เป็นอยู่นะคะ แต่กำลังงงว่าพี่หมอแสนสวยไม่พาไปทำCT, MRIอะไรพวกนี้หรอคะ
ของเราตอนนั้นใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก นอนดึก ดื่มเยอะ ออกกำลังกายหนัก(ตอนนั้นตั้งเป้าว่าจะลงแข่งสปาตัน)
วันนั้นที่ยิม ออกกำลังกายแบบ HIITไป 2 classและกลับมานั่งเล่นมือถือพักผ่อน
ตื่นมาอีกทีมีคนล้อมเราเต็มไปหมด บอกว่าเราชัก อันนั้นเป็นครั้งแรกที่เราชัก และชักแบบสลบไปเลย
เราจำอะไรช่วงนั้นไม่ได้เลย แถมบอกเขาด้วยว่าพี่มารุมหนูทำไม ไปโรงบาลเขาก็ให้นอนสังเกตุการณ์ 1คืน
ทำซีทีแสกน ผลคือเป็นเนื้องอกในสมองตรงส่วนขมับซ้าย จริงๆเราไม่อยากผ่าตัด เพราะยังต้องฉายแสงด้วย
และเพราะหมอบอกว่าต่อให้ผ่าตัด ยังไงก็ยังชักอยู่ดี แต่สุดท้ายเราก็ผ่าตัดค่ะ
หมอให้ยาDILANTIN 100mg มาเช่นกัน กินก่อนนอน3เม็ดทุกวันห้ามขาด
แต่ว่าพอเรากลับไปทำงานได้ซักพัก น่าจะราวๆ3เดือน ช่วงนั้นเราก็เต็มที่กับงานค่ะ(เลิกกับแฟนด้วย)
เหมือนเดิม นอนดึก ดื่มเยอะ และทำงานหนัก ซัพพอร์ตหลายงานเกิน ต้องปั่นจักรยานไปๆมาๆในโรงงานด้วย
เราชักบนรถรับส่งพนักงาน อันนี้ก็รถรับส่งพาไปส่งที่โรงพยาบาล พยาบาลก็มาดูอาการ
เขาบอกว่าเราดูปกตินะ ความดันอะไรพวกนี้ก็ปกติ คงขาดน้ำตาล แต่เรารู้สึกเบลอ เราพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
แม้กระทั่งปุ่มโทรออกเราก็ไม่รู้ โวยวายพยาบาลว่า พี่คะ ปุ่มโทรออกอยู่ไหน ฮ่าาา
ตอนนั้นก็กลับมาดูแลตัวเองค่ะ หัวหน้าเริ่มสั่งไม่ให้ไปซัพพอร์ตเยอะ ไม่ให้ปั่นจักรยานไปๆมาๆในบริษัทเยอะ
(แบบว่าโรงงานเรากว้างค่ะ ฮ่าา)
เราควบคุมอาการป่วยได้ประมาณ 1ปี8เดือนเชียว เข้าวัดบ้าง สวดมนต์ คือรู้ตัวเสมอว่าตัวเองทำอะไร
หมอบอกว่า2ปีถ้าไม่ชักก็หยุดได้นะตอนนั้นคิดว่าฉันจะได้หยุดยาแล้ว ฉันหายแล้ว
ปรากฏว่าช่วงปลายปี เรานอนดึก ทำงานหนัก(แต่ไม่ดื่ม) เครียดเรื่องเกรด โดนตัดคะแนนเยอะ
โบนัสได้น้อยกว่าอีกคน โดนแกล้งต่างๆนาๆ น้ำไม่ดื่มเลย แบบจิบๆ
เราไปเที่ยวเวียดนาม ตอนนั้นเหมือนร่างกายมันก็ไม่มีแรงอยู่แล้ว จู่ๆเราก็ชักไปเลย อากาศก็หนาวมากด้วย
โชคดีที่ตอนนั้น มีหมอ และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยไปกับเราด้วย โดยหามขึ้นรถฉุกเฉิน วุ่นวายไปหมด
ทุกครั้งที่ชักเราจะปวดหัวมากค่ะ
