เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: พระคาถาบูชาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๖)  (อ่าน 57838 ครั้ง)

ออฟไลน์ popja

  • Administrator
  • จอมพลัง
  • *****
  • กระทู้: 871
  • น้องวินลูกพ่อป๊อปแม่โบว์
    • แบ่งปันความรู้โรคลมชัก
พระคาถาบูชาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๖)
« เมื่อ: วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 11:55 น. »
ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ทรงศึกษาภาษาไทยอย่างแตกฉาน แล้วจึงเสด็จไปศึกษาวิชาทหาร ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2436 ขณะทรงมีพระชนม์พรรษาเพียง 14 ปี ต่อมาทรงเข้าศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ์ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (Oxford) เสด็จนิวัติคืนสู่ประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2445 รวมเวลาประทับ ณ ประเทศอังกฤษถึง 9 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จครองราชย์เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สวรรคต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 รวมสิริราชสมบัติ 16 ปี พระราชกรณียกิจที่สำคัญ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินนโยบายการปกครองสืบต่อจาก สมเด็จพระบรมชนกนาถ ในรัชสมัยของพระองค์ การศึกษาของชาติเจริญก้าวหน้ามาก ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย การพระศาสนาเจริญสูงขึ้น ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม และขยายการศึกษาของสงฆ์ให้กว้างขวาง การคมนาคม เช่น การรถไฟ สะดวกสบายขึ้นมาก ทรงดำเนินนโยบายต่างประเทศได้ อย่างถูกต้อง เห็นการณ์ไกล โดยทรงนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ส่งทหารเข้าช่วยฝ่ายสัมพันธ มิตรรบในสมรภูมิยุโรป ทำให้นานาชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และยังทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์ ด้านต่างๆ ในฐานะประเทศชนะสงคราม พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งก็คือ ทรงบำรุงกำลังรบและปลุกใจ พลเมืองให้รักชาติ ทรงวางระเบียบแบบแผนการทหารแบบยุโรป ทรงจัดตั้งกองทัพอากาศเพิ่มขึ้นอีก กองทัพหนึ่ง ทรงจัดตั้งกองเสือป่าและกองลูกเสือเพื่อปลุกใจพลเมืองให้รักชาติ นอกจากจะทรงเป็นนักการปกครองที่เล็งเห็นการณ์ไกลแล้ว ยังทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในเชิงอักษรศาสตร์ ดังจะเห็นได้ จากพระราชนิพนธ์คำประพันธ์ทุกชนิดในทุกด้าน เช่น ปลุกใจเสือป่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร โคลงสยามานุสติ เป็นต้น รวมเป็นพระราชนิพนธ์เกินกว่า 200 เรื่อง สมดังที่มหาชนชาวไทยถวายพระนามว่า ?พระมหาธีรราชเจ้า? เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทราบว่าราษฎรเบื่อหน่ายการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็โปรดให้สร้างบ้านเมืองจำลองขึ้นเรียกว่า ?ดุสิตธานี? เพื่อเป็นโรงเรียนสอน เสนาบดีและอำมาตย์ราชบริพารให้รู้จักการปกครองแบบประชาธิปไตย ทรงโปรดให้กระทรวงมหาดไทย เตรียมร่างกฎหมายปกครองท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเริ่มการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลอย่าง แท้จริง แต่เสนาบดีบางท่านเห็นว่ากฎหมายนี้ให้สิทธิแก่ราษฎรกว้างขวางเกินไป เรื่องจึงค้างพิจารณา จน กระทั่งเสด็จสวรรคต

พระคาถาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๖)
(จุดธูป ๙ ดอก ให้ใช้สีขาว หรือ สีเหลือง ห้ามใช้ สีเขียว หรือ แดง)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓จบ)
โยหิ เสฎโฐ มหาราชา ฉัฎฐะ โมจักกิ วังสิโก

