เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า

เชิญร่วมงาน รวมพลังสายใย...เสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยลมชัก วันจันทร์ที่ 21 พ.ย.62 เวลา 9.00-15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 รพ.พระมงกุฎเกล้า 

 

ผู้เขียน หัวข้อ: รายงานเรื่อง การคุยโทรศัพย์มือถือนานจะทำให้สมองทำงานหนักขึ้น  (อ่าน 3039 ครั้ง)

ออฟไลน์ Champ

  • Meeting2
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 25
รายงานเรื่อง การคุยโทรศัพย์มือถือนานจะทำให้สมองทำงานหนักขึ้น
« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 01 พฤษภาคม 2011 เวลา 21:24 น. »
รายงานจากวารสาร Journal of the American Medical Association (JAMA) ระบุว่า การคุยโทรศัพท์นานถึง 50 นาที มีผลทำให้การทำงานของสมองบริเวณที่อยู่ใกล้กับเสาอากาศโทรศัพท์มากที่สุดถูกรบกวน

อย่างไรก็ตามสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) ยังไม่ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อันตรายหรือไม่ เท่าที่ทราบนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งสมอง

ดร. Nora Volkow จาก NIH กล่าวว่า สิ่งที่พบว่าถูกรบกวนจากการใช้โทรศัพท์นาน ๆ คือ เมแทบอลิซึมของกลูโคสในสมองตรงบริเวณที่ใกล้กับเสาอากาศโทรศัพท์มีระดับเพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของสมอง

Volkow กล่าวว่า การศึกษานี้ต้องการศึกษาอิทธิพลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสัญญาณโทรศัพท์ไร้สาย

ผลการศึกษาที่ได้น่าประหลาดใจมาก ตรงที่ว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอ่อน ๆ จากโทรศัพท์มือถือส่งผลเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของสมองได้ แต่ไม่มีรายงานระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งสมองหรือไม่ สิ่งที่ทราบจากการศึกษาคือ สมองไวต่อแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปลดปล่อยจากโทรศัพท์มือถือเท่านั้น โทรศัพท์มือถือกำเนิดขึ้นในโลกนี้ตั้งแต่ยุค 1980 ปัจจุบันมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากถึง 5 พันล้านคน รายงานจำนวนมากระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งสมอง แต่ยังไม่มีรายงานสรุปแน่ชัดจากองค์กรอนามัยโลก

Volkow ทำการทดลองโดยสแกนสมองอาสาสมัครจำนวน 47 คน ขณะเปิดโทรศัพท์ เป็นเวลา 50 นาที และขณะปิดโทรศัพท์ พบว่าเมแทบอลิซึมของสมองโดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่สมองบริเวณที่ใกล้กับเสาอากาศของโทรศัพท์มากที่สุดนั้นกลับมีเมแทบอลิซึมของกลูโคสเพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าผลที่ได้นั้นน่าประหลาดใจมาก ที่สำคัญคือการแปลผลต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง Henry Lai จากมหาวิทยาลัย University of Washington และ ดร. Lennart Hardell จากโรงพยาบาลใน Orebro  ประเทศ สวีเดน กล่าวว่า แม้ว่าจะยังไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพที่แน่ชัดเกี่ยวกับเมแทบอลิซึม ของกลูโคสที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในสมองผู้คุยโทรศัพท์ แต่คาดว่าผลที่ได้นี้น่าจะมีประโยชน์ต่อการศึกษาในอนาคต

ศาสตราจารย์ Patrick Haggard จากมหาวิทยาลัย University College London กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้ทำให้ทราบผลกระทบโดยตรงจากโทรศัพท์มือถือต่อสมองของเรา อย่างไรก็ตามระดับเมแทบอลิซึมของกลูโคสในสมองมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่ แล้วเป็นปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เราคิด หากการศึกษาต่อไปพบว่าโทรศัพท์มือถือมีผลกระทบโดยตรงต่อสมอง ควรจะมีการสำรวจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมีผลต่อสุขภาพอย่างไร

ขณะนี้ Volkow เองยังไม่สามารถบอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในสมองที่พบเป็นอันตรายหรือไม่ Volkow จึงเปลี่ยนมาใช้หูฟัง แทนการใช้โทรศัพท์มือถือแนบข้างหูนาน ๆ แทน


ที่มา: http://www.abc.net.au/science/articles/2011/02/23/3146692.htm

อ้างอิง: http://www.msnbc.msn.com/id/41723965/ns/health-health_care/

ออฟไลน์ Thanks-Epi

  • Meeting2
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 902
Re: รายงานเรื่อง การคุยโทรศัพย์มือถือนานจะทำให้สมองทำงานหนักขึ้น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 01 พฤษภาคม 2011 เวลา 22:21 น. »
เห็นด้วยค่ะ เพราะถ้าต่ายคุยเรื่องงาน แบบนานมากๆ ต่ายก็ใช้หูฟัง  กันไว้ก่อน แม้จะไม่มีคำเตือนจากแพทย์

แต่เพื่อนคนนึงเคยบอกไว้ค่ะ ว่า กันได้ก็ดี

สรุป หันไปใช้โทรศัพท์บ้านกันเหอะ ถูกด้วย เดิมๆ ไม่ต้องรีบร้อนรวดเร็ว  ;D ;D
It?s what you do in the dark, that puts you in the light
สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณอยู่ในความมืดมิด ก็ทำให้คุณดูสว่างจากสิ่งนี้เช่นกัน