หลังจากนั้น เราก็คุมอาการตัวเองเรื่อยๆ ที่เป็นอีกก็อย่างเช่น
ตอนทำบัตรเอทีเอ็มหาย และถูกถอนเงินไปหมดเลย(4000บาท) อันนี้ชักเหม่อ ไปได้ชักแบบที่คอกระตุก
ตอนที่กำลังเครียดเรื่องงาน โทษตัวเองว่าทำได้ไม่ดี แถมแฟนก็ตีตัวออกห่างช่วงนั้น อันนี้รู้ตัวเองว่าจะชักค่ะ
แบบก่อนชักในหัวตัวเองจะรู้สึกสับสน พูดว่าเนี้ยกลับบ้านไปจะเล่น คะโย ซึ่งจริงๆมันต้องเป็นโยคะ
ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจะชัก รีบเดินไปเกาะราวทางเดินก่อนเลยเพราะอยู่บนสะพานรอย
ตอนที่ถูกที่ทำงานแกล้ง ตอนนั้นมีพี่คนนึงที่รู้เรื่องโทรมาคุยให้สบายใจ แต่เราชักตอนที่คุยเลย
และหลังจากนั้น เราก็เข้าโรงพยาบาล และปรึกษากับหมอตามโฟร์ปกติ
และได้ยาVALPARIN 200 ALKALETS มากกิน ต้องกินหลังอาหาร3มื้อค่ะ
แล้วก็มีตอนที่อะไรอะไรมันก็วุ่นวายไปหมดในที่ทำงาน ฮ่าา ส่วนมากมักเป็นเรื่องงานจริงๆ(เรื่องคน)
วันนั้นเราไม่กินน้ำ ไม่ฉี่ด้วย ตอนนั้นไปทำธุรกรรมการเงิน แล้วพูดถึงตัวเลขกัน เราคิดตัวเลขตามไม่ทัน
เราบอกเขาว่า คิดกันไปนะ เราคิดไม่ได้ แล้วตอนนั้นก็ชักไปเลย
จากนั้นเวลาพูดเรื่องตัวเลข เราเป็นคนพูดก่อนเลย อย่าให้หนูต้องคิดเลยเชียว 555
และครั้งสุดท้าย คือตอนที่เราไม่ทันรถบริษัท แล้วต้องนั่งแท็กซี่ตามไปจนถึงที่ทำงาน(จากปทุม-อยุธยา)
ตอนนั้นก็เครียด มีซ้อมอพยพหนีไฟ แล้วแดดก็ร้อนมาก หลังจากนั้นเราก็ชักค่ะ แต่ไม่แรงมาก ไม่มีใครเห็น
เวลาเราชัก เราชอบกลับมาร้องไห้ทุกครั้งเลย รู้สุกแบบ เนี้ย อุสาห์คุมมาได้ตั้งนานนะ อะไรแบบนี้
ตอนนี้เราไม่ชักมา6เดือนแล้ว ก็จะพยายามคุมมันต่อไป
เท่าที่สังเกตุ เราชักแบบสลบแค่2ครั้ง นอกนั้นก็จะชักเบาๆแบบคอกระตุก(ยืนแล้วชักแล้วไม่ล้มด้วยซ้ำ)
หมอแผนไทยที่เราไปรักษา พยายามบอกว่า เราต้องปล่อยความร้อนออกจากร่างกาย และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
ช่วงที่เราไปหาหมอ เราไม่ชักเลย เพราะเขาจะถามเวลานอนเราทุกครั้ง
และคอยพูดคุยให้ไม่เครียด เหมือนเป็นจิตแพทย์ของเราไปในตัวเลย
แต่ตอนนี้เราไม่ได้ไป ก็เลยหลุด ละเลยตัวเองมาก ตอนนี้เราเข้าพบหมอในโรงพยาบาลด้วย
เจอหมอโรงพยาบาล 2เดือน/ครั้งค่ะ แต่ยังไม่เคยพบหมอที่รักษาเรื่องลมชักแบบจริงๆจังๆเลย
พออ่านเคสคุณแล้วก็แอบสงสัย ว่าแสกนแล้วไม่เจออะไรหรอ
พิมพ์มาซะยาวเลย ขอโทษด้วยนะคะ