อิสสะโร สะยามิกา นัญจะ ธัมมิโก ภูมิปา ละโก

ทีโป นาโถ ปะติฎฐาจะ มหาปุญโญ มะหายะโส

ปะระเมน ทามะ หาวะชิ ราวุธ ธะโมติ วิสสุโต

สะทา อะโหสิ ทัยยานัง ภาวะนีโย อะถะ

เอโส วะชิรา วาโธติ สุคุเณนะ สุปากะโฎ

อิทานิโส มะหาเตโช สุจิรัมปิ ทิวังคะโต

คุณะกิตติ ปะเนตัสสะ ทัยยิกานัง มะเนสุปิ

ปัญญายะ ติยาถาภูตัง วันทามินัง สิเรนะหัง

สะมังอะนุส สะรันโตจะ มาลาวิกะติ อาทินา

สักกาเรนะ อะเนนีเธ ยะถาสะติ ยะถาพะลัง

อะภิปูเชมิ เอตัสสะหมิง วิปปะ สันเนนะ เจตะสา

นะมะการา นุภาเวนะ เวรา โสกา จุปัททะวา

ทุกขะ โรคะ กะยา ลัตตุ อีติโต อะกะ มังคะลัง

อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต

ตัสสะ ตัสสา นุภาเวนะ อะนีโฆ นิระปัท ทะโว

อิทธัง ปัปโปมิ เวปุลลัง วิรุฬหิง จุตตะริง สะทา

ชะยะ สิทธิ ธะนัง ลาโภ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง

สิริ กิตติ จะสัทโทจะ โภโควุฑฒิ ยะโส เจวะ

มังคะลัง สุนิมิตตังจะ ชีวะสิทธิ ภะวันตุเม


คำแปลพระคาถา

พระมหากษัตริย์รัชกาลที่หกแห่งราชวงศ์จักรีผู้ประเสริฐ
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศสยาม
ทรงเป็นที่พึ่งพิง ทรงมีพระปัญญามาก ทรงมีพระอิสริยยศใหญ่
ทรงมีพระนามว่าพระปรเมนทมหาวชิราวุธ
ทรงเป็นที่เคารพของชาวไทยทุกเมื่อ
พระองค์ทรงปรากฏพระนามซึ่งเป็นที่รักจักกันดีโดยพระคุณว่า วชิระ
บัดนี้ พระองค์ผู้ประกอบไปด้วยเดชานุภาพ แม้จะทรงเสด็จสวรรคตไปนานแล้ว
แต่ว่าพระมหากรุณาธิคุณและพระเกียรติยศชื่อเสียงของพระองค์ยังคงประจักษ์อยู่แก่ปวงชนชาวไทย
ข้าพเจ้าขอถวายความเคารพด้วยเศียรเกล้าสามครั้ง
และเมื่อข้าพเจ้าระลึกถึงมีจิตใจเลื่อมใสในพระองค์
จึงขอบูชาพระองค์ตามกำลังตามความสามารถด้วยเครื่องสักการะนี้มีพวงมาลัยเป็นต้น
ด้วยอานุภาพแห่งการกระทำการนบนอบนี้ ขอให้ความทุกข์ โศก โรค ภัย อุปัทวันตรายนานาประการจงสูญสิ้นไป
และด้วยอานุภาพแห่งการกระทำนี้ขอให้ข้าพระเจ้าเป็นผู้ไม่มีความทุกข์ ไร้อุปัทวะ และขอให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความเจริญงอกงามยิ่งๆขึ้นไป
ความให้ชัยชนะ ทรัพย์ ลาภ อายุ วรรณะ ความสุข กำลังกาย สิริมงคล เกียรติยศชื่อเสียง ความเจริญไปด้วยโภคทรัพย์ ยศ และนิมิตหมายที่เป็นมงคล และความประสบความสำเร็จแห่งชีวิตจงมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญฯ


พอดีได้ไปบูชา ร.6 ที่รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่อ่านคำบาลีที่แท่นบูชาไม่ค่อยถูกครับ
ค้นหาเจอคำอ่านก็เลยเอามาแปะไว้ครับ ใครจะไปกราบไหว้ลองดูคาถาบูชานี้น๊ะครับเดี๋ยวผมจะลองไปเทียบก่อนว่าตรงกับที่แท่นบูชาหรือไม่ครับ

อ้างอิงจาก
http://tewaboocha.tarad.com/product.detail_490978_th_2331474
สู้สู้

 


Powered by EzPortal