผมเองก็เป็น แต่เริ่มเป็นตอน 15 ปีครับ
อาการก็คือ ถ้าแพ้น้อยๆ จะรู้สึกเลย อวัยวะข้างใน มันแปลกๆครับ
ปากจะบวมเจ่อๆ
แต่ถ้าแพ้มากๆ ก็หน้าบวมทั้งหน้า หายใจลำบากมากครับ
อ้อ ที่ผมแพ้คือผมแพ้ กุ้ง กับ ปูครับ เมื่อก่อนที่จะแพ้ ทานเยอะมากๆ เพราะบ้านย่าอยู่ชลบุรี
กินปูกับกุ้งตลอดเลย ชอบมากด้วย
ตอนที่แพ้ตอนแรก ไม่แน่ใจว่าเราจะแพ้ได้อย่างไร ทานมาตั้ง 15 ปีแล้ว ไม่เห็นมีอาการ
ก็ลองกินซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนบอกว่า ถ้าแพ้ก็กินเข้าไปมากๆ
สรุป คือยิ่งกินยิ่งอันตรายมาก เพราะมีอาการหายใจไม่ออกด้วยครับ
ก็ต้องระวังเรื่องนี้มากๆเลยครับ แต่ผมรู้แล้วว่าแพ้อะไรบ้างจึงหลีกเลี่ยงได้ครับ ไม่ทราบว่า คุณแม่ จดไว้หมดแล้วใช่ไหมครับว่าน้องแพ้อะไรบ้าง
จะได้ไม่ไปกระตุ้นน้อง ส่วนลูกผมแพ้นมวัวครับ ตอนแรกก็ไม่รู้ ไปหาหมอเด็ก หมอก็ว่า อาบน้ำอุ่นบ่อยหรือเปล่า เพราะเป็นตรงข้อพับ หรืออาจจะร้อน ก็เลยขึ้นผื่น
ตอนแรกก็ทำตามที่หมอบอก ก็ได้ยามาทา ก็ทาไปก็ดีขึ้น ทาได้ซักระยะก็ขึ้นผื่นใหม่ ก็ไม่หายซักที
จนสุดท้ายเริ่มเห่อขึ้นที่แก้ม ที่รอบๆปาก ไปหาหมอใหม่ หมอก็ว่า แพ้น้ำลายหรือเปล่า
กินมา4 เดือน จึงรู้ว่าแพ้นมวัว ก็เลยได้นม นูตรามิเจนมาทานครับ
ก็ลองนมอื่นๆมาหลายตัว คิดว่าแพ้หมดเหมือนกัน เหลือนูตรามิเจนตัวเดียว เป็นนมสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้นมวัวเลยครับ
ก็ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปน๊ะครับ
เอาบารมี 10 ประการมาบอกครับ อย่างอนุโมทนาบุญนี่ทำได้เลยทันทีครับ ทำเรื่อยๆ ผลบุญจะค่อยๆส่งผลให้เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ครับ
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือกล่าวอย่างง่ายๆว่า การกระทำที่เกิดเป็นบุญ เป็นกุศล แก่ผู้กระทำดังต่อไปนี้
บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย) คือการเสียสละนับแต่ทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม
บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย) คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือ ๒๒๗ ข้อของพระภิกษุ เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด พ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม
บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย ) คือการอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด
บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย) คือการให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มี วัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์
บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ
บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป
บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย) คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า ?สาธุ? เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย
บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป
บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป
บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ
บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ ผู้ใดได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยิ่งมากจนครบ ๑๐ ประการแล้ว ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญที่ได้กระทำ ยิ่งได้มีการเตรียมกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งใจจรดเข้าสู่ศูนย์กลางกาย หยุดในหยุด เข้าไปแล้วก็ยิ่งได้รับบุญมหาศาลตามความละเอียดประณีตที่เข้าถึงยิ่งๆ ขึ้นไปขอนำมารวมในกระทู้นี้ด้วยน๊ะครับ
อ้างอิงจาก
http://www.dhammakaya.org/dhamma/boon01.php