Tegretol CR(200mg)2*2
Keppra(250mg)1*2
Phenobarb(60mg)1*1
Folic(5mg)1*1
Frisium(5mg)1*2
  @@@ over dose  Tegretol CR 1000 mg @@@

ออฟไลน์ Champ

  • Meeting2
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 25
Re: รายงานเรื่อง การคุยโทรศัพย์มือถือนานจะทำให้สมองทำงานหนักขึ้น
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 06 มิถุนายน 2011 เวลา 21:03 น. »
   สบท.เตือน วัยรุ่น ใช้มือถือให้น้อยและห่างตัว โดยเฉพาะเด็กเล็กควรงดใช้ เพื่อป้องกันภัยจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า  หลังองค์การอนามัยโลกระบุการใช้มือถือนานมีความเสี่ยงโรคมะเร็ง
     จากกรณีที่เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลกได้ออกมาให้ข้อมูลว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งสมอง โดยจัดเป็นระดับ?มีความเป็นไปได้ที่จะก่อโรคมะเร็ง?นั้น นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่องค์การอนามัยโลกออกมาเตือนชาวโลกเรื่องนี้ โดยข้อสรุปนี้เป็นผลจากการประชุมคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จาก 14 ประเทศ ที่ประเทศฝรั่งเศส จากข้อมูลการศึกษาที่มีอยู่อย่างจำกัดเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือและ โทรศัพท์ไร้สายกับการเกิดมะเร็งสมองประเภท glioma และ acoustic neuroma น่าเชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวพันกับการเกิดโรคมะเร็งดังกล่าว ส่วนมะเร็งประเภทอื่นๆ ไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ โดยจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์ไร้สายทั่วโลกมีประมาณ 5 พันล้านคน
     ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า สบท.ได้เคยทบทวนผลงานวิจัยทางการแพทย์ระดับนานาชาติระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามี 5ใน 6 การศึกษาที่ติดตามประวัติการใช้โทรศัพท์นานกว่า 10 ปี  และได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับองค์การอนามัยโลกว่า ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์ไร้สายเป็นเวลานานมีความเสี่ยงต่อโรค มะเร็งสมองเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ
     ?แม้แต่ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งของยุโรป ซึ่งได้รับทุนการศึกษาจากบริษัทมือถือเองยังได้ระบุข้อยกเว้นของผลการศึกษา ไว้ว่า กลุ่มคนใช้งานที่มีระยะเวลาใช้งานสะสมมากกว่า 1,640 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้างานสะสม 1,640 ชั่วโมงภายในระยะเวลา 5 ปี หรือเฉลี่ยใช้งานวันละ 1 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 4.8 เท่า  จึงบ่งชี้ว่า ใครที่ยิ่งใช้มาก ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นคนที่เสี่ยงคือคนที่ใช้งานสะสมนานกว่า 2,000 ชั่วโมงตลอดชีวิต หรือคนที่ใช้งานนานเป็น 10 ปี เป็นเฮฟวี่ ยูสเซอร์  ถ้าเป็นพฤติกรรมของสังคมปัจจุบันกลุ่มที่จะใช้มากคือ กลุ่มวัยรุ่น ซึ่งใช้งานวันละหลายชั่วโมง จึงน่าเป็นห่วง เพราะเด็กนั้นมีกะโหลกศีรษะบางกว่าผู้ใหญ่มีโอกาสที่คลื่นแม่เหล็กจะส่งผล กระทบได้มากกว่า?นายประวิทย์กล่าว
     นายประวิทย์กล่าวอีกว่า ดังนั้นเด็กและเยาวชนซึ่งพัฒนาการทางร่างกายยังไม่สมบูรณ์จึงไม่ควรใช้ โดยเฉพาะเด็กเล็กในบางประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศส ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อสมอง ส่วนผู้ใหญ่ควรใช้เท่าที่จำเป็น สำหรับการใช้อุปกรณ์เสริมเช่น หูฟ้งแบบมีสายสามารถลดความแรงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เล็กน้อย
    ?การหลีกเลี่ยงคลื่นโทรศัพท์โดยใช้อุปกรณ์เสริมประเภทบลูทูธ ยังมีข้อควรระวัง เพราะจะทำให้ได้รับทั้งคลื่นโทรศัพท์และคลื่นจากวิทยุหูฟัง จึงควรใช้เท่าที่จำเป็นและไม่ควรแนบหูตลอดเวลา สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่กังวลในเรื่องนี้ก็แนะนำว่า นอกจากโทรให้น้อยลงแล้ว เวลาใช้ควรให้โทรศัพท์ห่างจากศีรษะเพราะความแรงคลื่นจะลดลงอย่างมากถ้าระยะ ทางเพิ่มขึ้น ดังนั้นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังๆ ไม่ว่าจะ แบลคเบอรี่  โมโตโรล่า หรือ ไอโฟน จะแนะนำให้โทรศัพท์ห่างจากศีรษะหนึ่งนิ้ว หรืออาจเลี่ยงไปใช้วิธีเปิดลำโพง หรือ speaker phone แทน คือใช้ให้น้อยและใช้ให้ห่างก็จะปลอดภัยขึ้น?นายประวิทย์กล่าว
     
ที่มา
http://www.chip.in.th/news/details/527/%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%97.%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7/

 


Powered by EzPortal