อ้างอิงจาก/แหล่งที่มา
http://news.sanook.com/social/social_157642.phpกินอาหารรักษาโรคลมชัก (Ketogenic Diet)
โดย มติชน วัน อังคาร ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 12:01 น.
คอลัมน์ ส่องโรคไขสุขภาพ
โดย นพ.นที รักษดาวรรณ ศูนย์สมอง และระบบประสาท - โรงพยาบาลปิยะเวท
อาหาร Ketogenic Diet คือ อาหารสูตรพิเศษที่มีส่วนประกอบที่ทำมาจากอาหารปกติทั่วๆ ไป แต่มีส่วนผสม สัดส่วนที่มีปริมาณไขมันสูง (high fat) คาร์โบไฮเดรตต่ำ (low carbohydrate) โปรตีนต่ำ (low protein) โดยสัดส่วนที่เหมาะสมจะได้จากการคำนวณในคนไข้แต่ละคน
Ketogenic Diet ช่วยรักษาโรคลมชักได้อย่างไร
มีอย่างน้อย 4 ทฤษฎี ที่พยายามอธิบายกลไกในการออกฤทธิ์ระงับอาการชักของผู้ป่วยโรคลมชัก คือ
1.เกิดอาการเสียสมดุลของภาวะกรดด่างในสมอง
2.การเสียความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในสมอง
3.เกิดจากการเปลี่ยนแปลงแหล่งการใช้พลังงานของสมอง
4.เกิดจากกลไกของสาร ketone เองที่มีการออกฤทธิ์ในสมองระงับอาการชัก
Ketogenic Diet เป็นแค่การทดลอง หรือการรักษามาตรฐาน และรักษาโรคลมชักได้จริงหรือ?
Ketogenic Diet เป็นการรักษาโรคลมชักแบบมาตรฐานเช่นเดียวกับการใช้ยารักษา และการผ่าตัด Ketogenic Diet เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการรักษาเทียบได้กับยากันชัก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคลมชักแบบรักษายาก ผลการรักษาจะพบว่ามากกว่าครึ่งของผู้ป่วย จะได้ประโยชน์จากการรักษาแบบนี้ เนื่องจากโรคลมชัก (Epilepsy) มีอาการชัก (Seizure type) หลายแบบ Ketogenic Diet จะสามารถรักษาอาการชักที่เป็นอาการชักแบบทั้งตัว เช่น generalized tonic clonic, akinetic, myoclonic seizures
Ketogenic Diet เหมาะสำหรับใคร
อาหารชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคลมชักแบบรักษายาก ที่ต้องกินยาหลายชนิด แล้วยังมีอาการชักอยู่ โดยมากมักจะใช้ในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มอาการ Lenox-Gastaut Syndrome หรือเด็กที่มีความพิการทางสมองที่ต้องให้อาหารทางสายยาง แล้วยังมีอาการชักควบคุมไม่อยู่
ในการรักษาให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะ ketosis ให้นานที่สุดจากการใช้อาหาร ภาวะนี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยถูกจำกัดปริมาณอาหาร และน้ำที่ได้รับต่อวันน้อยกว่าคนปกติ 80% และต้องงดอาหารประเภท แป้ง น้ำตาล ดังนั้น หลักการดูแลคือ ต้องควบคุมสัดส่วนของอาหาร และน้ำอย่างเคร่งครัด ติดตามภาวะ ketone ในปัสสาวะสม่ำเสมอ เนื่องจากคนไข้ที่กินอาหารชนิดนี้จะถูกควบคุมปริมาณอาหาร แคลอรี่ ทำให้อยู่สภาวะขาดน้ำเล็กน้อย ดังนั้น ผลข้างเคียงสำคัญคือ นิ่วในไต ภาวะขาดน้ำ ท้องผูก ขาดสารอาหารทำให้กระดูกหักง่าย น้ำหนักตัวไม่ขึ้น ขาดวิตามินบางชนิด ระดับไขมันสูงในเลือด โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะกินอาหารประมาณ 2 ปี ในความควบคุมดูแลของแพทย์
อ้างอิงจาก
http://news.sanook.com/social/social_157642.php