ขวัญต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะค่ะที่ช่วยกันให้ความกระจ่างกับแม่คนนี้
จิตใจตอนนี้ก้อถือว่ายังอ่อนแออยู่มากเลยค่ะ ตอนนี้ยังคงกังวลอยู่ค่ะ ทำใจไม่ค่อยได้
มีร้องไห้บ้าง แต่น้องโชกุนก้อจะบอกว่า " หม่ามี้อย่าร้องไห้นะ น้องโชกุนไม่เป็นอะไรแล้วนะ น้องโชกุนไม่ชักแล้วนะ หม่ามี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ "
กลายเป็นลูกให้กำลังใจแม่ไปซะงั้น....
เมื่อวานขวัญก้อคิดว่าเราจะพึ่งทางไหนได้บ้าง ก้อเลยลองหมอทางเลือกดูค่ะ เป็นหมอจีนแบบที่แมะข้อมือแบบนั้นอ่ะค่ะ
ก้อพาน้องโชกุนไปให้หมอแมะลองแมะดู หมอก้อบอกว่าหัวใจมีลมออกมา ทำงานได้ไม่เต็มที่ และสมองก้อมีลม
หมอจีนบอกว่าในตัวน้องโชกุนมีลมอยู่มาก เมื่อมีลมมากก้อเกิดการดันเพื่อเอาลมออกทำให้เกิดการกระตุกได้
โดยหมอจีนให้สังเกตที่บริเวณนิ้วชี้ถ้าเห็นเส้นเขียว ๆ ขี้นจากเลยโคนนิ้วชี้ขึ้นไปแสดงว่ามีลมอั้นอยู่มากเกินจะเกิดการชักได้
หมอจีนได้จัดยาให้น้องโชกุนทานเป็นยาห่อให้เอาไปต้มเอาเองค่ะ ยาโดยรวมจะเป็นประเภท
ยาขับลม , ยาบำรุงหัวใจ , ยาบำรุงสมอง ค่ะ
หมอจีนบอกว่าหัวใจดี สมองดี อาการจะหายไปเอง โดยจะทานควบคู่ไปกับยาปัจจุบัน ( เดพากิ้น ) ให้เว้นระยะห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง
ขวัญก้อเลยถามคุณหมอดูค่ะว่า หายจริงรึป่าวค่ะ หมอจีนบอกว่าน้องชายของหมอก้อมีอาการชักเหมือนกันค่ะ
( แต่นานมากแล้วนะค่ะ เพราะตอนนี้หมออายุ 70 แล้วค่ะ )
หมอบอกว่าสมัยนั้นก้อให้กินยาหม้อต้มกินบำรุงแบบนี้แหละค่ะ และก้อหายดี เพียงแต่ยาจีนจะออกฤทธิ์ช้าหน่อยต้องใช้เวลากินสักระยะนึงค่ะ
ขวัญก้อไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลรึป่าวแต่ก้อให้หมอจัดยามาให้ลองดูคงไม่เสียหายค่ะ
เมื่อเช้าลองต้มให้ทานดู ลูกกินไม่ค่อยได้ค่ะ ทั้งเปรี้ยวทั้งขม ลูกกินไปได้หน่อยก้ออาเจียนออกมาหมดค่ะ
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงก้อเริ่มให้ เดพากิ้น 0.2 ml เป็นครั้งแรกค่ะ ( คิดว่าลูกควรได้รับยาตามที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำค่ะ )
อีกอย่างนึงขวัญเพิ่งสังเกตเห็นว่าเวลาน้องโชกุนนอนจะมีอาการกระตุกเล็ก ๆ ที่นิ้วมือ นิ้วเท้า รวมถึงที่ตา และ ปาก อยู่ตลอดเวลาค่ะ
ขวัญไม่แน่ใจว่าใช่อาการนึงของอาการชักรึไม่ค่ะ
แล้วก้อคุณก้อยค่ะ ตอนที่น้องโชกุนชักในแต่ละครั้งจะมีไข้นำค่ะ แต่จะสังเกตไม่ค่อยได้นะค่ะ ต้องอาศัยที่วัดไข้อย่างเดียวค่ะ
เพราะน้องโชกุนเป็นเด็กที่ซนมากไม่อยู่นิ่ง พูดไม่หยุดเลยค่ะ สิ่งที่จะสังเกตเห็นก้อคือ มือเท้าเย็น ปากแดง ค่ะ เวลาไม่มีที่วัดไข้
ก้อเอานิ้วล้วงเข้าไปในปากเลยค่ะ ถึงจะรู้ว่ามีไข้ค่ะ แต่อย่างที่เล่าด้านบนค่ะ พอเห็นลูกมีการกระตุกเวลานอนก้อเริ่มลังเลว่า
ในต่อ ๆ ไป ถ้าเขาเกิดชักขึ้นมาอีกจะมีไข้นำจริงเหรอ แล้วลองเทียบจากความห่างของระยะเวลาการชักแล้วมันค่อย ๆ ลดลดเรื่อย ๆ ค่ะ
จากครั้งที่ 1 กับ ครั้งที่ 2 ห่างกันประมาณ 11 เดือน และจากครั้งที่ 2 กับ ครั้งที่ 3 ห่างกันประมาณ 7 เดือน ค่ะ
เหมือนระยะเวลามันสั้นลงเรื่อย ๆ ก้อเลยกลัวว่าในเวลาอันใกล้นี้จะเป็นซ้ำอีกมั้ย
ก้อเลยตัดสินใจให้ทานยา เดพากิ้น คุมไว้ค่ะ
อย่างไรก้อตามขวัญต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะค่ะ แต่อย่างไรก้อรบกวนคุณพ่อคุณแม่ช่วย ๆ ด้วยนะค่ะ
ยังอยากรู้อะไรอีกมากมายเลยค่ะ